ลงมติฟัน สุพจน์ รวยผิดปกติ ยื่นอัยการสูงสุดยึดเงิน17.5ล้าน ทองอีก10บาท

กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
 
มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง อันมีเหตุสงสัยว่า นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร่ำรวยผิดปกติเกี่ยวกับเงินของกลาง 18,121,000 บาท

และทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท กรณีนี้นายสุพจน์แจ้งว่าเงินที่ถูกปล้นไปมีเพียง 5,068,000 บาท แยกเป็นสินสอด 2 ล้านบาท เงินที่นายทศพร บิดาของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ให้เป็นทุนเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ 2.5 ล้านบาท เงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่ 568,000 บาท คณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่า เงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่เท่านั้นที่สมเหตุสมผล

"ส่วนที่เหลือหรือ เงินจำนวน 17,553,000 บาท และทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท ที่คนร้ายปล้น ป.ป.ช.มีมติให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนรายการอื่นๆ ได้แก่เงินฝาก ทรัพย์สินอื่น คณะกรรมการป.ป.ช. จะพิจารณาต่อไปในวันที่ 29 พ.ค. นี้" คณะกรรมการป.ป.ช.ระบุ


ลงมติฟัน สุพจน์ รวยผิดปกติ ยื่นอัยการสูงสุดยึดเงิน17.5ล้าน ทองอีก10บาท

สำหรับความคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น
 
ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญา หลังจากพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.347/2555 โดยยื่นฟ้องนายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น เป็นจำเลยที่ 1 นายเสาร์แก้ว นามวงค์ เป็นจำเลยที่ 2 นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน เป็นจำเลยที่ 3 นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน เป็นจำเลยที่ 4 นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี เป็นจำเลยที่ 5 นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา เป็นจำเลยที่ 6 นายประพันธ์ เรียงเครือ เป็นจำเลยที่ 7 นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย เป็นจำเลยที่ 8 และนางสาววาสนา สาเพิ่มทรัพย์ ที่ 9 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะฯ ร่วมกระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านฯ ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 310, 310 ทวิ, 340, 340 ตรี, 357, 365 และ 371
       
สำหรับคำฟ้องสรุปความผิดจำเลย ว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ - 23 พฤศจิกายน 2554 เวลากลางคืน

จำเลยกับพวกได้ร่วมกันมีมีดคัตเตอร์, ชะแลงเหล็กจำนวน 3 อัน ติดตัวไปที่ซอยลาดพร้าว 62 เขตวังทองหลาง บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนักนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายที่ 1 แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ของผู้เสียหายที่ 1 ไป โดยขู่และทำร้ายนางจันทรา สังเกิด ผู้เสียหายที่ 2 และ น.ส. สาวิตตรี บุญอุ้ม ผู้เสียหายที่ 3 ลูกจ้างของผู้เสียหายที่ 1 จนปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะหรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ทรัพย์ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง กทม.ท้องที่ตำบลและอำเภอต่างๆ จ.กาญจนบุรี และจังหวัดเชียงรายเกี่ยวพันกัน
 

ทั้งนี้คดีนายเสาร์แก้ว นามวงค์ จำเลยที่ 2 รับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 1,3,5,6,7 และ 9 ให้การปฏิเสธและขอแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดี ส่วนจำเลยที่ 4, 6, 7 และ 8 ได้รับการประกันตัว นอกจากนี้นายสุพจน์ยังได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมคดีนี้ด้วย และศาลได้อนุญาตให้นายสุพจน์เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้

ขณะที่ผู้ต้องหาสำคัญที่ร่วมขบวนการปล้นบ้านนายสุพจน์อีก 3 คน ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับและตำรวจนครบาลกำลังติดตามอย่างต่อเนื่อง
 
ประกอบด้วย นายโก้ หรือ วีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งคนร้าย
ตำรวจชุดสืบสวนเชื่อว่านายโก้ยังคงกบดานอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนลาว ผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ และนายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย ทางเจ้าหน้าที่ยังติดตามตัวเช่นกัน เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์