´ทักษิณ´ เสียงแข็งข้อเสนอป๋าเปรม อ้างถอยหลายก้าวแล้ว ทรท.-ทปอ.เมินพีเน็ต

´ทักษิณ´ เสียงแข็งข้อเสนอป๋าเปรม อ้างถอยหลายก้าวแล้ว ทรท.-ทปอ.เมินพีเน็ต

แม้ว เสียงแปร่งไม่รับข้อเสนอ ป๋าเปรม หันหน้าเจรจายุติความขัดแย้ง ลั่นเคารพกติกา ถอยหลายก้าวแล้วแต่ฝ่ายตรงข้ามแหกกฎร่ำไป ปัดข่าวเว้นวรรครายวันแค่โคมลอย ของจริงต้องรอดูผลเลือกตั้ง 2 เม.ย. เป็นตัวตัดสิน พร้อมประชดเขียน รธน. ห้ามคนชื่อ "ทักษิณ" เล่นการเมือง ด้าน "ฝ่ายค้าน-องค์กรกลาง-พีเน็ต" เห็นพ้องแนวคิดรัฐบุรุษ ฝ่าย "มาร์ค" ย้ำ "นาย ใหญ่" คือคำตอบสุดท้าย ขณะที่ "ผบ.เหล่าทัพ" ประสานเสียงห้ามทุกฝ่ายตีความถ้อยแถลง "ประธาน องคมนตรี" มาถล่มคู่ต่อสู้ "โหรสภาสูง" ทำนาย ดวงแม้วเจอมรสุมหนัก แนะเว้นวรรคชั่วคราว รอ คัมแบ๊ก ส.ค. 50 เยี่ยงวีรบุรุษ ส่วน "พีเน็ต" เก้อ "ทรท.-ทปอ." ไม่ร่วมวงหารือส่งผลแนวคิด "รัฐบาลแห่งชาติ" แท้ง "สมชัย" ขีดเส้นตาย "รัฐบาล" ฝ่าย "หมอเลี้ยบ" ไม่สนขอพึ่งเวที ทปอ. คลายปม คาด 2-3 วันมีแนวทางชัดเจน พร้อมยื่นเงื่อนไขร่วมดีเบตต่อเมื่อม็อบสลายตัวไปเลือกตั้ง ด้าน "ทปอ." เผยเหตุบอยคอตพีเน็ต เพราะไม่ชอบวิธีกดดัน-สร้างภาพ ส่วน "ก.พาณิชย์" สาวลึกนายทุนคนใหม่กุหลาบแก้ว หวั่นถือแทนเทมาเส็ก ขณะที่ "ฟิตช์เรตติ้งส์" จ้องปรับลดตัวเลขจีดีพี ไทยหากสถานการณ์ยืดเยื้อ


"ทักษิณ" เสียงแข็งข้อเสนอป๋า
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เสนอให้ทุกฝ่ายช่วยกันยุติความขัดแย้งและทำให้บ้านเมือง สงบเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชา ชนว่า เราทุกคนต้องช่วยกันและทุกฝ่ายต้องทำตามกติกา กติกาว่าอย่างไรต้องว่าอย่างนั้น เมื่อเคารพกติกาเท่านั้นก็จบ เพราะกติกาดีอยู่แล้ว

ต่อข้อถามว่า ความสงบจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนในมุมของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องเคารพกติกาบ้านเมือง คนที่ไม่เคารพกติกาก็ต้องว่ากันไป มิฉะนั้นผลสุดท้ายคนที่เคารพกติกาต้องหลีกทางให้กับคนที่ไม่เคารพกติกาตลอดเวลา หากเป็นเช่นนั้นสังคมจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.เปรม ให้ถอยคนละก้าว พ.ต.ท.ทักษิณ อุทานสวนขึ้นมาว่า "โอ๊ย ! ผมถอยมาแล้วหลายก้าว"


2 เม.ย. รู้ชะตาเว้นวรรคหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงข้อเสนอของหลายฝ่ายที่ต้องการให้ตัวเองเว้นวรรคทางการเมืองภายหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคไทยรักไทยประกาศไปแล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อย่ามาเสนออย่างนั้น ถ้าจะเสนออย่างนั้นก็ให้เขียนในรัฐธรรมนูญไปเลยว่าห้ามทักษิณเล่นการเมืองไว้ในมาตราหนึ่ง รับรองว่าจะมีคนชอบกันเป็นแถว เมื่อถามต่อว่า การพิจารณาเว้นวรรคทางการเมืองขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. นี้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่าใช่

ส่วนถ้าหากกลุ่มผู้ชุมนุมยังปักหลักชุมนุมต่อไปนั้น นายกฯ กล่าวแบบห้วน ๆ ว่า มันต้องจบ และเมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามต่อว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้การชุมนุมสลายตัวไป ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หันมามองหน้าผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถาม พร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าเคร่ง เครียดว่า ให้ไปถามเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งเดิมจัดประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ได้ย้ายไปที่กระทรวงการต่างประเทศแทน


ซัดพวกจ้องปล่อยข่าวไขก๊อก
ต่อมาเวลา 15.40 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ที่พรรคไทยรักไทยอีกครั้งถึงกระแสข่าวการตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมืองว่า "ข่าวลือแปลว่าคนที่ปล่อยข่าวแล้วอยากให้เป็นความจริง และผมก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว"

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตีความคำแถลงของ พล.อ. เปรม ว่าต้องการส่งสัญญาณให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งว่า เมื่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองออกมาปรารภแสดงความห่วงใยและให้สติกับทุกฝ่ายในประเทศ ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เชื่อว่าทุกคนที่หวังดีต่อบ้านเมืองจะต้องพยายามนำเอาคำปรารภนั้นมาทำให้ทุกฝ่ายมีสติในการพิจารณาแก้ไขปัญหาเพื่อทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่บ้านเมือง การตีความเอาแต่ประโยชน์ของตัวเองเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะ พล.อ. เปรม ต้องการให้ทุกฝ่ายยุติการเผชิญหน้าแล้วนำไปสู่การหารือร่วมกันคิดร่วมกันทำ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทย ท่านไม่ได้หมายความอะไรไปมากกว่านั้น


"ปชป."หนุนสันติวิธีแก้ปัญหา
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของ พล.อ. เปรม ว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนได้แสดงความห่วงใยและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้สติคิดแก้ปัญหาของบ้านเมือง ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องทบทวนและคิดถึงแนวทางแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งความจริงแม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละฝ่ายจะแตกต่างทางความคิด แต่ทุกฝ่ายได้แสดงออกถึงแนวทางสันติวิธี

"จะเห็นว่าคนเป็นแสนเดินมาที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้กระทั่งคนมาเชียร์นายกฯ ทักษิณ คนที่ไปชุมนุมขับไล่ผมก็เห็นกอดกันก็มี ถ้าวันนี้ทุกคนยึดแนวทางสันติวิธีก็ทำให้เรามั่นใจได้ระดับหนึ่ง และในส่วน พรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิมก็ให้ความร่วมมือกับแนวทางของการที่จะแก้ไขปัญหาโดยทุกอย่างเป็นไปตามกติกา และขณะเดียวกันคงต้องรับฟังคนที่มีอำนาจรัฐ เพราะเป็นคนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ส่วนคนอื่น ๆ เพียงแต่แสดงจุดยืนของตัวเองภายใต้กรอบของกฎหมายและกติกา" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ


ชี้กติกาดีแต่ผู้มีอำนาจ "อธรรม"

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าจะเดินหน้าเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. เพราะเป็นกติกาบ้านเมือง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องการให้นายกฯ ลาออกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้แต่ละฝ่ายพูดถึงสิทธิของตัวเอง ขณะเดียวกันในการหาทางออกทุกฝ่ายต้องยึดความถูกต้องด้วย และไม่เห็นด้วยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดประชดประชันให้เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เว้นวรรคทางการเมือง เพราะถือเป็นการยั่วยุ

"เวลาที่ปราศรัยอยากให้คุณทักษิณคิดถึงคำให้สัมภาษณ์ของตัวเองด้วย ถ้ายังพูดจาขัดแย้งกันเช้ากับบ่าย ค่ำกับเช้า ทำให้ไม่มีใครทราบแน่นอน สำนักข่าวต่างประเทศอย่างบีบีซี เวลารายงานคำพูดของนายกฯ เขายังบอกเลยไม่รู้ว่านายกฯ คิดอย่างไร ทำอะไร เพราะว่าสับสนไปหมด และผมคิดว่าไม่มีใครไปเรียกร้องว่าต้องเขียนในรัฐธรรมนูญห้ามคนชื่อทักษิณ แต่กฎหมายเขาห้ามอยู่แล้ว ใครที่มีเจตนาละเมิดรัฐธรรมนูญ ใครที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ใครที่เข้าไปบิดเบือนแทรกแซงรัฐธรรมนูญก็ผิดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนชื่อทักษิณ เพียงแต่วันนี้ปัญหามาถึงจุดที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญถูกบิดเบือน โดยผู้มีอำนาจ หลายคนจึงรู้สึกว่ามันไม่มีทางออก" หหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


ผบ.เหล่าทัพหารือสถานการณ์

ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีทำบุญในโอกาสวันสถาปนา บก. สส. ครบรอบ 46 ปี โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. นายทหารชั้นผู้ใหญ่จากทุกเหล่าทัพ รวมทั้งอดีต ผบ. ทหารสูงสุด มาร่วมพิธี ประกอบด้วย พล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ พล.อ.สำเภา ชูศรี พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ พล.อ.สมทัต อัตตะ นันทน์ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร

ภายหลังจากเสร็จพิธี พล.อ.เรืองโรจน์ ได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพ และอดีต ผบ.ทหารสูงสุด ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้น พล.อ. เรืองโรจน์ ได้บรรยายสรุปถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 45 นาที โดยมี พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ. ตร.) เดินทางมาสมทบในภายหลัง ทั้งนี้บรรดา ผบ.เหล่าทัพ ต่างแสดงความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะนำข้อเสนอของ พล.อ.เปรมไปตีความเข้าข้างตัวเอง


ย้ำทุกฝ่ายเชื่อ "ป๋า" แล้วดีเอง

พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวถึงข้อเสนอของ พล.อ.เปรม ที่ให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งว่า ข้อคิดของป๋าต้องการให้ทุกคนคิดเพื่อให้เกิดความปรองดอง และในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันจึงควรจะต้องมีกาวใจ ลองไปคิดกันว่ากาวใจคนนั้นจะเป็นใครที่ทำให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกันได้ ซึ่งตนไม่ขอออกความเห็นว่ากาวใจควรเป็น พล.อ.เปรม หรือไม่ ส่วนที่เกรงว่ากองทัพจะถูกชักจูงให้เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น ยืนยันว่ากองทัพเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครชักจูงได้ และเมื่อทุกคนนำคำพูดของป๋าไปคิดและปฏิบัติเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

พล.อ.สนธิ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละฝ่ายที่จะปฏิบัติตามข้อเสนอของ พล.อ.เปรม หรือไม่ อย่างไรก็ตามกองทัพค่อนข้างหนักใจและไม่สบายใจที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในชาติ เพราะเราถูกสอนมาให้รู้รักสามัคคี จึงอยากให้ทุกฝ่ายพูดคุยกัน และยืนยันว่ากองทัพจะไม่แสดงท่าทีใด ๆ ส่วนที่มีการเกรงว่าหากมีความรุนแรงจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น คงต้องรอดูสถาน การณ์ อย่างไรก็ตามอำนาจในการประกาศเป็นของรัฐบาล กองทัพมีหน้าที่สนองตอบเท่านั้น แต่ทหารจะทำอะไรบ้างนั้นคงต้องว่ากันอีกที


24 มี.ค.ฟังปธ.องคมนตรีอีกรอบ

พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า แม้ว่าสถาน การณ์จะตึงเครียดแต่ยืนยันได้ว่าทหารจะไม่ออกมาปฏิวัติเด็ดขาด รวมทั้งเหตุการณ์ยังไม่มีความรุนแรงจนต้องประกาศภาวะฉุกเฉินแต่อย่างใด ทั้งนี้ไม่อยากให้แต่ละฝ่ายนำคำพูดของพล.อ. เปรม ไปตีความเข้าข้างตัวเอง เช่นเดียวกับ พล.อ.อ.ชลิต เห็นว่า พล.อ.เปรม เป็นห่วงเรื่องความแตกแยกจึงออกมาพูดให้สถานการณ์คลี่คลาย และถ้าหากมีภารกิจที่กองทัพสามารถช่วยได้ก็พร้อมที่จะดำเนินการ ซึ่งตนมั่นใจว่าสุดท้ายทุกอย่างต้องลุล่วงไปได้ด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากในช่วงค่ำ วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ได้ออกมาแถลงข่าวเพื่อให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งแล้ว แต่ปรากฏว่าแต่ละฝ่ายต่างนำข้อเสนอไปตีความเข้าข้างตัวเอง ทำให้ผิดจากเจตนาของ พล.อ.เปรม ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ พล.อ.เปรม จะใช้โอกาสที่ ได้รับเชิญไปปาฐกถาพิเศษที่จุฬาฯ ในวันที่ 24 มี.ค. แสดงความชัดเจนถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ต้องตีความกันอีก


โหรสภาสูงแนะแม้วเว้นวรรค

นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ว.ฉะเชิงเทรา เจ้าของสมญาโหรสภาสูง กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันได้ก่อตัวมาตั้งแต่ดาวเสาร์ย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎทับหรือทำมุมให้โทษกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวพุธ และดาวพลูโตเดิมของเจ้าชะตา ทำให้การพูด การตัดสินใจ และการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดความเสียหาย ขณะเดียวกันก็เล็งดาวเนปจูนซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ทำให้เพิ่มอันตรายมากยิ่งขึ้น ส่วนราหูของดวงจันทร์เคลื่อนตัวเข้าราศีมีนทำมุมให้โทษกับราหูเดิมขณะเกิดเล็งลัคนาในราศีกันย์ให้โทษร้ายแรง โดยเฉพาะการให้คำแนะนำของคู่ครอง หุ้นส่วน และรัฐมนตรี แทนที่จะเป็นคุณกลับเป็นโทษ เห็นได้จากการปล่อยให้พรรคฝ่ายค้านไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยไม่จำเป็น

โหรสภาสูง ทำนายต่อว่า ดาวเสาร์จะเดินวิปริตไปถึงวันที่ 29 มี.ค. นี้ และหลังจากนั้นจะเบาบางลง แต่ถ้าจะให้พ้นอิทธิพลได้ก็ต่อเมื่อดาวเสาร์เคลื่อนเข้าสู่ราศีสิงห์ในวันที่ 10 ส.ค. 2550 ส่งผลให้ดาวดีจะให้คุณแก่นายกฯ มากขึ้นตามไปด้วย "นายกฯ น่าจะตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมืองในระยะที่ดวงชะตาไม่อำนวยเพื่อให้สถานการณ์เลวร้ายยุติลง และหลังจากแก้ไขรัฐธรรม นูญแล้วคงมีการเลือกตั้งอีกครั้ง ช่วงนั้นนายกฯ สามารถเข้าสู่เวทีการเมืองได้อย่างเต็มภาคภูมิและจะได้รับการปรบมือจากมหาชนเยี่ยงวีรบุรุษ เพราะท่านได้เสียสละเว้นวรรคเพื่อส่วนรวม"


"ทรท.-ทปอ." บอยคอตพีเน็ต

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่บ้านมนังค ศิลา มูลนิธิองค์กรกลางและเครือข่ายประชาชน ตรวจสอบการเลือกตั้ง (พีเน็ต) ได้จัดให้มีการหารือร่วม 3 ฝ่ายระหว่างตัวแทนพรรคไทยรักไทย อดีตพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะมีตัวแทนที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ (ทปอ.) เข้าร่วมเจรจาด้วย แต่เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่าไม่มีตัวแทนพรรคไทยรักไทยและ ทปอ. เข้าร่วมแต่อย่างใด มีเพียงนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมประชุม ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ มาประชุมในเวลา 11.40 น. โดยให้เหตุผลว่าได้มอบให้ผู้อื่นมาประชุมแทน และบุคคลดังกล่าวเข้าใจผิดคิดว่าประชุมช่วงบ่าย เมื่อตนทราบข่าวจึงรีบนั่ง จยย. มาร่วมประชุม

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงาน พีเน็ต แจ้งต่อที่ประชุมว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อนายพินิจ จารุสมบัติ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่นายพินิจแจ้งว่าติดภารกิจที่เวียงจันทน์และอ้างว่าไม่ทราบนัดหมาย พร้อมทั้งขอให้พีเน็ตประสานไปยัง ทปอ. เพื่อส่งจดหมายเชิญมาอย่างเป็นทางการแทน


ไอเดีย "รบ.แห่งชาติ" เป็นหมัน

พล.อ.สายหยุด เกิดผล รองประธานมูลนิธิองค์กรกลาง กล่าวในที่ประชุมว่า แนวทางขององค์กรกลางและพีเน็ตเห็นตรงกับแนวทางขององคมนตรีคือหันหน้ามาแก้ปัญหา แต่ทางกลุ่มไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงจึงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงมาแก้ไขปัญหาด้วย ซึ่งได้เตรียมแนวทางหารือไว้ 3 ข้อ คือ 1.เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป 2.ให้รัฐบาลรักษาการลาออกและให้มีรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีตัวแทนรัฐบาลและฝ่ายค้านมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และ 3.เดินหน้าปฏิรูปการเมือง

นายสมชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า พีเน็ตจะเปิดการเจรจา 3 ฝ่ายอีกครั้ง และจะเปิดโทรศัพท์มือถือหมายเลข 0-9663-9339 เพื่อรอการติดต่อจากตัวแทนพรรคไทยรักไทย โดยตน จะไม่เป็นฝ่ายติดต่อไป ทั้งนี้จะรอจนถึงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 17 มี.ค. จากนั้นจึงจะมีการนัดประชุม 3 ฝ่ายในวันที่ 17 หรือ 20 มี.ค. ต่อไป ส่วนการจัดเวทีสาธารณะในวันที่ 24 มี.ค. ยังคงมีต่อไป และถ้าพรรคไทยรักไทยไม่เข้าร่วมจะเปลี่ยนไปจัดกิจกรรมอื่นแทน


วอน "รัฐนาวา" เลิกถ่วงเวลา

"ขณะนี้เป็นวิกฤติของสังคมไทย ความหวังในเรื่องการปิดห้องเจรจาตามที่รัฐบาลต้องการคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฝ่ายค้านและพันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลบอกว่าจะรอเวทีของ ทปอ. นั้น ถือเป็นการพูดเพื่อถ่วงเวลามากกว่าทั้งที่ความหวังไม่มีแล้ว ทางออกขององค์กรกลางจึงเป็นทางเดียว อยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบ เพราะถ้ารัฐบาลเลือกทางออกอื่นอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบถึงผลที่ตามมา" ผู้ประสานงานพีเน็ต ระบุ

สำหรับผลการหารือที่มีเพียงตัวแทนฝ่ายค้านและกลุ่มพันธมิตรฯ ต่างเห็นด้วยกับการจัดเวทีสาธารณะที่จัดแบบเปิดเผย และโปร่งใส แต่มีเงื่อนไขว่าพรรคไทยรักไทยจะต้องส่งตัวแทน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมดีเบตเท่านั้น โดยทางฝ่ายค้านจะให้นายอภิสิทธิ์เป็นตัวแทน ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ให้ส่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล มาขึ้นเวที แต่ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าร่วมทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม


"ทรท."ยอมดีเบตแลกเลือกตั้ง

ด้าน นายพินิจ เปิดเผยว่า ได้แจ้งให้ พีเน็ตประสานกับ ทปอ. ว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด แต่ทาง ทปอ. ไม่ได้ประสานกลับมาที่ตน และตนไม่เคยบอกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของพีเน็ต แต่พรรคไทยรักไทยจะยึดแนวทางของ ทปอ. เป็นหลัก ส่วนข้อเสนอเรื่องการดีเบตนั้นหากนำไปสู่การเลือกตั้งได้ทั้งพรรคก็พร้อมทุกเวที และจะถ่ายทอดสด 100 ช่องก็ได้

ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ประสานกับ ทปอ. ไปไกลมากแล้ว และคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำงานซ้ำซ้อน เพราะ ทปอ. ได้เสนอ รูปแบบที่รัฐบาลเชื่อว่าเหมาะสมและสามารถหาทางออกให้กับสังคมได้ และจะมีความชัดเจนใน 1-2 วันนี้ ส่วนข้อเสนอดีเบตของพีเน็ตนั้นสิ่งที่ควรทำให้ครบวงจร คือ ถ้าอยากให้มีการดีเบตและถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนได้ฟังก็ต้องมีกลไกให้ประชาชนตัดสิน และหากฝ่ายพันธมิตรฯ ยอมรับก็ต้องยุติการชุมนุม เพื่อให้นำไปสู่การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. เป็นกลไกตัดสินเลือกรัฐบาลหรือไม่


"ทปอ."ขอปิดห้องเจรจา3ฝ่าย

ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธานที่ประชุม ทปอ. พร้อมด้วย ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาฯ ร่วมกันแถลง โดย ศ.ดร.ปรัชญา กล่าวว่า วิธีการของ ทปอ. ต่างจากพีเน็ต เพราะต้องการให้มีการเจรจาแบบไม่เป็นข่าวโดยมีพยานและมีการบันทึกเทปไว้เป็นหลักฐาน หากในการแถลงข่าวมีใครบิดเบือนจะได้นำหลักฐานมายืนยัน ซึ่ง นพ.สุรพงษ์ ได้ยอมรับวิธีการนี้ และตนจะได้นัดฝ่ายค้านให้มาหารือร่วมกันอีกครั้งหลังจากที่เดิมนัดไว้เป็นวันที่ 16 มี.ค. แต่ได้ขอเลื่อนออกไป เพราะเกิดความไม่ไว้ใจในท่าทีของรัฐบาล

ประธานที่ประชุม ทปอ. ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ ทปอ. ได้รับปากพีเน็ตว่าจะไปร่วมประชุมด้วย แต่ทางพีเน็ตกลับแถลงในลักษณะว่าถ้าตัวแทนฝ่ายใดไม่มา ถือว่าไม่มีเจตนาดีต่อประเทศชาติ ซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของ ทปอ. ที่ยึดหลักการประสานไม่ใช่หลักการกดดัน ดังนั้น ทปอ. จึงขอปฏิเสธที่จะไปร่วมหารือที่บ้านมนังคศิลา


ยุพลังเงียบช่วยกันหาทางออก

"ทปอ. ยืนหยัดในศักดิ์ศรีของคนกลางที่ยืนหยัดความเป็นกลาง แต่ที่ผ่านมามีการพูดผ่านสื่อ และเวทีต่าง ๆ พยายามผลักให้ ทปอ. อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเมื่อใดที่เราถูกกล่าวหาจนไม่มีผู้ใดยอมรับหรือหากผู้ร่วมเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายไม่ต้องการให้ ทปอ. เป็นผู้ประสานเราก็จะถอยและเปิดทางให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่แทน" ศ.ดร.ปรัชญา ระบุพร้อมทั้งเรียกร้องให้สื่อมวลชนเสนอข่าวที่สร้างความหวังให้สังคมไทย และระมัดระวังอย่าให้ใครใช้พื้นที่สื่อในการแสวงหาผลประโยชน์ ที่สำคัญสื่อควรพูดให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มพลังเงียบออกมาแสดงบทบาทและช่วยกันหาทาง ออกให้สังคมกลับเข้าสู่ภาวะสันติสุข

รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐ ศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงข่าวลือว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ลาออกจากการเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ว่า เท่าที่ตรวจสอบจนถึงเวลา 16.00 น. ของวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้ลาออกจากสถานภาพนิสิตแต่อย่างใด


สปส. แจงขายหุ้นชินฟันกำไร

นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการซื้อหุ้นชินคอร์ปของ สปส. ว่า แปลกใจที่สังคมให้ความสนใจกับข่าวนี้ เพราะ สปส. ซื้อหุ้นนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2546 และซื้อสะสมเรื่อยมา โดยยึดเกณฑ์การลงทุนของบอร์ด สปส. เป็นหลัก ไม่ได้ซื้อเพื่อเอาใจฝ่ายการเมืองแต่อย่างใด และเมื่อกลุ่มเทมาเส็กได้ทำคำขอเสนอหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทาง สปส. จึงตัดสินใจขายเพราะเห็นว่าเป็นราคาดีที่ทำให้ สปส. ได้กำไร ยืนยันว่าการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปตนไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว เพราะมีคณะกรรมการหลายระดับที่ดูแลการลงทุน ผู้ประกันตนสามารถเรียกข้อมูลได้ตลอดเวลา

ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปส. มักมีวาระซ่อนเร้น และผู้ใช้แรงงานเห็นว่าเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะหลังจาก สปส. ถูกจับได้ก็ออกมาบอกว่าได้ขายหุ้นหมดแล้ว ดังนั้นในกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปทาง สปส. จึงควรนำหลักฐานมาแสดงด้วย


พณ.สาวไส้นายทุนกุหลาบแก้ว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือดะโต๊ะสุรินทร์ นักธุรกิจไทยในมาเลเซีย ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทกุหลาบแก้วจำนวน 272 ล้านหุ้นเป็นเงิน 2,720 ล้านบาท จนก้าวมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วนั้น ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้เข้าไปตรวจสอบสถานภาพของนายสุรินทร์ว่าเงินที่นำมาลงทุนดังกล่าวเป็นของนายสุรินทร์จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน เพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวไม่ผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทกุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ หนึ่งในบริษัทที่เข้าซื้อหุ้นชินคอร์ปเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมาว่าเป็นบริษัทสัญชาติไทยหรือไม่ เพราะแม้บริษัทกุหลาบแก้วจะมีคนไทย คือ นายพงศ์ สารสิน และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือหุ้นรวมกัน 51 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งคู่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและไม่มีสิทธิออกเสียงในบริษัท กระทั่งนายสุรินทร์ก้าวเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน ขณะที่ 49 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมีบริษัทไซ เพรส โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ถือหุ้น


พบพิรุธบ.เครือ "เทมาเส็ก" อื้อ

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า สำหรับบทลงโทษในกรณีมีการถือหุ้นแทนต่างชาตินั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิก การถือหุ้นแทนด้วย นอกจากนี้ในการตรวจสอบทุนจดทะเบียนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นชินคอร์ป 4 บริษัทประกอบด้วย กุหลาบแก้ว ซีดาร์ฯ ไซเพรสฯ และแอสเพน โฮลดิ้งส์ ล้วนมีผู้ถือหุ้น กรรมการเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน และมีที่ตั้งสำนักงานในที่เดียวกัน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเพิ่มทุนยังทำการในวันเดียวกันอีกด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายคารัน เค. บาเทีย รองผู้แทนการค้าสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐกำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดและหวังว่าจะไม่กระทบต่อการเจรจาว่าด้วยข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟ ทีเอ) ไทย-สหรัฐ โดยคาดว่าการเจรจาจะลุล่วงได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันนายเดวิด มาร์แชล กรรมการอำนวยการสถาบันการเงินเอเชียแห่งฟิตช์เรตติ้งส์ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สถาบันฯ อาจต้องตัดทอนตัวเลขการประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย หากปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ข้อยุติในเร็ววันนี้.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์