หนังสือที่ควรอ่านก่อนตัดสินใจปิดสนามบิน!


18 วันเท่านั้นนับตั้งแต่เปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ปรากฏว่า แท็กซี่เวย์เกิดอาการทรุดและร้าวเสียแล้ว



ปัจจุบันก็ปรากฏเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า


มีแท็กซี่เวย์ทรุดตัวลงประมาณ 100 จุด และยังปรากฏเป็นข่าวว่าพบรันเวย์ร้าว 2 จุดอีกด้วย

ตอนนี้สนามบินแท็กซี่เวย์เกิดรอยยุบเต็มไปหมด ราวกับเป็นสนามแข่งรถยนต์วิบาก หรือ จักรยานยนต์วิบากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!!

รายงานการตรวจสอบความเสียหายที่แท็กซี่เวย์โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยนั้นพบว่า:

ประการแรก เกิดรอยแตกร้าวในชั้นผิวยางมะตอย ผิวล่างสุดของยางมะตอยแตกหลุดออกจากกันและมี พบน้ำในเนื้อก้อนยางมะตอยผิวล่างสุด

ประการที่สอง มีน้ำซึมจาก ข้างล่าง ขึ้นมาถึงผิวบนสุดของชั้นซีเมนต์ (Cement Treated Base) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ด้านล่างของชั้นผิวยางมะตอย


ประการที่สาม ระดับน้ำในคลองระบายสนามบินมีระดับสูงกว่าระดับควบคุมที่กำหนดไว้ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภายนอกสนามบิน

น้ำ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัสดุยางมะตอยและฐานรากเกิดการสูญเสียกำลัง และไม่ว่าน้ำจะมาจากไหนและเกิดจากอะไรก็ตามที วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้กำหนดกรอบของสาเหตุของความเสียหายนั้นอาจจะเกิดจากการออกแบบ, การก่อสร้าง, หรือการดำเนินงานในการควบคุมระดับน้ำทั้งภายในและภายนอกสนามบิน

สาเหตุที่ว่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจเกิดจากหลายสาเหตุรวมกันก็ได้!!!

ดังนั้นเมื่อยังไม่มีบทสรุป ก็ทำให้เกิดทฤษฎีขึ้นมากมาย และโยนความผิดกันไปมาตามสัญชาตญาณและสันดานดิบของคนที่ไม่รู้จักรับผิดชอบ

คนออกแบบโทษไปที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อเอาตัวรอด ผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้บริหารของ ทอท.โทษไปที่ดินฟ้าอากาศและธรรมชาติเพื่อเรียกเอาประกันภัย บริษัทประกันภัยก็คงโทษไปที่การออกแบบหรือการบริหารจัดการที่ไม่ได้เรื่องของ ทอท. วนเวียนกันไปแบบงูกินหางไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในวงการหมู่นักการเมืองไทย


ทำให้มั่วเข้าไว้ ทำให้งงเข้าไว้ สุดท้ายไม่ต้องมีใครออกมารับผิดชอบ!!!


อันที่จริงคนในวงการก่อสร้างเขาวิเคราะห์กันมานานแล้วว่า ถ้าทรายถมที่แพงกว่านั้น ได้ถูกฉ้อโกงกลายเป็นทรายที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาถูกกว่า ย่อมทำให้การกดทับน้ำหนักชั้นดินเพื่อระบายน้ำที่ชุ่มอยู่ให้ออกไปนั้นไม่สามารถจะทำได้

ยิ่งถ้าเป็นทรายที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ทรายขี้เป็ดเมื่อโดนน้ำก็จะกลายเป็นเหมือนโคลนเลนที่อุ้มน้ำ และยังไปอุดตันท่อที่ระบายน้ำจากชั้นดินอีกด้วย ชั้นดินที่ชุ่มน้ำก็จะทรุดตัวไม่ถึงระดับมาตรฐาน

เมื่อชั้นดินที่ชุ่มน้ำทรุดตัวไม่ถึงมาตรฐาน ก็เท่ากับว่าการทรุดตัวของสนามบินจะยังคงมีต่อไป บริเวณใดรับน้ำหนักมากก็จะทรุดตัวมากกว่าบริเวณอื่น โดยเฉพาะแท็กซี่เวย์ที่รับน้ำหนักด้วยเครื่องบินจำนวนมากที่เคลื่อนไหวช้าๆ จนถึงจอดอยู่นิ่ง ยิ่งทำให้แท็กซี่เวย์ทรุดตัวลงน้ำจึงซึมวิ่งผ่านขึ้นมาจากด้านล่างจนถึงชั้นยางมะตอยของผิวทาง

เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ได้โดยการ เจาะทดสอบแท่งตัวอย่าง (Coring) เจาะทะลุชั้นยางมะตอย ทะลุชั้นทราย และชั้นดิน ก็จะรู้ได้ไม่ยากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น!!


แต่สิ่งที่กำลังบิดเบือนและน่าเกลียดในเวลานี้


ก็คือความพยายามในการโทษดินฟ้าอากาศ โดยบอกว่าน้ำมันท่วมมาก ทำให้ระดับน้ำในคลองระบายสนามบินมีระดับสูงกว่าระดับควบคุมที่กำหนดเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสมชัย สวัสดิีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายไกร ตั้งสง่า อุปนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วศท.) ตั้งคำถามที่เป็นสามัญสำนึกธรรมดาว่า ถ้ารู้ว่าระดับน้ำสูงเกินไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ทำไมไม่ใช้โรงสูบน้ำทิศตะวันออกและตะวันตกสูบน้ำออกไป แต่กลับปล่อยให้น้ำในคลองระบายสูงกว่าระดับที่ควบคุม 2 - 3 เดือน จนเข้าไปในโครงสร้างและทำลายจนถึง จุดวิบัติ ทางวิศวกรรม ทำให้สนามบินทั้งหมดไม่สามารถรับน้ำหนักตามที่ออกแบบได้

ไม่อยากจะเชื่อว่ามีการ วางยา แต่ลำพังปล่อยระดับน้ำให้สูงเกินระดับโดยไม่จัดการอะไรก็ต้องถือว่า ชุ่ย จริงๆ ยิ่งถ้ามีปัญหาที่การก่อสร้างที่ฐานรากที่ไม่ได้มาตรฐาน และทรุดตัวยังไม่ถึงที่สุด น้ำก็เข้าสู่ช่องว่างต่างๆ ไปตามเนื้อของฐานรากจนทำให้ผิวทางไม่สามารถรับน้ำหนักตามที่ออกแบบได้ นับเป็นความเสียหายอย่างที่ไม่สามารถประเมินค่าได้


วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย


ถึงขนาดต้องแนะนำมาตรการเฉพาะหน้าว่าให้ควบคุมระดับน้ำไว้ให้เป็นไปตามการออกแบบระบายน้ำภายในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ต่อให้วันนี้สูบน้ำออกแล้วโครงสร้างของรากฐานของผิวทางก็ วิบัติ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เฉพาะข้อหานี้ลำพังเพียงแค่ปลดผู้บริหารหลายคนในบริษัท ทอท. เพื่อรับผิดชอบนั้นยังไม่เพียงพอเพราะถือว่าได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงนับพันนับหมื่นล้านบาทแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเพราะการบริหารงานด้านการระบายน้ำที่ชุ่ย หรือมีปัญหาทางทรุดตัวเพราะการก่อสร้างที่ไม่ดี ก็ล้วนแล้วแต่ที่เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องนำไปสู่การปิดซ่อมครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

ถ้าถึง จุดวิบัติ ทางวิศวกรรม หรือเกิดการทรุดตัว ในระดับฐานรากแล้ว ก็หมายความว่าอาการทรุดตัวของผิวทางจะเกิดขึ้นทั้งหมดทุกส่วนของสนามบินที่รับน้ำหนัก และไม่สามารถซ่อมแซมเฉพาะผิวทางได้


ถ้ายังฝืนซ่อมผิวทางแบบฉาบฉวย


ก็จะเกิดปัญหาซ้ำซากทรุดตัวต่อไป เท่ากับเสียเงินเปล่าเหมือนตำพริกละลายแม่น้ำ

และถ้าพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นปัญหาที่ ฐานราก ต่อให้ปิดซ่อมบางพื้นที่และเปิดใช้บางพื้นที่ ก็จะเกิดปัญหาใหม่ในพื้นที่ที่เปิดใช้และลามต่อไปเรื่อยๆ

จะโชคร้ายที่สุด ถ้าหากเศษวัสดุจากแท็กซี่เวย์ที่แตกร้าวถูกดูดเข้าไปในส่วนของใบพัดเครื่องบินก็ทำให้เครื่องบินตกได้ หรือรันเวย์เกิดทรุดหรือแตกร้าวมาฉับพลันในขณะที่เครื่องบินลงก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นกระแทกและพลิกคว่ำก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตผู้โดยสารได้เช่นกัน

และถ้าฐานรากทรุดและ วิบัติ และไม่สามารถใช้งานได้แล้ว การซ่อมแซมที่เป็นไปได้ก็คือ อาจจะต้องปิดสนามบินและใช้เครื่องมือเจาะไปในดินแล้วใช้แรงดันสูงฉีดซีเมนต์และสารเคมีไปทั่วสนามบินเพื่อปรับสภาพดินใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องใช้งบประมาณที่สูงอย่างมหาศาลก็ยังไม่แน่ว่าจะแก้ไขได้ และจะคุ้มค่าหรือไม่?

ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจว่าจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ ต้องพิสูจน์ให้ได้ทางวิทยาศาสตร์ก่อนดังต่อไปนี้

ประเด็นต่างๆ


ประการแรก เจาะทดสอบแท่งตัวอย่างลงไปในทุกชั้นของฐานรากในบริเวณที่เป็นปัญหาว่าเกิดปัญหาจากอะไร? ถ้าเป็นปัญหาที่ชั้นทรายไม่ได้มาตรฐานหรือฐานรากวิบัติไปแล้ว ให้ปิดสนามบินในบริเวณดังกล่าวเพื่อซ่อมใหญ่ได้

ประการที่สอง เจาะทดสอบแท่งตัวอย่างลงไปในทุกชั้นของฐานรากในบริเวณที่ยังไม่ได้เกิดปัญหา? ถ้ามีปัญหาเดียวกันกับจุดที่ทรุดและแตกร้าว ให้ปิดสนามบินทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยและย้ายกลับไปใช้ที่สนามบินดอนเมืองอย่างไม่ต้องลังเล

ถ้าเกิดจาการทุจริตคอร์รัปชัน ก็ต้องมีการเดินหน้าหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นความผิดที่ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือบริษัทที่ปรึกษาโครงการที่ตรวจรับงานก็ให้ดำเนินการขึ้นบัญชีดำห้ามเข้ามาประมูลในหน่วยงานราชการต่อไป และถือโอกาสนี้ประจานความชั่วร้ายของนักการเมืองไทยให้เป็นที่ประจักษ์

แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซมหรือไม่ ขอแนะนำหนังสือเก่าที่ควรอ่าน 1 เล่ม จัดพิมพ์เอาไว้เมื่อปี 2542 โดยหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งคงหาซื้อกันไม่ได้แล้ว


หนังสือเล่มนี้ชื่อ หนองงูเห่า โคตรคอร์รัปชั่น


ที่เปิดโปงกระบวนการไร้ศีลธรรมและไร้จริยธรรม ทรยศต่อวิชาชีพในทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์และความร่ำรวยของตัวเอง ทั้งวิศวกร, ผู้ออกแบบ, บริษัทที่ปรึกษา, บริษัทควบคุมงาน, ผู้รับเหมาก่อสร้าง, ข้าราชการ, และนักการเมือง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการจัดจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างในขั้นตอน ถมทราย!!!

เรียกได้ว่าเมืองไทยในเวลานั้นไว้ใจและเชื่อใจใครไม่ได้เลย และหลายคนที่เป็นข้าราชการในยุคนั้นก็เติบโตมาเป็นผู้บริหาร ทอท.และสนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ด้วย

ดังนั้นก็อย่าแปลกใจว่าทำไมจึงมีเสียงจากผู้บริหารสนามบินสุวรรณภูมิว่าการทรุดตัวในวันนี้เกิดจากดินฟ้าอากาศ จนพยายามกลบในขั้นตอนการออกแบบหรือการก่อสร้างในยุคนั้นไปเสียหมด

การปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้นอาจจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายในสายตาหลายคน แต่แท้ที่จริงแล้วถ้าปล่อยให้สนามบินถูกใช้งานเช่นนี้ต่อไปก็เท่ากับเป็นการประจานผลงานที่น่าขบขันเป็นที่น่าอับอายยิ่งกว่า

ยิ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วนั่นคือความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุด


ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์