“อภิสิทธิ์”ฟันธงคน2คนคุยกันความขัดแย้งไม่จบ

“อภิสิทธิ์”ฟันธงคน2คนคุยกันความขัดแย้งไม่จบ

วันนี้ (29 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางปรองดองแห่งชาติ ที่ไม่ยอมถอนรายงานจากสถาบันพระปกเกล้าออกว่า ตนไม่ทราบเจตนาของ พล.อ.สนธิ แต่หากเกิดอะไรขึ้น พล.อ.สนธิ จะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จะต้องทบทวนเรื่องนี้และอธิบายให้ได้ว่าการดำเนินการในลักษณะที่ผิดปกติเช่นนี้ ส่วนที่นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะหัวหน้าคณะผู้วิจัยเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ระบุหน้าที่ตนเองเสร็จแล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนั้น ตนก็ต้องการให้นายวุฒิสารทบทวน เพราะการจะพูดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดคงพูดไม่ได้ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และหากมาอิงอยู่กับงานที่ท่านทำด้วยมันก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และการที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า จะแถลงเปิดใจในสัปดาห์หน้า ตนคิดว่าท่านคงมีอะไรในใจ


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้าสัปดาห์หน้ากรรมการควรจะฟังเสียงรอบด้าน

โดยเฉพาะดูเหตุการณ์ในการประชุมร่วมของรัฐสภา และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับสรุปว่าสถาบันพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นว่า รายงานการวิจัยถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่ เพราะตัวสภาสถาบันเป็นผู้อนุมัติให้ทำงานวิจัยดังกล่าว ส่วนที่ศิษย์เก่ามีท่าทีไม่เห็นด้วย และไม่มีความเชื่อมันจนมีการคืนวุฒิบัตรไปบางส่วนแล้วนั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวย่อมมีผลกระทบกับตัวสถาบันแน่นอน


เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิ ระบุว่า หากยังคงเดินหน้าต่อ พล.อ.สนธิ ก็ไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ทำไมจะไม่เป็น เพราะที่จริง พล.อ.สนธิ สามารถหยุดเรื่องราวได้แน่ หากตัดสินใจไม่ลงนามในรายงานเรื่องก็จบ นอกจากนี้การตัดสินใจที่จะไม่ถอนรายงานในทุกขั้นตอนก็เป็นท่าน ทั้งการประชุมร่วม และการประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็เป็นท่าน การที่ทำให้เกิดความกำกวมในการที่เอารายงานของผู้วิจัยมาแล้วท่านก็เป็นประธาน แล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้อย่างไร


เมื่อถามว่ากรณีที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่ากว่าจะถึงขั้นตอนที่จะออกเป็น พ.ร.ก.จะต้องใช้เวลาอีกนานนั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องติดตาม เพราะคนที่ทราบดีที่สุดคือ ครม. แต่พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน เมื่อถามว่าหากเป็นการออก พ.ร.ก.เร่งด่วน จะสามารถทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย ได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตกไป แต่ในระหว่างที่มีการตีความก็สามารถใช้ไปได้ แต่ถ้าเป็นโมฆะก็ถือว่าไม่มีผลตั้งแต่ต้น ซึ่งตนจะไม่มองว่ารัฐบาลกล้าหรือไม่กล้าที่จะทำเรื่องดังกล่าว แต่รัฐบาลจะต้องมองว่าเป็นเรื่องที่ควรหรือไม่ควร และยืนยันว่าสิ่งที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ยิ่งจะอ้างว่าทำเพื่อความมั่นคง แต่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ก็เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัวอยู่แล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ประธานปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุ หากคน 2 คนคุยกันความขัดแย้งจะจบ
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นไม่ตรงกับเรื่องดังกล่าว เพราะความขัดแย้งในสังคมนั้นมีหลายประเด็น หลายมิติ การที่จะมองว่าสามารถจบได้ด้วยคน 2 คน ตนมองว่ามันไม่สะท้อนข้อเท็จจริง ที่สำคัญ ตนคิดว่าการพูดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในลักษณะที่เหมือนกับว่าท่านเป็นคู่ขัดแย้ง ไม่น่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริง และจะทำให้ท่านถูกเข้าใจผิดเพิ่มขึ้นอีก


“หากคำนึงถึงประโยชน์ของการเมือง ผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง ผู้มีอำนาจในอดีตถึงปัจจุบันก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะคำตอบที่เราต้องการคือทำให้สังคมเดินไปข้างหน้า ในทิศทางเดียวกัน ผมไม่เห็นว่าการตอบโจทย์ให้คนไม่กี่คนจะชี้ทิศทางให้คนทั้งประเทศได้อย่างไร ส่วนการเคลื่อนไหวของผู้ที่ได้รับผลกระทบสะท้อนให้เห็นว่ายังไม่อีกหลายภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ ไม่เห็นสอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ แล้วทำไมจึงไม่ฟังเสียงคนอื่น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์