วันนี้ (19 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการหนึ่ง
ถึงกรณีที่ถูกนายธีรยุทธ บุญมี ผอ.สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์เพื่อพัฒาประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งฉายา "มาร์คเมาอู้" และแนะนำให้เจาะประเด็นลึก ๆ โดยควรเขียนบทความดีกว่าให้สัมภาษณ์ ว่า ตนเข้าใจสิ่งที่นายธีรยุทธเสนอแนะ แต่สังคมไทยแปลกหากปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อย ๆ ก็จะซึมลึก ทุกวันนี้ฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีสร้างกระแส ใช้ข้อมูลตัดต่อกันอย่างสนุกสนานกลับไม่มีใครว่าอะไร ดังนั้นเราต้องชี้แจงมุมมองของเราต่อสาธารณะด้วย
ส่วนที่นายธีรยุทธ แบ่งเมืองไทยเป็น 2 ก๊ก ก๊กคนเลวโจโฉ จะชนะก๊กคนดี เล้าปี่–ขงเบ้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ขณะนี้การเมืองไม่ได้มีเพียง 2 ทางเลือก ระหว่างอนุรักษ์นิยมกับประชานิยม แต่ตนคิดว่าเสรีนิยมน่าจะกลับมาเป็นคำตอบ วันนี้ต้องตั้งคำถามว่าที่บอกว่าฝ่ายโจโฉยืนอยู่บนการที่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชนที่เป็นรากหญ้า ต้องดูกันต่อไปว่าจะตอบโจทย์รากหญ้าจริงหรือเปล่า ที่แพงกันทั้งแผ่นดิน ที่ความเป็นอยู่ความยากจนต่าง ๆ ยังเห็นได้ชัด และนโยบายซึ่งพยายามที่จะออกแบบมาในลักษณะของประชานิยม ตั้งแต่จำนำพืชผล รถคันแรกหรืออะไรก็ตาม ในที่สุดสังคมจะตัดสินว่าเป็นนโยบายที่ดีหรือเหมาะสม ช่วยแก้ปัญหาความยากจนได้จริงหรือไม่ ซึ่งหนังยังไม่จบและอาจจะไม่มีวันจบยังอีกยาว ตนเชื่อว่าแนวทางของฝ่ายโจโฉนั้นไม่ยั่งยืน
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายธีรยุทธเปรียบเทียบการเปลี่ยนโฉมการเมืองไทย
โดยเปรียบเทียบจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์, พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนสนใจเรื่องเส้นแบ่งระหว่างคำว่า บารมีกับอิทธิพล โดยยอมรับว่าทั้ง 3 คน ครองอำนาจรัฐได้นาน มีอิทธิพลต่อการเมืองไทย ต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมาก อีกนัยหนึ่งคือเป็นผู้มีบารมีทางการเมือง ขณะที่เสื้อแดงเองกลับชอบพูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ และเสื้อแดงเองกลับไม่ให้ความหมายกับคำว่าบารมีในทางที่ดี.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
