มาร์คเปิดผนึกแย้งงานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า ย้อนประเด็นแม้ว

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า

ในวันนี้จะโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวเพื่อชี้ให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการประมวลข้อเท็จจริงในรายงานผลการวิจัยเรื่องการปรองดอง ของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งความจริงก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของรายงานวิจัยฉบับนี้ แต่ตนอยากย้ำ เพราะเห็นมีการเรียกร้องว่าให้ตนร่วมปรองดอง ซึ่งยืนยันว่าตนปรองดอง

 ดังนั้นขอให้พรรคเพื่อไทยได้รับข้อเสนอปรองดองของสถาบันพระปกเกล้า ที่บอกอย่างชัดเจนว่าอย่าใช้เสียงข้างมากมาทำเรื่องปรองดอง

 ต่อมาเวลา 15.20 น. นายอภิสิทธิ์ เปิดจดหมายเปิดผนึกถึงคณะผู้วิจัยสถาบันพระปกเกล้า แทนการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยระบุว่า ต้องการชี้ให้เห็นถึงปัญหาจากการประมวลข้อเท็จจริงของสถาบันพระปกเกล้าในรายงานผลการวิจัย เรื่องการปรองดองที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลายอย่าง อาทิ วิธีวิจัยและการจัดทำรายงานฉบับนี้ รวมไปถึงข้อเสนอแนะ

 รายละเอียดของจดหมายเปิดผนึกทั้ง 6 หน้า นายอภิสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตมุ่งเน้นเฉพาะบทที่ว่าด้วย
 
ประวัติศาสตร์ความขัดแย้งในช่วงเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากผู้ที่ติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองในช่วงดังกล่าวหากมีโอกาสอ่านรายงานในส่วนนี้จะต้องตกใจว่า มีความคลาดเคลื่อนและการข้ามข้อเท็จจริง และเหตุการณ์สำคัญๆหลายส่วนอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งการบันทึกข้อเท็จจริงให้แม่นยำ ครบถ้วน เท่าที่จะทำได้ มีความสำคัญมาก เพราะอาจมีการนำรายงานนี้ไปอ้างอิงต่อไปในอนาคต

 ดังนั้น ความบกพร่องในการประมวลข้อเท็จจริงย่อมส่งผลกระทบต่อการจัดทำข้อเสนอแนะ

  ซึ่งแม้แต่ข้อสรุปสำคัญของงานวิจัยชิ้นนี้ก็ยังกล่าวถึงความสำคัญ และความจำเป็น เร่งด่วนที่จะต้องมีการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยเสนอให้ คอป. ดำเนินการในระยะเวลา 6 เดือน จึงไม่ควรมีความผิดพลาดในการนำเสนอข้อเท็จจริงผ่านงานวิจัยฉบับนี้ เพราะจะเป็นการทำลายหัวใจที่เป็นต้นทางในการร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศ


มาร์คเปิดผนึกแย้งงานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า ย้อนประเด็นแม้ว

เนื้อหารายละเอียดก็ได้ระบุถึงประเด็นหลักๆ ที่มองว่ามีความผิดพลาด ประกอบด้วย

 1.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรัฐบาลทักษิณ โดยรายงานฉบับนี้ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญที่ คอป.ระบุว่า เป็นต้นตอของปัญหา วิกฤติที่เกิดขึ้นจากการแทรกแซงตุลาการจนเกิดการละเมิดหลักนิติธรรมในคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  เมื่อปี พ.ศ.2544 ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการตั้งโจทย์ผิด จนนำไปสู่การหาคำตอบที่ไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาได้

 2.ปัญหาการทำลายระบบนิติรัฐก็มีการระบุเพียงผ่านๆ เท่านั้น ทั้งที่ปัญหาการแทรกแซงองค์กรอิสระ และการทุจริตเชิงนโยบาย มีรายละเอียดที่อ้างอิงได้จากคำวินิจฉัยของตุลาการ รัฐธรรมนูญและศาล ปรากฏการณ์ที่ระบบตรวจสอบถูกทำลาย การถ่วงดุลตามระบบทำไม่ได้ จนเกิดการเรียกร้องบนท้องถนนตามมา

 3.ปัญหาการฆ่าตัดตอน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2,500 ศพ จากนโยบายสงครามกับยาเสพติดที่มีผลสรุปของคณะกรรมการอิสระแล้วว่า เป็นความผิดพลาดจากนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติด และอาจเข้าข่ายการเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยที่รัฐบาลในขณะนั้น มิได้พยายามที่จะแก้ไขหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

 นายอภิสิทธ์ ยังได้สรุปแนวคิดไว้ว่า เหตุการณ์ข้างต้นล้วนมีนัยสำคัญที่สะท้อนความความรุนแรง ความขัดแย้ง
 
การละเมิดสิทธิมนุษยชน การละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมว่า เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ในรายงานนี้ แทบไม่มีการเอ่ยถึงเลย ทั้งที่ส่งผลโดยตรงต่อปัญหาการปรองดอง แต่รายงานกลับมุ่งเน้นไปที่มิติความแข็งแกร่งของรัฐบาลทักษิณ จนกระทั่งมีความคลาดเคลื่อนง่ายๆในข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น กับงานวิจัยที่มีการแสวงหาข้อมูลอย่างรอบด้าน

 เช่น การอ้างว่าพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งท่วมท้นจนเป็นรัฐบาลพรรคเดียวสองสมัย ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงในปี 2544 ที่ผลการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลมิได้เป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ ก็ได้อธิบายถึงเหตุการณ์ทั้ง 3 ช่วง ตามที่มองว่ามีการคลาดเคลื่อนประวัติศาสตร์ คือ ช่วงรัฐประหารและรัฐบาลสมัคร – สมชาย ช่วงรัฐบาลประชาธิปัตย์และเหตุการณ์ปี 2552–2553 รวมถึงกรณีเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค.2553

 ในส่วนสุดท้ายของจดหมายเปิดผนึก นายอภิสิทธิ์ แสดงความคิดเห็นทิ้งท้ายด้วยว่า

หากข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนย่อมนำมาซึ่งการโต้แย้งและการไม่ยอมรับต่อผลการศึกษาที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งไม่เพียงแต่จะเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงของสถาบันพระปกเกล้าที่จะถูกตั้งคำถาม ถึงความเป็นอิสระทางวิชาการเท่านั้น แต่จะส่งผลเสียต่อการแสวงหาทางออกให้สังคม เพราะจะถูกมองว่า เป็นการเสนอทางออกตามความต้องการของคนกลุ่มเดียว ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่ใช่เจตนาของผู้วิจัย จึงขอให้คณะผู้วิจัยได้ทำการทบทวนรายงานดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์