“พระกี้ร์”ขอรวมคดีก่อการร้าย19 แกนนำ

“พระกี้ร์”ขอรวมคดีก่อการร้าย19 แกนนำ

วานนี้ ( 6 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.30 น.
 
ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.4958/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง พระฐิตะมันโต  หรือพระอริสมันต์ หรือพระกี้ร์ พงศ์เรืองรอง อายุ 47 ปี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-2 และกระทำผิด พระราชกำหนด ( พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 

โดยนายศุชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ทนายความจำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งรวมคดีนี้เข้ากับคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553

ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาระคำ หรือไพรพนา นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ชูกล่อม นายนิสิต สินธุไพร นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วม นปช.รวม 19 คนในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากคดีมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกัน ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาและนัดฟังคำสั่งว่าจะอนุญาตให้รวมคดีหรือไม่ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นัดนี้พระอริสมันต์เดินทางมาศาลด้วยตนเอง โดยมีกลุ่ม นปช.จำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ

สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- พ.ค.53 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ร่วมกับพวกที่เป็น แกนนำ และแนวร่วม นปช.

กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยซึ่งเป็นแกนนำ นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ร่วมกันกับพวก ยุยง ปลุกปั่นประชาชนทั่วราชอาณาจักรไทยให้เข้าร่วมชุมนุมและทำกิจกรรม โดยมีความมุ่งหมายที่จะต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นให้ประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยจำเลยกับพวกจัดให้มีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตามแนวถนนราชดำเนินไปจนถึงสี่แยกคอกวัว และแยกราชประสงค์ มีการเดินขบวนและเคลื่อนย้ายประชาชนไปปิดล้อมสถานที่ต่าง ๆ และมีการใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักประชาชน เพื่อสร้างความปั่นป่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่การคมนาคม ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเกรงกลัวอันตรายที่จะก่อให้เกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างและทรัพย์สิน ขัดขวางการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนทั่วไป และจำเลยกับพวกยังร่วมกันสะสมกำลังพลและอาวุธสงครามร้ายแรง มีการฝึกกำลังคนและฝึกการใช้อาวุธเพื่อก่อการร้าย และยังใช้เลือดของจำเลยกับกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากไปเท ราดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่พรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี  ใส่กระทรวงกลาโหม ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79

ยิงใส่กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรี ยิงใส่กองบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รมน.) มีทหารได้รับบาดเจ็บ บุกตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยอ้างว่ามีทหารแอบซ่อนอยู่ ทำให้แพทย์ พยาบาล ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยได้ สถานที่อื่น ๆ หลายแห่ง

การกระทำของจำเลยกับพวก ไม่เป็นการกระทำโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งวันที่ 5 เม.ย.53 ว่า

การกระทำของจำเลยและผู้ชุมนุมเป็นการกีดขวางเส้นทางคมนาคม ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และหลังจากวันที่ 7 เม.ย.53 ที่นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ จำเลยกับพวก ยังคงก่อความไม่สงบ นำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปที่รัฐสภา และทำร้ายร่างกายทหารที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งแย่งชิงยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอกของราชการไปด้วย ต่อมาจำเลยกับพวก ยังบุกรุกเข้าไปในสถานีดาวเทียมไทยคม 2 ที่ตำบล - อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณโทรทัศน์ “ พีเพิลแชลแนล ” หรือ PTV ที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะวันที่ 10 เม.ย.53 จำเลยกับพวก ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและใช้อาวุธปืนสงคราม ระเบิดขว้าง เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ยิงใส่ทหารและประชาชน เป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนเสียชีวิต บาดเจ็บ จำนวนมาก และยังลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งยังมีการยิงระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม และสาขาอื่นๆ อีกหลายแห่ง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์