ตั้ง2ปมฟันเจ๊แดงรวยผิดปกติ

สอบเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รวยผิดปกติ โยงน้องสาว ภูมิธรรม เวชยชัย แกะเงื่อนงำความร่ำรวยของคนใกล้ชิดในหมู่บ้านชินณิชา วิลล์ และเครือข่ายเอ็มลิ้งค์ 1.5 พันล้าน เตรียมสาวเส้นทางการเงิน

ในการประชุมคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

กรณีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติและจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ

โดยมีนายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. เป็นอนุกรรมการ

การตั้งอนุกรรม การไต่สวนในกรณีนี้เป็นผลสืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ

โดยกล่าวหาว่า

น.ส.เยาวภามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ตามมาตรา 66 ของกฎหมาย ป.ป.ช. จากการถือครองหุ้นในหมู่บ้านชินณิชา วิลล์ ที่มีการใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทนนางเยาวภา และกรณีที่บุตรทั้งสามคนของนางเยาวภาซื้อหุ้นจาก 4 บริษัทเอกชน เป็นเงินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งที่บุคคลทั้งสามเพิ่งบรรลุนิติภาวะ และบางคนยังไม่จบการศึกษา จึงไม่น่าจะมีฐานะมีเงินกว่า 1,000 ล้านบาท จึงเชื่อได้ว่าบุคคลทั้งสามน่าจะถือครองหุ้นแทนนางเยาวภา และมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ

อาจกระทำผ่านบริษัท สินมหัต จำกัด ที่มีนางสุนิสา ปฐมพฤกษ์ น้องสาวนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าของ หรือไม่

ก่อตั้งวันที่ 23 พฤษภาคม 2537 ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท วันที่ 27 มีนาคม 2546 เพิ่มเป็น 450 ล้านบาท

มีกรรมการ 3 คน คือ

นางวัสสา จีนะวิจารณะ (ภรรยานายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย)

นายยงยุทธ วิเศษสรรค์

และนายสุธรรม มลิลา โดยมีนายวัลลภ ลิ้มเจริญ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2546

ได้แก่

บริษัท ริเวียร่า โฮลดิ้ง จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทีเอสบี โฮลดิ้ง จำกัด) จำนวน 25,499,996 หุ้น

บริษัท สินมหัต จำกัด จำนวน 18,000,000 หุ้น

และบริษัท ทรัพย์สินฝาจีบ จำกัด จำนวน 1,500,000 หุ้น

ประกอบธุรกิจบริการให้คำแนะนำและปรึกษาทางธุรกิจ มีนางสุนิสา ปฐมพฤกษ์ ถือหุ้นใหญ่ 9,994 หุ้น จาก 10,000 หุ้น

ต่อมาในช่วงวันที่ 11 กรกฎาคม 2548

(ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มนางเยาวภาขายหุ้นในหมู่บ้านชินณิชาวิลล์) บริษัทสินมหัต ที่มีนางสุนิสาถือหุ้นใหญ่ได้โอนหุ้นที่ถือในบริษัท สร้างสิน พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด

และบริษัท นิติบุคคลแจ้งวัฒนะ 17 จำกัด ไปให้กลุ่มนายสุธรรม มลิลา ทั้งหมด

น.ส.ชินณิชา น.ส.ชยาภา และนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวและบุตรชายทั้ง 3 คนของนางเยาวภา

ถือหุ้นในบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท โดย น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ อายุ 26 ปี ถือหุ้นทั้งหมด 13 บริษัท

ในจำนวนนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 บริษัท ขณะที่ น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ อายุ 22 ปี ถือหุ้นทั้งหมด 7 บริษัท

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า

แนวทางการสอบสวนในกรณีของหมู่บ้านชินณิชา วิลล์ นั้น ป.ป.ช.จะต้องสอบว่า

บริษัท สินมหัต จำกัด ของนางสุนิสา เป็นนอมินีของนางเยาวภาหรือไม่

โดยจะต้องเรียกนางสุนิสามาสอบสวนว่ามีฐานะร่ำรวยพอที่จะเป็นเจ้าของหุ้นหรือไม่

เอาเงินมาจากไหนในการซื้อหุ้น ในส่วนของหุ้นที่อยู่ในชื่อของบุตรทั้ง 3 คนก็เช่นกัน

ถ้าจับประเด็นได้ก็ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร อาจมากกว่า 6 เดือน

คดีนี้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. เป็นคนกำหนดให้นายเมธี ครองแก้ว เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

เนื่องจากเป็นคนกำกับสำนักตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง

ที่เป็น ส.ส. และมีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายจึงให้ น.ส. สมลักษณ์ จัดกระบวนพล ที่แม่นในข้อกฎหมายมาช่วยเป็นอนุกรรมการ

และให้นายเมธีหาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเป็นอนุกรรมการ

อาทิ จากธนาคารแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น เพื่อมาช่วยในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ขอบคุณข้อมูลข่าว คุณภาพดีโดย: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ