ย้อนรอยข่าวลือล้มรัฐบาล หรือเป็นเพียงแค่เกมการเมือง

ย้อนรอยข่าวลือล้มรัฐบาล หรือเป็นเพียงแค่เกมการเมือง

และแล้วข่าว "ขบวนการล้มรัฐบาล" ก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง โดย "ผู้ให้ข่าว" หน้าเดิมๆ

นำโดย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กับแกนนำคนเสื้อแดงใต้ปีก จตุพร พรหมพันธุ์

มาครั้งนี้ให้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากข่าวลงขัน 3 พันล้านบาท จ้างม็อบ ต่อมาเปิดเพิ่มว่า คนพวกนี้มี 4 กลุ่ม และล่าสุดแฉซ้ำว่าประชุมกันที่ เซฟเฮาส์แถวพุทธมณฑล

สิ่งที่น่าสนใจคือ "บริบท-ช่วงเวลา" ในการปล่อยข่าวนี้ โดยสมาชิก พท. ว่าช่วงเวลานั้นๆ "รัฐบาล-เพื่อไทย-เสื้อแดง" กำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่

"มติชน" ตรวจสอบข่าว "ล้มรัฐบาล" ย้อนหลัง ก่อนพบว่ามีการให้ข่าวลักษณะเช่นนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง

แต่ละครั้งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองแหลมคม อย่างน่าสนใจ

-1 ก.ย.2554 "จตุพร" เดินรี่เข้าหาวงนักข่าว ที่หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อกล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ พบว่ามีขบวนการที่จ้องจะล้มล้างรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เช่นเดียวกับที่เคยล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

แต่เมื่อนักข่าวถามว่า กลุ่มคนดังกล่าวประกอบด้วยใครบ้าง จตุพรเลี่ยงตอบว่า "ก็พวกหน้าเดิมๆ คีย์ในคอมพิวเตอร์ก็รู้ การข่าวผมไม่เคยผิด"

สถานการณ์ขณะนั้น : น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบคำถามเรื่องจะไม่เอื้อประโยชน์ให้กับพี่ชายไม่ได้จนต้องเดินหนีนักข่าวบ่อยครั้ง

-2 ต.ค.2554 "พร้อมพงศ์" ระบุว่า ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงว่า มีกลุ่มการเมืองร่วมมือกับกลุ่มผู้สูญเสียอำนาจจ้องจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยวางแผนเป็นบันได 9 ขั้นล้มรัฐบาล ได้แก่ 1.ใช้สื่อโจมตี พท.ทุกประเด็นทั้งนโยบายและตัวบุคคล 2.กลุ่มอำนาจเก่าสั่งให้ลูกน้องในกระทรวงต่างๆ เกียร์ว่าง 3.ยุยงข้าราชการให้ร้องทุกข์ว่าถูกย้ายไม่เป็นธรรม 4.ยุยงชาวบ้านให้มาร้องทุกข์ผู้บริหาร พท. 5.ให้เอ็นจีโอล่าชื่อทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล 6.ใช้เครือข่ายสื่อที่มีรวมถึงโซเชียลมีเดียโจมตีว่ายิ่งลักษณ์ช่วยทักษิณ 7.โจมตีสมาชิก พท.และคนในรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน 8.ทำร้ายแกนนำคนเสื้อแดง สมาชิก พท. รวมถึงบุคคลสำคัญในรัฐบาล 9.เมื่อดำเนินการตามข้อ 1-8 สำเร็จ ก็ให้เร่งประเด็นยุบ พท.

สถานการณ์ขณะนั้น : รัฐบาลย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมาชิก พท.บางส่วนเรียกร้องให้แก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม โดยอ้างว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจทำโผแต่งตั้งโยกย้าย

-29 ต.ค.2554 "พร้อมพงศ์" แถลงว่า มีความพยายามปลุกม็อบให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่แก้ปัญหาน้ำท่วมล้มเหลวในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เรื่องนี้มีนักการเมืองระดับชาติอยู่เบื้องหลัง เป็น 1 ในแผนบันได 9 ขั้น

สถานการณ์ขณะนั้น : น้ำท่วมรุกเข้า กทม.จนศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ต้องย้ายออกจากสนามบินดอนเมืองอย่างฉุกละหุก กระทั่งทิ้งของบริจาคจำนวนมากไว้ ขณะที่ประชาชนเริ่มก่อม็อบให้เปิดประตูระบายน้ำประตูต่างๆ

-20 พ.ย.2554 "พร้อมพงศ์" เผยว่า ขณะนี้ได้มีการประชุมของกลุ่มบุคคลโดยนักการเมืองใหญ่อักษรย่อ "ส." และ "น." และมี พล.อ. "ส." คนหนึ่ง ไปสุมหัวอย่างไม่สร้างสรรค์ ที่โรงแรมย่านประตูน้ำในการอาศัยการเคลื่อนไหวเรื่องกระแส พ.ร.ฎ.พระราช ทานอภัยโทษ เพื่อล้มรัฐบาล

สถานการณ์ขณะนั้น : รัฐบาลถูกโจมตีว่าออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษหวังล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

-8 ธ.ค.2554 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี อ้างรู้ตัวคนที่อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดหน้ากองสลาก เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ปีเดียวกัน ว่าเป็นพวกมือสั่นปากสั่น โรคพาร์กินสัน เป็นพวกโรคจิตแพ้ไม่เป็น และชอบกินข้าวแถวสุขุมวิท โดย ประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มว่า คนพาร์กินสัน มีชื่อย่อว่า "พ." เป็นพลเอกรุ่นลายคราม มีชื่อเหมือนจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย แต่ถึงเวลานี้ตำรวจก็ยังสาวไม่ถึงตัวบุคคลที่ ร.ต.อ.เฉลิมว่าไว้

สถานการณ์ขณะนั้น : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยอมรับว่า อาศัยจังหวะช่วงน้ำท่วม คืนหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว

-18 ธ.ค.2554 "พร้อมพงศ์" แถลงว่า ได้รับแจ้งจากหน่วยงานด้านความมั่นคงถึงสาเหตุของความวุ่นวายในช่วงนี้ว่า เป็นความพยายามเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจเก่า ที่ประกอบด้วยนักการเมือง กลุ่มการเมือง นักวิชาการ สื่อสารมวลชนบางแขนง ที่กำลังดำเนินการเพื่อโค่นล้มรัฐบาลตามแผนบันได 9 ขั้น

สถานการณ์ขณะนั้น : พท.จุดพลุว่าจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทันทีที่เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 21 ธ.ค. โดยตั้งเป้าว่าต้องยกเลิกมาตรา 309 ซึ่งเป็นที่มาของคดีความต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

-และล่าสุด "พร้อมพงศ์" อ้างว่า มีกลุ่มอำนาจเดิมเคลื่อนไหวใช้เรื่องนี้มาเป็นประเด็นปลุกระดมมวลชนตามโรงงาน ใน จ.สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ปทุมธานี โดยมีการว่าจ้างวันละ 500 บาทต่อคน เท่าที่ทราบเงินที่ใช้เคลื่อนไหวมาจากการลงขันของนักการเมืองและผู้มีอำนาจกว่า 3 พันล้านบาท เพื่อล้มรัฐบาล โดยเป้าหมายหลักคือสกัดไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 สำเร็จ

จากนั้น อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด แกนนำคนเสื้อแดง ในฐานะรองโฆษกรัฐบาล ออกมารับลูกว่า กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย นายทุน นักวิชาการ ทหารและสื่อ ก่อนที่พร้อมพงศ์จะมาแถลงข่าวอีกว่า กลุ่มคนนั้นประชุมกันที่เซฟเฮาส์ย่านพุทธมณฑล

สถานการณ์ขณะนั้น : นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ถูกแรงกดดันจากสังคม ภายหลังสถานทูตสหรัฐอเมริกาออกมาเปิดเผยว่า ถูกแบล๊ก ลิสต์จากการทำธุรกิจร่วมกับอดีตประธานาธิบดีซิมบับเว ขณะที่หลายกลุ่มออกมาต่อต้านคณะนิติราษฎร์ ที่เคลื่อนไหวแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

มีการตั้งข้อสังเกตว่า การให้ข่าวล้มรัฐบาลของ พท.-เสื้อแดงมีสูตรสำเร็จ 6 ข้อ 1.อ้างว่าเป็นแผนบันได 4 ขั้น หรือบันได 9 ขั้น โดยจะปรับแผนบันไดขั้นต่างๆ ตามประเด็นการเมืองช่วงนั้นๆ 2.ฝั่งตรงข้ามจ้องดิสเครดิต 3.ฝั่งตรงข้ามจ้องทำลาย 4.ชอบปูดชื่อโดยไม่ระบุให้ชัดเจนว่าใคร 5.ใช้ถ้อยคำกำกวม เช่น "แหล่งข่าวจากความมั่นคงให้ข้อมูลว่า..." "การข่าวเบื้องลึกทราบมาว่า" 6.มีการจ่ายเงินรายหัวคอยก่อม็อบ

สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สื่อมวลชนเคยปวดหัวกับการปั่นข่าว หรือภาษาเทคนิคเรียกว่า "สปินข่าว" โดยสามารถกำหนดได้ว่าถ้าให้ข่าวลักษณะไหนจะได้พาดหัวในวันถัดไป

กระทั่งมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำวิธีเรื่องการแทรกแซงสื่อของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนพบว่าการสปินข่าวเป็น 1 ใน 24 วิธีที่รัฐบาลชุดดังกล่าวนิยมใช้

จึงน่าสนใจว่า การให้ข่าวเรื่องล้มรัฐบาลของคนในรัฐบาลชุดนี้จะมีเป้าหมายเดียวกันหรือไม่

ในอนาคต หากมีสมาชิก พท.หรือคนเสื้อแดงคนใด ออกมาให้ข่าวเรื่อง "ขบวนการล้มรัฐบาล" อีก

น่าจะซักไซ้ไล่เรียงที่มา-ที่ไปให้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร มากกว่าจะอ้างลอยๆ เพียงแค่ "รู้มาว่า..." "ทราบมาว่า..."

เพราะมีโอกาสสูงที่อาจจะเป็นแค่ "ข่าวโคม ลอย" !!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์