เฉลิมควงเพรียวพันธุ์จ้อปราบยา

เฉลิมควงเพรียวพันธุ์จ้อปราบยา

28 ม.ค.55 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดภารกิจเดินทางเยือนประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 24-26 ม.ค.

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันชาติอินเดีย และเดินทางเข้าร่วมประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอซ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดิน ปราบปรามยาเสพติด  พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.อุดลย์ แสงสิงห์แก้ว เลขาธิการสำนักงานป้องกันยาเสพติด หรือ ปปส. จัดรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” แทน เพื่อชี้แจงปัญหายาเสพติด ดำเนินรายการโดย นายจอม เพชรประดับ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากวันที่ขึ้นเวทีหาเสียงจนพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งให้เป็นรัฐบาลนั้น
 
นโยบายที่ประกาศเอาไว้มี 3 นโยบาย คือ 1.นโยบายแก้ปัญหายาเสพติด 2.นโยบายด้านเศรษฐกิจ และ 3.นโยบายปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น อีกทั้ง เมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนดำเนินการนโยบายแก้ไขปัญหาเสพติดอย่างเร่งด่วน และกำหนดเป็นวาระแห่งชาติอีกด้วย

                 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาต้องการแก้ปัญหา แต่ความเข้าใจไม่เหมือนกัน ในยุคนี้นายกรัฐมนตรีมอบให้ตนแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปิดรอยตะเข็บได้ และสกัดเรื่องสารตั้งต้นมาในรูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถจับกุมได้ เพราะเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ


“เรามีการปิดรอยตะเข็บ ซึ่งผมขอร้อง ผบ.ตร.ให้เอาลวดหนามไปปิดจากด่านแม่สาย ปัญหาเกิดจากที่อื่น เข้ามาทาง 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยเข้ามา 87%  หนักสุดมี 3 จังหวัด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ทำ ไม่เข้าใจ ไปแก้ปัญหาปักษ์ใต้ ไปดักเอาแถวชุมพร สุราษฎร์ มันไม่ได้มาจากทางใต้ แต่มาจากทางภาคเหนือ ถ้าปิดทางเหนือได้ ก็ไม่มียาเสพติดเล็ดลอดเข้ามาได้ง่าย โดยการแก้ไขปัญหาต้องบูรณาการ ผมเน้น 3 เรื่อง ลดแหล่งผลิต ลดความต้องการ และลดโพเท็นเชียลดีมานด์ เมื่อเราลดซัพพลาย จะสั่งในคุกนอกคุกไม่สำคัญ แต่สั่งแล้วเอาเข้าไม่ได้ ปัญหาก็ไม่เกิด หรือในสถานบริการ จำหน่ายไม่มาก แต่เป็นการเพิ่มกลุ่มเสี่ยง ซึ่งผมจะเน้นกรุงเทพ และปริมณฑล” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

                 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่ออีกว่า โดยกระบวนการดังกล่าวที่ดำเนินการนั้น สกัดปิดกั้นการนำเข้ายาเสพติดทางชายแดน
 
รณรงค์ป้องกันยาเสพติด บำบัดยาเสพติด และปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเมื่อทำตามขบวนการที่วางไว้ทุกอย่าง ปัญหาดังกล่าวก็จะลดน้อยลง อีกทั้ง ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวไม่ตรงจุด และดำเนินการไปคนละทิศ ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ให้แนวคิดว่า เรื่องปัญหายาเสพติดต้องแก้ไขที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ อาทิ ผู้ค้าในเรือนจำที่สามารถโทรศัพท์สั่งยาบ้าได้นั้น ซึ่งทำให้รู้ว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ตรงนี้หากจะแก้ไขปัญหาจะต้องสร้างกระบวนการที่ชัดเจนและเด็ดขาด ซึ่งตนมีแนวคิดและจะของบประมาณเพื่อสร้างคุกพิเศษ เพิ่มคุมขังผู้ค้ารายใหญ่ และสร้างจิตสำนึก คัดเลือกผู้คุมที่ตั้งใจทำงานให้ดูแลเรื่องดังกล่าว เพื่อดำเนินการแก้ไขที่ต้นเหตุได้อย่างลงตัว

                
 “หากเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง ครอบครัวค้ายา และมีหลักฐานแน่ชัด ผมจะไม่เอาไว้ และจะเอาจริงเอาจัง ไม่ว่าเป็นใครก็จะจับกุมทั้งหมด” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

                 
พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ กล่าวว่า กรณีการวิสามัญคนร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากคนร้ายใช้อาวุธปืนหรือกระทำการใดที่เป็นการต่อต้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตอบโต้โดยมีเรื่องกฎหมายเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว 

                 
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ในส่วนของ ปปส.ที่รับผิดชอบนั้น เตรียมขับเคลื่อนแผนทั้ง 7 ด้าน ด้วยการเปิดรูมแผนทั้งหมด ดำเนินการปราบปราม ตั้งจุดตรวจ ตรวจสอบ ซึ่งรวมถึงมีแผนทางด้านต่างประเทศ โดยต้องขอความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน แผนการสร้างชุมชนอย่างเข้มแข็ง แผนการบำบัดรักษา ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขในการเข้ามาดูแลผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด แผนควบคุมจุดเสี่ยง เป้าหมายคือ โรงเรียน ซึ่งเป็นบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องดูแลในส่วนนี้ ว่ามียาเสพติดเข้าไปสู่โรงเรียนหรือไม่ และเกิดการป้องกัน ปราบปรามในที่สุด และหากแผนทั้งหมดขับเคลื่อนไปด้วยกันได้ ก็จะลดปัญหายาเสพติดในทุกด้านได้ด้วยดี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์