ไกรศักดิ์เปิดโปงทักษิณฆ่าล้างเผ่าพันธุ์วอนขรก.ร่วมต้าน

ไกรศักดิ์เปิดโปงทักษิณฆ่าล้างเผ่าพันธุ์วอนขรก.ร่วมต้าน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2549 00:10 น.

ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณเปิดโปงเผด็จการทักษิณ ละเมิดสิทธิมนุษยชนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนตายเป็นเบือจากนโยบายปราบยาเสพติดสนับสนุนให้ฆ่าตัดตอน-แก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ผิดพลาด ระบุความผิดมหันต์ต้องขึ้นศาลอาชญากรระหว่างประเทศ วอนข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจหันปากกระบอกปืนเข้าหาแล้วจับกุมเข้าคุกทันที

วันนี้(16 มี.ค.) นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา ขึ้นให้สัมภาษณ์พิเศษโดยอัญชลี ไพรีรักษ์ บนเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ แยกมิสกวัน บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 23.10 น. โดนนายไกรศักดิ์เล่าว่า เติบโตมาในวงวการเมือง ในครอบครัวมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อย่างพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณมองการเติบโตเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนตัวนายไกรศักดิ์เองมองในภาคสังคมเป็นหลัก แต่ในบ้านก็เคารพกัน เป็นวัฒนธรรมที่เคารพความแตกต่างกัน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับความแตกต่างแม้แต่นิด มักจะต่อว่าถากถางกันมาโดยตลอด ซึ่งคนไทยไม่ชอบโดนดูถูกความฉลาดและความคิดเห็นของตัวเอง ทำให้ออกมาชุมนุมนับหมื่นนับแสนเพราะคุณทักษิณไม่ยอมรับความแตกต่างได้

"ตอนที่ผมเริ่มงาน กมธ. เราต้องหาทางประนีประนอมกับรัฐบาล อันไหนที่เห็นว่ารัฐบาลทำไม่เหมาะสม ก็ติเตียน ตักเตือน แต่พอทำมาในปีที่ 2 ก็พบเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยนโยบายการถ่วงดุลที่น่าสนใจมาก พูดถึงโครงการ 30 บาทที่ช่วยคนยากคนจน ปรากฏว่านโยบายอันนี้กลายเป็นนโยบายที่ล้มเหลว นำไปสู่การคอรัปชั่น ต่อมาเป็นนโยบายที่สนับสนุนทุน เข้าข้างบริษัทตัวเองและพวกพ้องมากขึ้น อยู่ในระดับที่รับไม่ได้ ไม่ใช่ผิดจรรยาบรรณอย่างเดียว แต่ผิดกฎหมายด้วย แต่นโยบายปราบปรามยาเสพติด และคนร้ายที่ภาคใต้ เป็นนโยบายที่ทำให้ผมทนไม่ได้อีกต่อไป" นายไกรศักดิ์กล่าว

"การปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายที่เกี่ยวโยงกับทรัพย์สินและธุรกิจส่วนตัวของตัวคุณทักษิณเอง พม่าเป็นแหล่งยาเสพติดขนาดใหญ่ แต่ด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองแทนที่จะกดดันพม่า โดยใช้นโยบายของภูมิภาคกดดัน กลับกลายเป็นคนที่เอื้ออำนวยต่อยาเสพติดโดยสนับสนุนรัฐบาลพม่า ใช้งบประมาณของไทย ช่วยเหลือสร้างถนนหนทาง สร้างโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และได้ริเริ่มสิ่งที่ผมรับไม่ได้เลย คือไปร่วมกับลูกชายคขิ่นยุ้นตั้งบากันไซเบอร์เทค"

นอกจากนี้ นายไกรศักดิ์ยังได้กล่าวถึงวิธีการปราบปรามยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่ใช่การไปปราบคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลัง แต่กลับไปเล่นงานคนเล็กคนน้อยและเยาวชนที่มีคดีอยู่ไม่กี่คดี การปราบปรามยาเสพติดเป็นนโนยบายที่สนับสนุนการฆ่าตัดตอน ซึ่งข้าราชการประจำถูกกำหนดไว้ ถ้าไม่สามารถปราบปรามได้ภายใน 1-2 เดือนก็ถูกย้ายโดยทันที ข้าราชการประจำต้องเร่งสุดขีดในการปราบปราม ทำให้ต้องจับคนเล็กคนน้อย ฆ่าไป 3 เดือนหมดไป 3,000 ศพ อัตราการตายสูงยิ่งกว่าสงครามอิรักอีก

"ผมไม่สามารถรับนายกฯ คนนี้ต่อไปได้ ตอนนั้นคุณทักษิณเป็นคนที่ประชาชนหวังว่าจะกู้ชาติได้ การที่เขามีกลไกในการโฆษณาความสำเร็จของนโยบายอันนี้และนโยบายประชานิยม กลายเป็นการทำภาพการฆ่าประชาชนทำให้กลายเป็นที่นิยม นับเป็นการทำลายวัฒนธรรมประเพณีประชาธิปไตยที่ดำเนินกันมา ผู้ที่เป็นพ่อแม่ของคนที่ตายไปกับกระบวนอันนี้เริ่มรู้สึกเสียใจ ตอนแรกที่โคราชได้เรียกให้คนมารายงานต่อวุฒิสภาว่ามีเสียชีวิตกันไปกี่คน เฉพาะที่โคราชมีรายงานมารอบแรก 200 กว่าศพ เขาให้มาด้วยความเศร้าโศก ไม่ใช่ความนิยมอีกแล้ว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่พอใจแก่คุณทักษิณ"

นายไกรศักดิ์เล่าอีกว่า อีกหลายๆ ชุมชนมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้ทำกิจกรรมในชุมชนเริ่มมีปัญหาร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ของ พ.ต.ต.ทักษิณ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทางภาคเหนือและอิสาน เริ่มล้มตายไปกับการฆ่าถึง 10 กว่าคน และคนสุดท้ายที่อยู่ในลิสต์คือนายสมชาย นีละไพจิตร กลายเป็นเรื่องใหญ่ 13 คนที่ตายไป ทำให้ข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติได้ตั้งตัวแทนขึ้นมาเพื่อตรวจประเทศไทยโดยเฉพาะมาตรวจหาการตายของ 13 คน ซึ่งนายไกรศักดิ์ได้นำให้ผู้แทนไปพบในรัฐสภา แต่เมื่อเจอรายงานการฆ่าตัดตอน 3,000 ศพ เขาตกใจเลยว่าประเทศประชาธิปไตยที่ต้องเท่าเทียมกันฆ่ากันตายขนาดนี้ได้อย่างไร

"วันนั้นที่ตัวแทนสหประชาชาติเข้าพบคุณทักษิณ ประโยคที่อัปลักษณ์ก็หลุดออกมาว่า "สหประชาชาติไม่ใช่พ่อ" ที่สำคัญการฆ่าตัดตอนไม่ได้ช่วยหยุดยาเสพติดให้ลดลงอย่างที่คุณทักษิณกล่าวอ้าง ให้ไปดูคดีที่เพิ่มขึ้นมากมหาศาล รูปแบบการค้าก็เพิ่มสูงขึ้น ดูรายงานสหประชาชาติก็พบว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่เป็นทางผ่านค้าขายอันดับต้นๆ" นายไกรศักดิ์กล่าว

นายไกรศักดิ์กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่ภาคใต้เป็นการแสดงออกถึงสันดานที่ประวัติศาสตร์ไทยไม่เคยได้เห็นมาก่อน ซึ่ งนายไกรศักดิ์เผยว่า เคยทำวิจัยกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทีลงไปสำรวจชาวมุสลิมที่มีธุรกิจสัมพันธ์กับชาวพุทธ เมื่อตอนนี้ภาคใต้ลุกเป็นไฟ คนแตกแยกออกจากกัน โดยได้ทำการวิจัยในนาม กมธ.ต่างประเทศ พบเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงความวุ่นวายในภาคใต้ มีการจับกุมประชาชนเข้าคุก อีกทั้งสหประชาชาติก็กล่าวหาประเทศไทยว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากเหลือเกิน

"เรื่องกรือแซะเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในสายตาผม ต่อประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เราจะยังคงมีประชาธิปไตยไม่ได้ ถ้าเรามีนายกฯ ที่ไม่สำนึกผิดเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน วันเดียวหลังตากใบ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเราว่าผู้มาประท้วงมีราว 400 กว่าคนและไม่ได้ติดอาวุธเลย แต่วันรุ่งขึ้นมีการจับคน 1,400 กว่าคน ตายไป 80 กว่าคน เพราะถูกจับมัดทับกันและตาย ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ ไม่มีอาวุธสักคน ทางมาเลเซียติดต่อมาทั้งนักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติบอกว่าครึ่งหนึ่งเป็นสัญชาติมาเลด้วย ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประวัติศาสตร์สอนให้เราอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่คุณทักษิณมาทำลาย" นายไกรศักดิ์

"ที่มาชุมนุมร่วมกันที่นี่เพราะต้องไล่มัน ไล่มันไปเดี๋ยวนี้ มันไม่ควรอยู่ เราไม่ฆ่ามันเอามันเข้าตาราง แต่ต้องจับมัน ไม่ได้จับขึ้นศาลไทยอย่างเดียว ต้องจับเข้าศาลสากล ถือเป็นการฆ่าเผ่าพันธุ์ ประชาชนที่มาชุมนุมกันเป็นหมื่นเป็นแสนแล้วก็ทำได้แค่นี้ พวกเราพันธมิตรฯ ก็ทำได้แค่นี้ มีอีกกลุ่มก็มานั่งกับเรา ถอดเครื่องแบบออก อยู่กระทรวงทบวงกรม บางคนติดอาวุธ บางคนมีอำนาจการใช้กฎหมาย ถ้าข้าราชการประจำร่วมมือกับเรา ไอ้หน้าเหลี่ยมอยู่ไม่ได้"

"คิดดูว่าเรามาตั้งเวทีอยู่กลางราชดำเนินได้อย่างไร ถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเรา ผมสามารถพูดได้ทุกวันวันละ 10 ประเด็นไม่ซ้ำ ผิดกฎหมายแพ่ง ผิดกฎหมายอาญา ผิดมนุษย์ไปแล้ว ยังทนอยู่ได้อย่างไร มีอยู่ทางเดียวข้าราชการประจำทั้งหลาย ต้องออกมาร่วมกับเรา แบบที่อินเดียข้าราชการประจำไม่ทำงาน รถไฟ ตำรวจ ทหาร หันมาร่วมประชาชนหันปืน หันอาวุธ หันกฎหมายสู่มัน ไปแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจรับไปแล้ว ทักษิณและครอบครัวอยู่ทำไมไม่ไปจับมัน ขนาดตาบอดก็ออกมาไล่มันแล้ว แล้วใครจะไล่มันอีก ข้าราชการประจำต้องช่วยออกมาไล่มัน" นายไกรศักดิ์กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์