ต้นก.พ.ลุ้นมติกพค.ถวิลกลับตำแหน่งเลขาฯสมช.หรือไม่

นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)

เปิดเผยกับสำนักข่าวเนชั่นถึงความคืบหน้าในการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมของข้าราชการพลเรือน(ก.พ.ค.)ในกรณีที่ถูกย้ายออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมช.มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่ยื่นคำร้องตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2554 ว่า ตนไม่ทราบว่าขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นไหนของก.พ.ค. แต่ล่าสุด ก.พ.ค.ได้ส่งคำชี้แจงหรือการแก้ไขคำร้องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่งมาที่ตนแล้ว

"ผมอ่านแล้วก็คิดว่าถ้าเป็นผมก็คงชี้แจงเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี โดยในคำชี้แจงนายกรัฐมนตรีที่ถือเป็นคู่กรณีได้ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งผมและไม่ได้ย้ายด้วยความเกลียดชังเพราะผมเป็นเลขาฯสมช.ในรัฐบาลที่แล้วและเป็นฝ่ายเลขานุการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)" นายถวิล กล่าว

นายถวิล กล่าวอีกว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ก.พ.ค. ทราบว่าตามระเบียบของก.พ.ค.ระบุว่า

คู่กรณีคือนายกรัฐมนตรีสามารถแก้คำร้องของผู้ร้องได้ภายในเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันยื่นคำร้อง แต่เจ้าหน้าที่บอกตนว่านายกรัฐมนตรีได้ขอขยายเวลาในการแก้คำร้องอีก 30 วัน และเมื่อครบนายกฯก็ได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน และกระบวนการทั้งหมดจนถึงวันที่คณะกรรมการก.พ.ค.จะมีมติคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 150 วัน นับตั้งแต่วันยื่นคำร้อง ซึ่งคาดว่าเรื่องนี้จะแล้วเสร็จประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ และระหว่างนี้ตนคงไม่ส่งคำโต้แย้งคำชี้แจงของนายกฯ แต่ตนพร้อมที่จะให้ปากคำเพิ่มเติมกับก.พ.ค. และเป็นไปได้ถ้าตนให้ปากคำเพิ่มเติมแล้วก.พ.ค. อาจเชิญนายกฯมาชี้แจงด้วยวาจาอีกเช่นกัน

ด้านนายศราวุธ เมนะเศวต ประธานก.พ.ค. เปิดเผยกับสำนักข่าวเนชั่นว่า ขณะนี้นายกฯแก้คำร้องของผู้ร้อง(นายถวิล)เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากขอขยายเวลามา 2 ครั้ง

เนื่องจากติดปัญหาอุทกภัย และในขั้นนี้การแก้คำร้องของทั้งสองฝ่ายพอแล้วได้ข้อยุติแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายแจ้งมาที่ก.พ.ค.แล้วว่าจะขอมาแถลงด้วยวาจา โดยมติที่ประชุมก.พ.ค.ในวันนี้จึงมีมติให้ทั้งสองฝ่ายทำคำแถลงล่วงหน้าส่งมาที่ก.พ.ค.ล่วงหน้าเพื่อดูว่าอยู่ในประเด็นหรือไม่และจากนั้นจึงจะมาแถลงด้วยวาจาตามเวลาที่จะนัดหมายอีกครั้ง ทั้งนี้ตามหลักแล้วไม่มีการอนุญาตให้เลื่อนหรือขยายเวลาในการเข้ามาแถลงด้วยวาจา แต่หากติดภารกิจสำคัญจริงคณะกรรมการก.พ.ค.ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าควรเลื่อนออกไปหรือไม่ และคาดว่ากรณีนี้น่าจะมีมติได้ภายในเดือนก.พ.