ยุทธตู้เย็นปัดเกณฑ์ม็อบอีแต๋น วาดภาพ ม็อบสนธิ นำประเทศสู่ระบอบน่ากลัว

ยุทธตู้เย็น"ปัดเกณฑ์ม็อบอีแต๋น วาดภาพ ม็อบสนธิ นำประเทศสู่ระบอบน่ากลัว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2549 01:02 น.

ยงยุทธ ปฏิเสธจัดม็อบรถอีแต๋นเชียร์นายกฯ อ้างไปเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้านแล้ว แต่ไม่ยอม เพราะมาด้วยใจและผูกพันกับรัฐบาล หยันม็อบพันธมิตรฯ เป็นแค่ตัวประกอบของ สนธิ อ้างเหตุไม่เจรจาพีเน็ต เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ลงเลือกตั้ง แถมกำลังโดนข้อหาล้มล้างรัฐบาล อ้างคนเคยทำปฏิวัติ เคยต้องคดีหมิ่นเบื้องสูงเข้าร่วมม็อบพันธมิตร ใส่ความจะพาประเทศไปสู่ระบอบที่น่ากลัว


เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 16 มี.ค. นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ทางรายการ กรองสถานการณ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 โดยมีนางสาวนารากร ติยายน เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายยงยุทธ กล่าวว่า คนที่มีความคิดขัดแย้งกับรัฐบาลในขณะนี้ ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลก เนื่องจากทุกวันนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์แล้ว เป็นยุคที่มีการเคลื่อนย้ายทุน เราต้องแข่งขันกันสูงในเรื่องสินค้า บริการและเทคโนโลยี นี่คือสงครามทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารในบ้านเราขณะนี้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นอยู่แทบทุกที่ ผู้ถือหุ้นชาวไทยต่างขายให้แก่ต่างชาติแล้วเกือบหมด เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้น

หากจะมองว่า นายกรัฐมนตรีขายชาติถือเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม จึงอยากให้คนที่มีความคิดขัดแย้งเข้าใจในเรื่องดังกล่าวด้วย หากต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของโลก ต่อไปนี้เราจะต้องปิดประเทศ เรื่องทั้งหมดที่กล่าวหารัฐบาลเป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว

นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ที่ไม่เข้าใจการบริหารประเทศของรัฐบาล จึงได้เปิดสายด่วน 1310 เพื่อชี้แจงทุกเรื่อง โดยประชาชนสามารถโทรมาสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ต่อมานายยุงยุทธ กล่าวถึงการชุมนุมของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นขบวนการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากรัฐบาล เพราะจะเห็นว่า การจัดการชุมนุมทั้งหมดมาจากคนของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แม้แต่พิธีกรบนเวที ทั้งนายสำราญ รอดเพชร นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ก็เป็นคนของผู้จัดการ ส่วนคนอื่นๆ ที่มาร่วมในกลุ่มพันธมิตร เป็นเพียงองค์ประกอบ และตอนนี้ โดยลึกๆ แล้ว แกนนำพันธมิตรมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เพราะนายสนธิ แย่งชิงการนำเพียงคนเดียว

เราก็เห็นว่า คุณสนธิเป็นคนพูดว่า เขาสามารถจุดเทียนติด นั่นคือเขาทำให้เกิดกระแสขึ้นกับประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า วันนี้หากใครนำข้อมูลมาป้อนให้กับประชาชน ประชาชนบางส่วนก็จะเชื่อ เพราะการรับรู้ของประชาชนยังเปิดกว้าง คนที่ออกมาประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางในเมือง แต่รัฐบาลนี้ มีเสียงสนับสนุนจากประชาชนเกษตรกร คนยากคนจนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศ กลุ่มของนายสนธิ จึงบอกว่าเป็นทรราช พยายามยุทหารให้ออกมาปฏิวัติ สร้างความกดดัน ซึ่งถ้ารัฐบาลต้องไปเพราะนายสนธิ สถานการณ์ทางการเมืองคงเข้าสู่ภาวะที่ลำบาก จะทำให้การลงทุนชะลอตัว ทางออกที่ดีในขณะนี้คือปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลทำผิดก็มีกระบวนการทางศาล ทาง ป.ป.ช.

ผู้ดำเนินรายการถามว่า รัฐบาลอาจเจอปัญหาภายหลังการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนนี้ นายยงยุทธ ตอบว่า เป็นความเข้าใจผิด หลายฝ่ายพยายามคิดว่า พรรคไทยรักไทยจะประสบปัญหาเมื่อ น.พ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลาออกไปบวชแล้วจะทำผลการเลือกตั้งเกิดปัญหา แต่ความเป็นจริง รัฐบาลมีทางออก โดยจะให้ศาลรัฐธรรมนูญนำประเด็นนี้ไปตีความ ทั้งกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มักเอาไปพูดอยู่ในขณะนี้ คือ ความชอบธรรม ซึ่งรัฐบาลได้ทำความเข้าใจกับ ส.ส.ของพรรค ว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนนี้ ถ้ารัฐบาลได้กลับเข้ามาบริหารประเทศอีก ก็จะเปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากดำเนินการเสร็จสิ้น จะยุบสภาฯ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งใหม่

ผู้ดำเนินรายการถามถึงประเด็นที่มีผู้สงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการนำม็อบรถอีแต๋นเข้ามาให้กำลังพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงเทพฯ นายยงยุทธ กล่าวว่า นายสนธิ พยายามที่กล่าวหาตนอยู่หลายเรื่อง เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ตนไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของกลุ่มม็อบรกอีแต๋นเลย เมื่อวานนี้(15 มี.ค.)ได้เชิญสื่อมวลชนหลายแขนง รวมทั้งสื่อของคุณสนธิ เดินทางไปพบปะกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตนก็กำชับให้กลุ่มรถอีแต๋นเดินทางกลับบ้าน พูดกับผู้ชุมนุมด้วยเหตุด้วยผลเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังยืนยันที่จะเข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อไปให้กำลังใจ

ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังม็อบอีแต๋นนั้น ตนขอชี้แจงว่า กลุ่มที่มาชุมนุมนั้นมาด้วยใจ อีกทั้งเกิดความผูกพันกับนโยบายของรัฐบาล ตนไม่สามารถไปกำหนดหรือบันดาลให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาเคลื่อนไหวอะไรได้ ยืนยันว่า คนกลุ่มนี้ เขามาด้วยใจ เพราะเขาผูกพันนโยบายของรัฐบาล

ผมไม่สามารถเข้าไปจัดการพวกเขาได้ ถ้าจับเอาผม หรือท่านนายกฯ ไปขัง ม็อบพวกนี้ก็ยังจะมาอยู่ดี และจะมาทั่วประเทศ

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า เราจะต่อสู้กันไปทำไม ในเมื่อเราเป็นคนไทยด้วยกัน นายสนธิถ้ามีปัญหาอะไรค้างคาใจก็น่าจะเข้ามาพูดคุยกัน วันนี้นายสนธิมีฤทธิ์มีเดชมากเหลือเกิน พยายามชี้นำประชาชนขับไล่นายกรัฐมนตรี อีกทั้งไม่เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย นายสนธิชี้หน้าด่ากระบวนการทางศาล ทำให้เกิดปัญหา ไม่มีความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย

ช่วงท้ายรายการ นางสาวนารากร ได้นำคำถามที่ส่งเข้ามาทางเอสเอ็มเอส ถามนายยงยุทธว่า ทุกฝ่ายต้องการให้เหตุการณ์ในขณะนี้ยุติ โดยพยายามจัดเวทีให้มีการชี้แจงของทั้งสอง ล่าสุดพีเน็ตจัดให้มีการพูดคุย แต่รัฐบาลทำไมไม่ไป นายยงยุทธกล่าว พร้อมกับเอามือซ้ายมาถูที่มือขวา ว่า ขอถามว่าพีเน็ตคืออะไร เราทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี่ให้ดี พีเน็ตเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งได้ ส.ส.ที่ดี ออกมา ถ้าเขาจะจัดเวที เขาต้องจัดเวทีระหว่างคนที่จะลงเลือกตั้ง

แต่ กลุ่มพันธมิตรไม่ได้ลงเลือกตั้ง เป็นกลุ่มที่ยื่นข้อเสนอล้มล้างรัฐบาล ไม่เอานายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง พยายามทำลายรัฐธรรมนูญ คิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ถูกต้อง ซึ่งตอนนี้ก็มีคนไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว

ถ้าพีเน็ตต้องการที่จะจัดเวทีให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันนั้น จะต้องจัดเวทีที่มีเหตุผลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ผมพูดในฐานะรัฐบาล ไม่ได้พูดในฐานะสมาชิกพรรคไทยรักไทย และไม่ได้เฉไฉ ดังนั้นผมขอรับผิดชอบต่อคำพูดทั้งหมดในวันนี้ของผมนายยุงยุทธ กล่าว

ต่อมามีคำถามจากเอสเอ็มเอสว่า การพูดของนายยงยุทธวันนี้ มีความจริงใจแค่ไหน นายยงยุทธ เอามือขวาเกาที่ท้ายทอย 1 ครั้งก่อนตอบว่า ผมจริงใจ 100 เปอร์เซ็นต์ อยากได้หลักฐานอะไรขอให้บอก ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง คนส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจจะไม่พอใจ แต่คนยังมีคนอีกจำนวนมากที่เข้าใจรัฐบาล

นายยงยุทธ กล่าวในท้ายรายการว่า ตนไม่เข้าใจว่า กลุ่มของนายสนธิจะพาประเทศไทยไปสู่ระบอบอะไร เมื่อพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ซึ่งเคยทำปฏิวัติจนพระเจ้าอยู่หัวต้องเสด็จไปประทับที่นครราชสีมา ส.ศิวรักษ์ เคยถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ วันนี้คนเหล่านี้กลับมาขึ้นเวทีของนายสนธิทั้งนั้น จึงไม่รู้ว่านายสนธิต้องการพาประเทศไทยไปสู่ระบอบอะไรกันแน่ ถ้าพาไปแบบไม่มีทิศทาง ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว ตนไม่ห่วงว่า ถ้าพรรคไทยรักไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะเป็นอย่างไร แต่เป็นห่วงประเทศไทย หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์