DSIสรุปคดีถุงยังชีพ10ขรก.ผิด

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีทุจริตการจัดซื้อถุงยังชีพว่า พนักงานสอบสวนชุดของพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น ส่งถึงสำนักงานอธิบดีดีเอสไอแล้ว โดยการตรวจสอบพบมูลความผิดของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จำนวน 10 ราย มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เอื้อประโยชน์ ให้กับบริษัทเอกชนผู้จำหน่าย 2 บริษัท

          
"ผมจึงส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมหลักฐานทั้งหมด ที่ดีเอสไอตรวจสอบพบ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากดีเอสไอ ไม่มีอำนาจสอบสวนคดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"

          
นอกจากนี้ ยังส่งรายงานการตรวจสอบเบื้องต้น ไปให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยด้วย

          
อย่างไรก็ตาม ทาง ดีเอสไอ จะยังคงสืบสวนในเชิงลึก ถึงการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอกชนทั้ง 2 รายต่อไป ซึ่งหากพบหลักฐานความผิดตามพรบ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) จะเสนอให้เป็นคดีพิเศษต่อไป

          
นายธาริต กล่าวด้วยว่า สำหรับข้าราชการระดับรองอธิบดี ปภ. ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนทั้ง 2 แห่ง ที่เป็นคู่สัญญาจัดส่งถุงยังชีพให้ปภ.นั้น  ผลการตรวจสอบเบื้องต้นของดีเอสไอ ไม่พบมูลความผิด จึงไม่ส่งเรื่องให้ ปปช.ดำเนินการ

          
"ผู้ที่มีพฤติกรรมส่อกระทำความผิดเอื้อประโยชน์ ให้เอกชนจำนวน 10 ราย ที่ดีเอสไอส่งรายชื่อให้ปปช.ตรวจสอบ และดำเนินคดี เป็นข้าราชการปภ.ตั้งแต่ ซี 8 หรือระดับผู้อำนวยการกองคลัง ลงไป" นายธาริต ระบุ

          
ด้านแหล่งข่าวจากชุดสอบสวนดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับรองอธิบดี ปภ.นั้น ทางดีเอสไอตรวจสอบหลักฐานทางเอกสาร และได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่า มีการมอบหมายให้ลงนาม ในสัญญาจัดซื้อถุงยังชีพ ตามที่มีการมอบอำนาจ และการดำเนินการจัดซื้อที่ผ่านมา ไม่พบหลักฐานในการกระทำความผิด เนื่องจากการลงนามจัดซื้อ เป็นไปตามที่ข้าราชการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เสนอเรื่องขึ้นมาตามลำดับขั้น

          
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำระดับกลางและระดับล่าง มีความบกพร่องหลายส่วน ทั้งในการตั้งเรื่องให้จัดซื้อลักษณะล็อกเป้าจากเอกชน 2 แห่ง และขั้นตอนของการตรวจรับถุงยังชีพ 100,000 ถุง ซึ่งพบว่า มีทั้งการจัดส่งถุงยังชีพ ตั้งแต่ยังไม่มีการจัดซื้อ หลังการลงนามตรวจรับครบแล้วก็ยังมีการจัดส่งถุงยังชีพอีก ลักษณะของการตรวจรับ คล้ายกับถุงยังชีพไม่ครบจำนวน 100,000 ถุง เพราะถุงยังชีพกระจายไปหลายส่วน

          
"การตรวจรับทำบ้างไม่ทำบ้าง ในบางจุดก็ให้นักการเมืองหรือหัวคะแนน เป็นผู้ตรวจรับแทนข้าราชการ และไม่พบว่า มีการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ในถุงยังชีพว่า มีปริมาณและราคาตรงกับสัญญาจัดซื้อหรือไม่  พฤติการณ์ของข้าราชการปภ. จึงน่าจะเข้าข่ายฮั้ว หรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ทำให้ส่วนราชการได้รับความเสียหาย" แหล่งข่าว ระบุ