เลขา คมช.ฮึ่มเล่นงานสื่อเสนอข่าวโจมตี คมช.-รัฐบาล

คมช.ฮึ่มเล่นงานสื่อเสนอข่าวโจมตี คมช.-รัฐบาล แต่เชลียร์"แม้ว"


เลขา คมช. ฮึ่ม เล่นงานสื่อเสนอข่าว ทักษิณ โจมตี คมช.-รัฐบาล จวกสื่อควรมีวิจารณญาณ-สามัญสำนึก ในการเสนอข่าว เพราะทำให้การเมืองไม่นิ่ง ประเทศชาติสับสนวุ่นวาย ยอมรับซีเรียสเป็นตัวแทน คมช.เจรจากับสื่อ แม้จะถูกด่าก็ต้องยอมเพื่อประเทศชาติ น้ำตาคลออึดอัด ระเบิดกลางกรุง พร้อมจี้ตำรวจเร่งสางคดีให้ปรากฎ


วันนี้(12 ม.ค.)เวลา 16.00 น.พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม


ในฐานะเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวชี้แจงกรณีขอความร่วมมือกับสถานีวิทยุ และ สถานีโทรทัศน์ ในการหยุดเสนอข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ปัจจุบันบ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ

คาดหวังว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา เราพยายามที่จะดำเนินการตามกลไกต่าง ๆ ในการปฏิรูปการเมืองให้เรียบร้อย ซึ่งเท่าที่ดูในห้วง 3 เดือนเศษ ดูเหมือนการเมืองจะไม่ค่อยจะนิ่ง ในเมื่อการเมืองไม่นิ่งเกิดความวุ่นวายก่อกวน

และร้ายอย่างยิ่งคือเหตุการณ์ในวันที่ 31 ธ.ค.2549 แต่เห็นได้ว่า คนกลุ่มใดก็ตาม ถ้าตนพูดไปก็จะมีคนออกมารับ อย่างไรก็ตาม มีคนไม่ปราถนาดีแน่นอนสร้างสถานการณ์ระเบิด และโทรศัพท์ก่อกวนต่อเนื่องตลอดสัปดาห์

พล.อ.วินัย กล่าวว่า


หากการเมืองไม่นิ่งทางรัฐบาล และ คมช. ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเล่นการเมือง หากปล่อยเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ โดยสื่อบางประเภทตกเป็นเครื่องมือผู้ที่ต้องการก่อกวน และดีสเครดิตรัฐบาล และ คมช. จะนำไปสู่ความวุ่นวาย และสิ่งเราอยากจะเห็นในช่วงปลายปีนี้อาจจะมีอุบัติเหตุ ตนจึงได้หารือกับ คมช. และได้เห็นชอบว่า

จะต้องขอร้องสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ และนักจัดรายการวิทยุ ว่าคงไม่เป็นผลดีแน่นอนในการที่จะให้หัวหน้ารัฐบาล หรือแกนนำรัฐบาลที่เพิ่งถูกปฏิรูปไปพ้นหน้าที่ไปมายึดพื้นที่สื่อมวลชนแถลงการณ์ทุกวันซึ่งนำสิ่งที่แถลงไปออกอากาศซ้ำซาก และวิจารณ์ผสมโรงต่อไป

จะทำให้ประเทศชาติและสังคมสับสนวุ่นวาย ประชาชนก็สับสน มีเสียงสะท้อนจากนักธุรกิจมายัง คมช. และ รัฐบาล ว่านี่มันอะไรกันถึงสับสนวุ่นวายถึงขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์การเมืองน่าจะนิ่งและปล่อยให้กลไกต่าง ๆ ทำตามหน้าที่เขาไป

พล.อ.วินัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ สสร.ได้เกิดขึ้นแล้ว


ในสัปดาห์หน้า วันที่ 15 ม.ค.50 ก็จะมีการประชุมคัดเลือกให้เหลือ 25 คน และอย่างช้าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์จะได้เริ่มกระบวนการร่าง รธน. ซึ่งนายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธาน สสร. มีแนวทางที่ชัดเจน และรู้ว่ามีเวลาน้อยก็คิดว่าจะควบคู่ไปกับการร่าง รธน. ก็จะต้องฟังเสียงจากภาคประชาชน

ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ จะเดินไปได้ด้วยดีถ้าการเมืองนิ่ง ถ้านักการเมืองที่สูญเสียอำนาจไปอย่าออกมาสร้างความสับสนให้กับสังคม กระบวนการตรวจสอบการทุจริตก็ดำเนินการไป เมื่อถึงเวลาก็ไปสิ้นสุดที่กระบวนการยุติธรรม

ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นไปตามนั้นจะทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ต่างชาติก็มีความเชื่อมั่น ซึ่งเรื่องนี้ตนได้รับอาสาจาก คมช. เพื่อชี้แจงกับสื่อมวลชน แต่บางท่านอาจจะแปลเจตนารุนแรงไปบ้างในการขอร้อง ส่วนจุดจบของการขอร้องจะเป็นอย่างไร ท่านประธาน คมช. ได้ชี้แจงไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรามีมาตาการควบคุมสื่ออย่างไร เมื่อขอความร่วมมือไปแล้วไม่ปฏิบัติตาม


โดยเฉพาะกฎอัยการศึกมาตรา 11 พล.อ.วินัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีประกาศ คปค.ฉบับที่ 10 และตัวกฎหมายที่ทุกคนจะต้องติดตาม ตนคิดว่าสังคมเราขณะนี้ยังอึดอัดใจอยู่กับองค์กรที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย และไม่ทำตามหน้าที่ ในเมื่อทุกกลไกย่อหย่อน

รวมทั้งการดูแลคำสั่งที่มีอยู่ก็ต้องยอมรับว่า คมช.ค่อนข้างย่อหย่อน ซึ่งเราได้อะลุ่มอะล่วยในสังคมแบบไทย ๆ ซึ่งตนได้ชี้แจงกับผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ ให้รับทราบว่าเบา ๆ กันหน่อย เพราะสังคมมันวุ่นวายสับสนอย่าให้บ้านเมืองเราวุ่นวายไปมากกว่านี้เลย จึงได้ชี้แจงให้ทุกคนทราบว่ามีกฎหมายฉบับนี้อยู่ มีอำนาจตามกฎหมาย แต่การพิจารณาจะเลือกใช้หรือไม่อยู่กับท่านประธาน คมช.

ผมค่อนข้างซีเรียส


เพราะมันต้องช่วยกันคนละไม้คนมือ ช่วยกันใช้วิจารณญาณ ช่วยกันใช้สามัญสำนึกในการเสนอข่าว เพราะมิฉะนั้นจะเกิดความสับสนวุ่นวาย ทั้ง ๆ ที่ทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาล ยืนยันว่าเศรษฐกิจบ้านเราแข็ง ซึ่งก็คงจะแข็งจริง เพราะดูจากการนำเข้า และการเกินดุลของบัญชีเดินสะพัด ค่าเงินบาท และ ตลาดหุ้น แม้ว่าจะเจอมาตรการยาแรง แต่พอมีการปรับตัวแก้ไขก็สามารถดีดกลับขึ้นมา

ดังนั้นเพียงขอความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักลงทุน ก็จะเดินไปได้ด้วยดี ผมคิดว่าได้ทำหน้าที่ของผมที่ควรจะต้องทำ คือทำให้สังคมนิ่งในเรื่องการเมือง ไม่วุ่นวาย ปล่อยให้กลไกต่าง ๆ ทำงานไป ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเห็นด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของ คมช. ที่เข้ามาดูแลบริหารประเทศให้อยู่ในสภาพนิ่งที่สุด พล.อ.วินัย กล่าว


เมื่อถามว่า คมช.ทำไมไม่เลือกเตือนเฉพาะสื่อมวลชนบางประเภทที่เสนอข่าวจุดบกพร่อง แต่กลับเวียงแหทำให้มองว่า คมช.เข้ามาลิดลอนสื่อมวลชน

พล.อ.วินัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คงจะต้องทำแน่นอน ถ้าจากนี้ไปมีสื่อมวลชนที่ไม่พยายามจะเข้าใจ หรือไม่ให้ความร่วมมือไม่รักษาสภาพการเมืองให้สงบ เราก็คงจะเชิญสื่อเฉพาะเจาะจงบางประเภทมาคุย

ผมเข้าใจว่าผมจะต้องถูกด่า และได้รับผลสืบเนื่องมาจากการคุยกับผู้บริหารสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในวันนี้กว่า 50 คน ทั้งนี้ผมพูดชัดเจนว่า ผมยอมรับว่า ถ้ารัฐบาล และ คมช. ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อที่บริสุทธิ์ใจ

แต่ผมไม่ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของอำนาจเก่าที่เพิ่งล้มเขาไป แล้วมานั่งด่ารัฐบาล และ คมช. และสื่อมวลชนก็ตกเป็นเครื่องมือ เอาเรื่องที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ ที่เขาได้เขียนและวิเคราะห์มานั่งวิพากษ์วิจารณ์

ซึ่งผมไม่ยอมรับ ถ้าสื่อต่าง ๆ ทำใจให้เป็นธรรมลองคิดดูว่า สิ่งเหล่านั้นควรจะอนุญาตให้เกิดขึ้นได้มั้ย ซึ่งไม่ควรจะเกิด ควรปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศไปให้เรียบร้อย พล.อ.วินัย กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้รู้สึกซีเรียสกับปัญหาใดมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.วินัย กล่าวว่า

ผมอึดอัดพอ ๆ กับทุกคน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในวันที่ 31 ธ.ค.49 เพราะทุกคนอยากรู้ว่าและชี้ชัดลงมาว่าเป็นใคร แต่กลไกในการตรวจสอบ และสอบสวนไม่สามารถที่จะให้ความกระจ่างได้

เราอยากรู้กันทุกคนว่าใครเป็นคนกระทำมีจิตใจที่โหดร้ายทำกับคนไทยในคืนวันที่ 31 ธ.ค. ที่จะเฉลิมฉลองปีใหม่ และเริ่มปีเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระชนมายุ 80 ปี ใครถึงทำได้ขนาดนี้ เราอยากรู้เหมือนกันช่วยเร่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วยทางสื่อ

หลังจากที่มีการขอความร่วมมือกับสื่อในการแผ่ภาพได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่ายังมีสื่อบางประเภทไม่ปฏิบัติหรือไม่

พล.อ.วินัย กล่าวว่า ได้ให้ทีมงานของศูนย์ปฏิบัติการ คมช. ช่วยดูแล แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่มีอยู่คงไม่มีปัญญาไปนั่งฟังตลอด 24 ชม. ทุกคลื่นความถี่ และทุกช่อง ซึ่งเขาใจว่าหลังจากที่ได้คุยกับผู้บริหารสถานีแล้วน่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่ คมช.อยากได้คืออะไร

อย่างไรก็ตาม การแผ่ภาพของอดีตนายกรัฐมนตรี หรือการเสนอข่าว ไม่ได้เป็นข้อกังวลใจ แต่การนำเอาแถลงการณ์ หรือ จดหมายต่าง ๆ ด้วยการให้ตัวแทน หรือ แกนนำของพรรครัฐบาลเก่าออกมาแถลงตำหนิโจมตีการทำงานของรัฐบาล และ คมช. เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร

ส่วนจะแผ่ภาพอดีตนายกรัฐมนตรี หรือมีภาพกิจกรรมข่าว หรือสรุปข่าวว่าท่านได้ส่งตัวแทนมาชี้แจงว่าเป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่เรื่องที่รับไม่ได้คือ แผ่ภาพ 15 นาที และส่งตัวแทนมาแถลงการณ์อัดรัฐบาล ถ้าผู้บริหารสถานีมีวิจารณญาณที่ดีก็ไม่น่าจะปล่อยเรื่องอย่างนี้ให้เกิดขึ้น สิ่งนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่เรารังเกียจว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น

การแผ่ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน


ที่ไปให้การที่ สตง. และมีประชาชนมาให้กำลังใจเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นสื่อมวลชนก็จะต้องยอมรายงานแน่นอน แต่ถ้าสื่อมวลชนแบ่งสถานที่ให้มาแถลงการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถลงการณ์โจมตีรัฐบาล และ คมช.

และผู้จัดรายการ ซึ่งปกติจะนำหนังสือพิมพ์มาอ่านตอน เช้า กลางวัน และ ตอนเย็น เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะยอมรับได้ สิ่งนี้ที่ทาง คมช.ขอร้องว่าช่วยกันคิดหน่อยว่าควรหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะดูว่าภาพการเมืองไม่นิ่ง ถ้าการเมืองไม่นิ่งก็จะทำให้กลไกต่าง ๆ ทำงานอย่างมีอุปสรรค พล.อ.วินัย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์