´โกวิท´ รับจับตา 10 ตม. พัวพันบึ้ม! 8บริษัทลงขัน 1.5พันล.

เตมูจิน หอบหลักฐานเด็ดคดีวางบึ้มป่วนกรุงมอบให้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุกลุ่มนายทุนที่ร่วมลงขันเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท สนับสนุนพวกอำนาจเก่าใช้จ้างต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองก่อวินาศกรรมวางระเบิด เผาโรงเรียน และจัดม็อบ

เพื่อกดดันดิสเครดิตรัฐบาลกับ คมช. ขณะที่ จงรัก เผยการสอบสวนมีความคืบหน้าไปกว่า 50 % หากจับคนร้ายได้จะแจ้งข้อหาก่อการร้ายตามกฎหมายใหม่มีโทษประหารชีวิต ส่วน ผบ.ตร. โกวิท ยอมรับมีตำรวจ สตม. 10 นาย มีเอี่ยวเหตุระเบิด กำลังจับตาดูอยู่

ปลัดยุติธรรมยำใหญ่สีกากี เปรียบเป็นยักษ์ในตะเกียงที่อยู่ในมือพ่อมด หมอผี ปรับโครงสร้างต้องทำให้ตำรวจเล็กลง พร้อมกับเริ่มยศชั้นประทวนที่ ด.ต. และเพิ่มค่าตอบแทน ด้าน สนธิ ประธาน คมช.ชี้ภัยรูปแบบใหม่มีอยู่ 7 ชนิด ทรท.โดนโทรขู่วางระเบิด ตร.เมืองนนท์จับลูกเสี่ยรับซื้อของเก่ากับเพื่อนโทรขู่วางบึ้มโรงเรียน แต่ที่บุรีรัมย์มือมืดวางระเบิดปิงปองกลางสนามฟุตบอลโรงเรียน

หลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดป่วนกรุง 8 จุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่งทราบว่ามีการลอบวางระเบิดอีกจุดในวันส่งท้ายปีเก่าที่ห้างดังย่านรัชโยธินเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนไล่ล่าหาตัวมือวางระเบิดอย่างเร่งด่วน

ขณะที่มีข่าวลือว่ามีการนำตัว "เสธ.คนดัง" ไปสอบสวน แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้ออกมาปฏิเสธ ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่าที่สูญเสียผลประโยชน์ พร้อมกับเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกภายใน 1-2 เดือนนี้ รวมทั้งให้เตรียมรับมือกับภัยรูปแบบใหม่ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบตลอดนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ามาว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค. พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.1) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน 25 นาย เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี พร้อมกับเน้นให้พนักงานสอบสวนช่วยกันหาพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์มาสอบสวนเพิ่มเติมอีก และขอความร่วมมือจากประชาชนที่รู้เบาะแสคนร้ายช่วยแจ้งตำรวจให้ทราบ ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น พล.ต.ท.จงรัก เปิดเผยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมว่า การสอบสวนมีความคืบหน้าเกินกว่า 50% แล้ว

ส่วนกลุ่มใดเป็นผู้วางระเบิดนั้นคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ซึ่ง กอ.รมน.จะเป็นผู้ให้ข่าวฝ่ายเดียว สำหรับข้อหาที่เตรียมแจ้งให้กับผู้ต้องหาหากจับกุมได้นอกจากฆ่าคนตายที่มีโทษถึงประหารชีวิตแล้วยังมีข้อหาก่อการร้ายตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดอันก่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ให้ถือว่าเป็นความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นข้อหาใหม่อีกข้อหาหนึ่งด้วย

ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.1) กล่าวด้วยว่า สำหรับการสืบสวนหาตัวคนร้ายในขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งแกะวิดีโอเทปจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อดูภาพผู้ต้องสงสัยว่าเป็นใครกันบ้างเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ขณะที่ฝ่ายสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม และผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้มีความแน่นหนาเพื่อใช้มัดตัวผู้กระทำความผิดให้ดิ้นไม่หลุดเมื่อจับกุมตัวได้และนำตัวส่งฟ้องศาล ส่วนเจ้าหน้าที่จากออสเตรเลียที่มาร่วม ตรวจพิสูจน์นั้นเป็นการร่วมมือกันเพื่อหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ไม่ได้มุ่งประเด็นถึงเรื่องก่อการร้ายสากลแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผบช.น. กล่าวว่า สำหรับจุดลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น ขอยืนยันว่ามีเพียง 8 จุดเท่านั้น ในส่วนของสำนวนการสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบได้

ส่วนเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าศูนย์รวมโรงภาพยนตร์ชื่อดังย่านรัชโยธินนั้น แหล่งข่าวใน กอ.รมน. ยืนยันว่า จากการสอบสวนตรวจสอบที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นการลอบวางระเบิดแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ พฐ.ตรวจพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้วางนั้นใช้วัสดุประกอบเหมือนกับจุดที่เกิดเหตุทั้ง 8 จุด

และเหตุเกิดช่วงเวลาเดียวกันในวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยผู้บริหารของห้างได้ให้ตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สน. พหลโยธิน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะรายงานให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ทราบ พร้อมกับสั่งการให้ พล.ต.ต.กฎษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนของ ศสส. บช.น. เข้าตรวจสอบ ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงของ กอ.รมน. ด้วยในวันรุ่งขึ้น จึงถือว่าเกิดเหตุระเบิดกรุงทั้งหมด 9 จุด

พล.ต.ท.จงรัก กล่าวต่อว่า ผู้วางระเบิดหลายจุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกันทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตนขอให้หยุดกระทำเสีย และขอฝากผู้ที่ถูกใช้ให้มาวางระเบิดกลับไปคิดดูว่า รับจ้างเขาเอาระเบิดมาวางใช้เวลาเพียง 1 นาที แต่ต้อง กลับไปนอนก่ายหน้าผากกลัวถูกจับไปอีก 20 ปี เพราะอายุความเรื่องนี้มีถึง 20 ปี หรือหากถูกจับได้จะมีโทษถึงประหารชีวิตจะคุ้มกันหรือไม่

ส่วนการป้องกันเหตุในวันเด็กแห่งชาติวันที่ 13 ม.ค.นี้ พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า ทางฝ่ายทหาร และ บช.น.ได้วางมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อว่าจะไม่มีการวางระเบิดอีก แต่ถ้ามีผู้ลงมือวางระเบิดอีก จะถือว่าเป็นขบวนการเดียวกันกับที่วางหลายจุดในครั้งแรก

หากถูกจับได้จะดำเนินคดีย้อนหลังไปถึงการกระทำใน 8 ครั้งแรกด้วย ถือว่าเป็นขบวนการเดียวกันที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตั้งแต่ครั้งแรก เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน และจะต้องถูกเพิ่มโทษทวีคูณย้อนหลังไปอีกด้วย ส่วนการป้องกันนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมวางแผนร่วมกันไปแล้ว ตนมีความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใดในวันเด็กนี้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวระบุว่ามีการควบคุมตัวอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง กับ "เสธ.คน ดัง" มาสอบสวนปากคำเพราะสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนี้ พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทางฝ่ายสอบสวนยังไม่ทราบเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน ได้มีนายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน อดีตสมาชิกพรรคความหวังใหม่ เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ท.จงรัก ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อยื่นหลักฐานเป็นเอกสารของกลุ่มนายทุนที่ให้การสนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่าที่ดำเนินการเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล และ คมช. ไว้สำหรับนำไปพิจารณาเพื่อประกอบการสอบสวนในคดีลอบวางระเบิดกรุงเทพฯ 8 จุดด้วย

โดยรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว ระบุชื่อกลุ่มธุรกิจทั้งหมด 8 บริษัท ที่ร่วมกันลงขันเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท จัดแบ่งให้กลุ่มที่ดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมือง 200 ล้านบาท นำไปจัดม็อบชุมนุมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

และ คมช. แบ่งให้กลุ่มที่ก่อวินาศกรรมซึ่งเป็นพวกของกลุ่มอำนาจเก่า 1,000 ล้านบาท จ้างพวกหลบหนีเข้าเมืองให้ไปวางระเบิดและเผาโรงเรียน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. 10 นาย เกี่ยวข้องด้วย และแบ่งให้กลุ่มจัดการมวลชนจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อให้กดดันถ่วงดุลรัฐบาลและ คมช. โดยจะโอนเงินให้ครั้งละ 550,000 บาท เพื่อป้องกันการตรวจสอบหาที่มาที่ไปของเงิน พล.ต.ท.จงรัก ได้รับเอกสารดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว

ส่วน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวหลังจากออกตรวจพื้นที่ในเขตนครบาลที่ผ่านมาว่า ขณะนี้รู้สึกดีขึ้นมาก ทุกฝ่ายต่างให้ความร่วมมือกันอย่างดีมากทั้งทหารและตำรวจ โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ที่บอกให้ปฏิบัติงานร่วมกันและเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนพี่เหมือนน้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมีผู้กล่าวหาว่าตำรวจ สตม. เกือบ 10 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดกรุงเทพฯครั้งนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในเรื่องนี้ใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็พอจะรู้กันอยู่ ตอนนี้เรามีการจับตาและดูความเคลื่อนไหวกันอยู่แล้ว

นางจันทวิภา อภิสุข เลขาธิการมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มอาชีพผู้หญิงกลางคืนต้องเจอตำรวจทุกวัน โดยเฉพาะการเข้ามาในบาร์เพื่อขอตรวจปัสสาวะ ส่องไฟใต้โต๊ะหาถุงยาง จับแท็กซี่ที่มารับ-ส่งผู้หญิงที่ประกอบอาชีพกลางคืน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมของตำรวจที่มาล่อซื้อประเวณีโดยจับผู้หญิงหลังแก้ผ้า หรือหลังใช้บริการเสร็จแล้วไม่ยอมจ่ายเงินให้

ตนอยากให้ตำรวจเลิกการกระทำเช่นนี้ เพราะเป็น เสมือนผู้ร่วมกระทำผิดและใช้วิธีมิชอบเป็นวิธีการไม่สุจริตของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนอยากให้มีองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดได้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดในบาร์

ผอ.กอ.รมน. กล่าวต่อว่า สำหรับนิยาม "ภัยรูปแบบใหม่" เพิ่งจะตั้งขึ้นมาในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยได้รวบรวมภัยที่เกิดขึ้นทั้งประเทศมาไว้ในงานของภัยรูปแบบใหม่ ได้แก่1.ภัยด้านการก่อการร้าย เช่น ภัยที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การลอบเผาโรงเรียน การลอบวางระเบิด ซึ่งเป็นการก่อวินาศกรรมและการบ่อนทำลายส่วนหนึ่ง 2.ภัยจากยาเสพติด 3.ภัยจากการหลบหนีเข้าเมือง ที่มีคนหลบหนีเข้าเมืองเป็นล้าน ๆ คน

บางคนก็ตั้งเป็นชุมชนอย่างชาวม้ง ต่าง ๆ เราก็ต้องไปจัดระเบียบ ถือว่าเป็นภัยอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อน บ้าน 4.ภัยจากเส้นแบ่งเขตตามแนวชายแดน ซึ่งมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน 5.ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง 6.ภัยที่เกิดจากความแตกแยกของคนในชาติ

ต้องไปหาหนทางทำอย่างไร กอ.รมน.จังหวัดต้องไปบูรณาการที่จะทำให้สังคมทุกพื้นที่มีความรัก ความสามัคคีกัน และ 7.ภัยจากความยากจน โดยกองทัพจะเข้าไปดำเนินการในเรื่องของความยากจนกับเรื่องที่ดินให้กับประชาชนที่ยากไร้ทั้งประเทศ

ต่อข้อถามว่าภัยที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมมองหรือไม่ว่าเกิดจากสาเหตุใดและจะแก้ไขอย่างไร ผอ.กอ.รมน. กล่าวว่า ตนมองในเรื่องของการแตกแยกในสังคม ก่อนวันที่ 19 ก.ย. 2549

พวกเราคงรู้ว่าคนในบ้านเดียวกันยังทะเลาะกัน แต่หลัง 19 ก.ย. เรื่องของความแตกแยกของสังคมทุกระดับดีขึ้น แต่ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของสังคมเราอย่าไปโยงให้เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นคนละเรื่อง ตอนนี้เราพยายามจับ 2 เรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน จะทำให้เกิดความสับสน

ฉะนั้นเรื่องการแก้ความแตกแยกในสังคมของคนในสังคมตนคิดว่าเป็นเรื่องของการทำในทุกภาคส่วนในการเข้ามาจัดระเบียบของสังคม ทำสังคมให้มีอุดมการณ์ เชื่อได้ว่าทุกคนจะมีความรักชาติ รักบ้านรักเมือง ทุกคนกลายเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องของการเผาโรงเรียนจะทำอย่างไร พล.อ. สนธิ กล่าวว่า ได้ให้ไปวางแผนในระดับจังหวัดในการบูรณาการ ในการใช้กำลังทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร และประชาชน ต้องวางแผนร่วมกัน ส่วนเรื่องของการวางระเบิดก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นการวางระเบิดขึ้นอยู่กับงานข่าวที่จะต้องจัดตั้งตัวแทนแหล่งข่าวเข้าไปในขบวนการต่าง ๆ เป็นงานที่เราต้องทำอยู่แล้ว

ในตอนบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ต.สำราญ ศรีพลกรัง สว.เวรสอบสวน สภ.อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งพบระเบิดปิงปองวางอยู่กลางสนามฟุตบอลโรงเรียนชุมแสง ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ม.3 ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งแสงทอง อ.นางรอง จึงไปตรวจสอบ พบระเบิดปิงปองชนิดใช้ชนวนจุดระเบิดวางอยู่กลางสนามฟุตบอล 3 ลูก

จึงให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดเก็บไปทำลาย สอบสวนทราบว่า ขณะที่เด็กนักเรียนกำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ในสนามพบลูกระเบิดดังกล่าววางอยู่ จึงแจ้งครูประจำชั้น และ ผอ.โรงเรียนทราบก่อนจะแจ้งตำรวจ สันนิษฐานว่า ระเบิดปิงปองดังกล่าวอาจเป็นของพวกวัยรุ่นที่คึกคะนองนำไปทิ้งไว้เพราะกลัวตำรวจตรวจ พบ หรือผู้ไม่หวังดีนำไปวางสร้างสถานการณ์ให้ปั่นป่วน.

ข้อมุลที่มีคุณภาพ
จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์