ธรรมรักษ์ โต้ มนูญกฤต ยันรัฐจัดซื้ออาวุธกองทัพโปร่งใส

ธรรมรักษ์ โต้ มนูญกฤต ยันรัฐจัดซื้ออาวุธกองทัพโปร่งใส

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2549 20:23 น.

ธรรมรักษ์ จับมือ ผบ.สส.-ผบ.ทอ. แถลงโต้ มนูญกฤต ปัดข้อหารัฐบาลทุจริตการซื้ออาวุธ ระบุกองทัพไม่เคยซื้อรถถัง ชี้การพัฒนายุทโธปกรณ์ มีหลักการ-วางแผน ทุกอย่างโปร่งใส ย้ำจุดยืนเดิมทหารเป็นกลาง ยันไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน

วันนี้ (15 มี.ค.) พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงข่าวร่วมกับ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ท.กิตติมาศ สุขสวัสดิ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายส่งกำลังบำรุง (ผช.เสธ.ทบ.ฝกร.) เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาของ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร นายทหาร จปร.7 อดีตประธานวุฒิสภา และเป็นอดีตผู้ร่วมก่อการยึดอำนาจในเหตุการณ์เมษาฮาวาย เมื่อปี พ.ศ.2524 และ เหตุการณ์ 9 ก.ย. พ.ศ.2528 ที่ได้ปราศรัยบนเวทีขององค์กรพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา โจมตีการจัดซื้อการจัดซื้ออาวุธของรัฐบาล และยุทโธปกรณ์ที่ประจำการในกองทัพทุกประเภทมีการทุจริตในการจัดซื้อ และเป็นอาวุธเก่า

พล.อ.เรืองโรจน์ ยืนยันว่า กองทัพยังไม่ได้จัดซื้ออาวุธแม้แต่ชนิดเดียว เนื่องจากกลาโหมอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ตามแผนพัฒนากองทัพ 9 ปี หรือการจัดซื้ออาวุธแบบแพคเกจอยู่ ในขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนที่เราได้ส่งความต้องการไปให้ผู้สนใจเพื่อให้เสนอกลับมาที่กลาโหมอีกครั้ง แต่ขณะนี้คงต้องเลื่อนไปเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากสถานการณ์สงบคิดว่าแผนงานที่ทำไว้คงเดินหน้าต่อไป

พล.ท.กิติมาศ กล่าวว่า ในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมากองทัพบกไม่เคยมีการจัดซื้อรถถังเลย นโยบายของ ผบ.ทบ.ที่ต่อเนื่องมาหลายปีคือเน้นเรื่องการซ่อมบำรุง ปรับปรุงสภาพยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ รถถังที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นรถถังที่ พล.ต.มนูญกฤต เคยเอาไปปฏิวัติ เช่น รถถังรุ่น M -60 A1 หรือ M-41 ที่ปัจจุบันกองทัพบกยังใช้อยู่ ส่วนใหญ่เป็นการได้มาจากโครงการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ และจากประเทศจีน

พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ในการจัดซื้อเครื่องบินวีไอพี (ประเทศไทย) รุ่น AIRBUS 219 โดยการแลกกับ ฮ.ซูเปอร์พูม่าที่ได้ยกเลิกการใช้เป็นพระราชพาหนะนั้น สืบเนื่องจากกรณี ฮ.รุ่นซูเปอร์พูม่าของกองทัพอากาศ ที่ใช้ในภารกิจเป็นพระราชพาหนะเกิดอุบัติเหตุ ผบ.ทอ.ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลฯ ผ่านราชเลขาธิการว่าเราจะขอยกเลิก ฮ.รุ่นดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะ พร้อมทั้งขอพระบรมราชานุญาตว่าจะนำ ฮ. BELL-412 HP ซึ่งเป็น ฮ.เก่าอายุใช้งาน 5 ปี แต่มีการซ่อมบำรุงแล้ว จัดเป็น ฮ.พระราชพาหนะแทน ซึ่งทางราชเลขาธิการก็ทำหนังสือกลับมาว่าท่านได้ทรงรับทราบ เมื่อเราได้งบประมาณใหม่จึงได้มีการจัดซื้อ ฮ.BELL- 412 EP มาเป็นเครื่องราชพาหนะใหม่แทน

พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ทำให้ ฮ.ซูเปอร์พูม่าที่ยังมีประจำการอยู่ต้องเสียงบประมาณในการซ่อมบำรุงโดยไม่มีภารกิจอะไร และใน ฮ.ดังกล่าวก็มีบางจุดที่ที่ขัดข้องก็ได้มีการซ่อม มูลค่าของเครื่องก็ดีขึ้น สามารถใช้ทำการบินได้ ทอ.จึงทำเรื่องขออนุมัติจากรัฐบาลเพื่อทำการแลกเปลี่ยน หากเราขายก็จะได้ราคาต่ำกว่าการแลกเปลี่ยน เราจึงได้แลกมาเป็นเครื่องบินวีไอพีลำดังกล่าวแทน แต่เนื่องจากการตกแต่ง การจัดทำที่นั่งต่างๆ ระดับการตกแต่งก็จะต่ำกว่าเครื่องพระที่นั่ง ขณะนี้เลยจัดเป็นเครื่องพระที่นั่งสำรอง ในกรณีที่เครื่องพระที่นั่งของพระราชวงศ์ขัดข้อง นอกจากนั้น ยังใช้สำหรับพระราชอาคันตุกะ และระดับนายกฯ ด้วย หรือแม้กระทั่ง รมต.ของประเทศที่มาก็จะเข้าไปสนับสนุนงานด้วย

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า เป็นการเข้าใจผิดของคนที่นำไปปราศรัย จึงได้ชี้แจงผ่านสื่อเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เช่น ที่บอกว่ารถถังซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ ก็ไม่ใช่สมัยนี้ เพราะมีอายุใช้งานเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนที่เกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมต้องการดึงทหารเข้าไปร่วมนั้น ตนบอกว่าการแถลงครั้งนี้เราจะไม่พูดประเด็นอื่น ยกเว้นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด การพัฒนากองทัพเราพยายามทำเป็นหลักการ มีการวางแผนเป็นแพกเกจ ค่อนข้างโปร่งใส นอกเหนือจากนี้ไม่ได้ และเรายังให้แต่ละประเทศเสนอมาด้วยว่าเขาจะซ่อมอะไร มีคณะกรรมการฯ หลายขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสในการดึงให้ทหารไปอยู่ตรงข้ามรัฐบาล อีกทั้ง ผบ.เหล่าทัพมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก ในฐานะที่ รมว.กลาโหม ก็เป็นทหาร มีจุดยืนและความรู้สึกต่อกระแสเช่นนี้อย่างไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า มันเรื่องของเขา จริงๆ แล้วถ้าเรายึดระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเดินไปตามระบบ เราต้องทำตามระบบ รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเราก็ต้องเอารัฐบาลนั้น ถ้าผมมาไม่ถูกต้องเหล่าทัพก็ไม่ฟังผม แต่นี่ผมมาอย่างถูกต้องเขาก็ฟัง ส่วนในใจนั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง ใครชอบหรือไม่ชอบเราไม่รู้

ผู้สื่อข่าวซักว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ผบ.เหล่าทัพ มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน พล.อ.ธรรมรักษ์ บอกว่า ให้ถามเขา พล.อ.เรืองโรจน์ ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 5 และนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยหัวเราะพร้อมบอกว่า ถ้าถามถึงความอันหนึ่งอันเดียวของกองทัพไทยขณะนี้ ตนยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแน่ ในขณะที่ พล.อ.อ.ชลิต ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 ของ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร.ที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ครับ มีจุดหมายเดียวกัน

เมื่อถามว่า ได้มีการเช็กหรือไม่ว่ากำลังทหารแต่ละฝ่ายมีใครจะเอาหรือไม่เอารัฐบาล และ สามารถจะคุมได้ตั้งแต่หัวแถวถึงท้ายแถวหรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ลองไปช่วยถามดูหน่อย ทหารมันมีวินัย แต่ในเรื่องของการวิจารณ์นั้นก็เป็นอีกเรื่อง อย่างผู้บังคับกองพัน ไม่ใช่พลทหารจะรักหมด พอลับหลังก็ด่าบ้าง รมว.กลาโหม ก็เหมือนกัน บางคนมันก็ด่า บางคนมันก็ชอบ แต่ส่วนใหญ่เขาอยู่ในระบบ จะให้เขารักหมดได้อย่างไร พระพุทธเจ้ายังโดนด่าเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงข่าวเช่นนี้จะถูกมองหรือไม่ว่าทหารเริ่มเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล รมว.กลาโหม กล่าวว่า คือเราทำตามหน้าที่ ตามกฎหมายอยู่ อะไรที่เป็นไปตามกฎหมายเราทำตามนั้น ตามระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายที่ประท้วงเขาก็ทำไป ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ของเราในการดูแลความสงบให้เป็นไป

ตอนนี้เรายังไม่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือมันยังไม่มีหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทหารก็ยืนอยู่เฉยๆ ถือว่าบ้านเมืองยังปกติสุขอยู่ เราก็ไม่เกี่ยว มันจะเกี่ยวต่อเมื่อสถานการณ์รุนแรง จนไม่สามารถจะใช้กฎหมายปกติได้แล้ว มันจึงจะเกี่ยวกับทหาร ทีนี้พวกเรามันเคยตัว ทหารชอบปฏิวัติอยู่เรื่อยในสมัยก่อน ก็จะยุให้ปฏิวัติอยู่เรื่อย หาเรื่องให้เขาไปเข้าคุก

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อมีความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยไม่สามารถจะใช้กฎหมายตามปกติได้ เป็นลักษณะของสถานการณ์ฉุกเฉินใหม่ที่แตกต่างจากภาวะฉุกเฉินเดิมที่ให้อำนาจนายกฯ และ รมว.มหาดไทยประกาศ ซึ่งภาวะฉุกเฉินใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ซึ่งตามพระราชบัญญัติบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ออกใหม่นี้ก็ใช้กำลังทหารได้ แตกต่างจากภาวะฉุกเฉินเดิมใช้กำลังทหารไม่ได้

รมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่นายกฯ บอกว่ามีการร่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้วนั้นไม่ได้หมายความว่าจะประกาศเลย แต่หากจำเป็นต้องประกาศมันก็ไม่ยาก ที่พร้อมจะปฏิบัติได้เลย ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินพิจารณาอยู่ด้วย ตนก็เป็นหนึ่งในกรรมการ เมื่อถามว่า ถ้าท่านไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ถ้าเสียงข้างมากเขาเห็นด้วย เสียงตนก็ตกไปด้วย

ผู้สื่อข่าวซักว่า ถ้าประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วเอาทหารออกมา จะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า พวกคุณก็เชียร์กันจัง ถ้าคนมาปะทะกันจะเสียหาย เราต้องนึกถึงประชาชนที่มา โดยมากผู้นำไม่ค่อยเป็นอะไร แต่คนที่มาจะมีปัญหา รัฐบาลก็ได้อนุมัติเงินในการช่วยเหยื่อเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องคำนึงถึงประชาชนด้วย ไม่ใช่ว่าจะเชียร์กันเย้วๆ ออกไปตีกัน

แน่นอน ผมไม่อยากให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวโดยผู้บัญชาการทหารอากาศพยักหน้ารับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมได้มีการประสานงานให้ พล.อ.สนธิ มาร่วมแถลงข่าวด้วยเนื่องจากมีการพาดพิงยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกด้วย แต่ พล.อ.สนธิ ติดภารกิจในการเดินทางไปจังหวัดราชบุรีเพื่อเป็นประธานในพิธีปิดกีฬาภายในกองทัพบก จึงได้ส่ง ผช.เสธ.ทบ.ฝกบ.มาแถลงร่วมแทน

พล.อ.ไตรรงค์ สุวรรณทัต หัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามสร้างกระแสความแตกแยกของเตรียมทหารรุ่น 6 กับเตรียมทหารรุ่น 10 แตกเป็นฝ่ายไปเรื่อยเปื่อย เป็นธรรมดารุ่นนี้มักถูกจับตามองอยู่แล้วว่าไปเชียร์นายกฯ เป็นเพื่อนนายกฯ แต่อยากบอกว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคม มีเพื่อนขึ้นเป็นนายกฯ ก็เป็นความภาคภูมิใจของรุ่น แต่เป็นคนละส่วนกับเรื่องของงาน

พล.อ.ไตรรงค์ ยังกล่าวถึงกระแสการรัฐประหารที่ออกจากกองทัพว่า ทหารยุคนี้ใครคิดทำปฏิวัติก็ควายแล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์