เสียดาย...เสียใจ...สงสัย? ′′ถวิล เปลี่ยนศรี′ เลขาฯสมช.สู่ที่ปรึกษานายกฯ

หมายเหตุ - นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงเปิดใจหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ โดยเรียกร้องขอความเป็นธรรม ในช่วงสายของวันที่ 7 กันยายน


"ท่านที่รังแกผม ก็ต้องต่อสู้กับความเที่ยงแท้แน่นอนของกฎแห่งกรรมและกฎธรรมชาติ"

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายท่านถามว่าผมรู้สึกถูกรังแกหรือไม่ เสียใจหรือไม่ จะฟ้องศาลปกครองหรือไม่ ต่างๆ เหล่านี้ ผมก็เป็นปุถุชนธรรมดา ย่อมมีความรู้สึกทั้งเสียดาย เสียใจ และสงสัย ไม่เข้าใจ

แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายกับตำแหน่งนี้ ขอให้บันทึกไว้ได้เลยว่า ผมไม่เสียดายตำแหน่ง เพราะถือว่าวันหนึ่งผมก็ต้องพ้นตำแหน่งไปตามหลักเกณฑ์ราชการ แต่ความสำคัญที่อยู่แล้วได้ทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองหรือไม่ และไปโดยที่ฝากให้คนเขาคิดถึงคุณความดีหรือไม่เท่านั้น

สิ่งที่ผมเสียดายเรื่องแรกคือ ผมได้ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน รองเลขาฯ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ทุกระดับ กำลังปรับโครงสร้างองค์กร กำลังทำงานเพื่อพัฒนาสำนักงาน พัฒนาเจ้าหน้าที่ให้ทำงานลักษณะความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยรัฐบาลและประเทศผดุงรักษาความมั่นคงของชาติให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ผมมั่นใจว่าถ้าได้ทำงานในช่วง 1-2 ปีต่อไปข้างหน้านี้จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมไม่มีหน้าที่เป็นเลขาฯสมช.แล้ว แต่มีความเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ สมช.ทุกคน รองเลขาฯสมช.จะทำงานต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ สมช.ทุกคนเติบโตเป็นเลขาฯสมช.ได้ทุกคน เพียงแต่ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ต้องให้เกียรติ ให้ความหวังแก่เขา ประเด็นที่สำคัญคือต้องเปิดโอกาสให้เขาเติบโตตามสายงานนี้ และอย่ารังแกเขา

ส่วนสิ่งที่ผมเสียใจคือ ตำแหน่งนี้ควรเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี กลับแต่ถูกใช้เป็นที่รองรับและแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อให้มีการแต่งตั้งตัว ผบ.ตร.ตามที่ทางฝ่ายการเมืองต้องการเท่านั้น

ประการที่สองที่ผมเสียใจคือ ผมรับราชการใน สมช.มา 30 กว่าปี ตั้งแต่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต จนเติบโตมาถึงตำแหน่งที่สูงสุดขององค์กรด้วยความภาคภูมิใจของตัวเองและครอบครัว แต่สุดท้ายผมต้องพ้นตำแหน่งหน้าที่นี้ไปด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถของผมเลย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดเจนว่าผมไม่ได้มีความผิดหรือบกพร่องแต่อย่างใด การดำเนินการมาตั้งแต่ต้นเพื่อให้ผมพ้นตำแหน่ง จนมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 6 กันยายน ออกมาในลักษณะที่ฝ่ายการเมืองบางท่าน บางส่วนมีอคติ ลุแก่อำนาจ ตรงนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผม ก็ไม่ได้ออกมาปกป้องหรือดูแลผม

นอกจากนี้ ผมยังรู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจ คือ ถ้อยแถลงของฝ่ายการเมืองบางท่านที่พูดทำนองว่าผมทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว กับพรรคประชาธิปัตย์ ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วก็ไว้ใจไม่ได้ เอาไว้ไม่ได้ ทำให้ผมมีข้อสงสัยไม่เข้าใจ เรื่องแรกคือ ผมไม่เคยทำงานให้พรรคการเมือง ผมทำงานให้รัฐบาล ให้กับนายกรัฐมนตรีและตำแหน่งผมก็ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี และที่มากกว่านั้นคือผมทำงานให้กับชาติบ้านเมือง เหมือนกับที่ฝ่ายการเมืองก็มีปณิธานเช่นเดียวกับผม

ประการที่สาม การที่ผมทำงานใน ศอฉ. เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ผมไม่ได้เสนอตัวเข้าไปทำ และทำงานตามขอบเขตกฎหมายที่กำหนด สิ่งที่ไม่เข้าใจคือผมเข้าไป ครม.ไปรู้เรื่องที่ ครม.ประชุมปรึกษาหารือ ซึ่ง ครม.ก็หารือเรื่องของชาติบ้านเมือง มีตำแหน่งข้าราชการประจำไม่กี่ตำแหน่งที่เข้าประชุม ครม.เพื่อให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง และผมยืนยันได้ว่าถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พวกเรามีความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ ไว้ใจผมได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่เราไม่เกี่ยวข้อง ท่านจะแพ้ชนะ จะได้คะแนนนิยมมากกว่ากัน น้อยกว่ากันอย่างไร ฝ่ายข้าราชการประจำเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้อยู่แล้ว

ส่วนเรื่องตำแหน่งที่ผมถูกย้ายไปนั้นเหมาะสมกับผมหรือไม่ ผมเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตำแหน่งที่ถูกย้ายไปเป็นระดับ 11 และเป็นตำแหน่งนักบริหารระดับสูง ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์เท่ากัน ดูเผินๆ เหมือนว่าผมไม่ได้เสียหาย แต่ขอเรียนว่า ต้องดูที่มาของการย้ายด้วยว่าถูกต้องตามระบบคุณธรรมถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) พิจารณา ซึ่งผมจะไปร้องที่ ก.พ.ค.ตามระเบียบภายใน 30 วัน

"แต่นั่นเป็นระเบียบ กฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือกฎแห่งกรรม กฎธรรมชาติ ที่ทุกคนต้องได้รับทั้งนั้น ท่านต้องต่อสู้ ผมเองต้องต่อสู้ ท่านที่รังแกผมก็ต้องต่อสู้กับความเที่ยงแท้แน่นอนของกฎแห่งกรรมและกฎธรรมชาติ"

สำหรับเรื่องที่ผมไม่อยากเอ่ยถึง แต่จำเป็นต้องเอ่ยถึงวันนี้ คือ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพราะท่าน (พล.ต.อ.วิเชียร) เอ่ยว่าจะย้ายออกจากตำแหน่งผบ.ตร.ได้ ก็ต่อเมื่อได้ไปตำแหน่งที่เหมาะสม และสมศักดิ์ศรี ซึ่งผมเข้าใจว่าตำแหน่งที่ถูกเสนอไปให้ท่านคือตำแหน่งที่ผมถูกย้ายไปลงนั่นเอง และท่านไม่รับ และมารับตำแหน่งเลขาฯสมช.เพราะสมศักดิ์ศรี แต่ตำแหน่งนั้นไม่สมศักดิ์ศรี เมื่อท่านพิจารณาอย่างนั้นแล้ว และผมจะพิจารณาได้อย่างไรว่าเหมาะสมกับผม

"ผมทำงานด้านความมั่นคงมาชั่วชีวิตราชการของผม แล้วจะไปทำงานที่อื่นได้อย่างไร อย่างถ้าให้ผมไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ตามที่สื่อบางฉบับเขียน ผมก็ต้องไปโกงภาษีอากรแน่นอนเพราะผมไม่ได้ศึกษามาทางด้านนั้น ผมจะไม่ทำให้เพื่อนข้าราชการด้วยกันเดือดร้อนเป็นอันขาด"

ผมอยากขอร้องและร้องขอว่า "ระบบราชการ" มีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรีของเรา เราถูกออกแบบมาให้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง อีกส่วนหนึ่งก็เหมือนกับฝ่ายการเมืองที่เข้ามาเพื่อทำงานให้ชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้น กรุณาได้ใช้ระบบคุณธรรม ใช้เหตุและผล อย่าใช้อคติ ความรัก ความชังเข้ามาทำให้ตรงนี้เกิดการไขว้เขวไป เพราะสิ่งนี้จะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการทั่วประเทศเป็นอย่างมาก และการทำเช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์ต่อใครทั้งสิ้น เป็นโทษต่อชาติบ้านเมือง ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใดทั้งสิ้น

จากนี้เมื่อมีมติ ครม.ออกมาแล้วหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแล้วผมต้องไปรายงานตัวเพื่อรับทราบนโยบายจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับสั่งและปฏิบัติราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ สมช.ก็จะมีรองเลขาฯรักษาการ จากนั้น จึงจะมีการเสนอทบทวนไปยังรองนายกรัฐมนตรีว่า เนื่องจากย้ายผมไป แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมารักษาราชการแทนตามกฎหมาย ท่านก็รักษาราชการแทนอยู่ รองนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาแต่งตั้งใครมารักษาราชการแทนอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม การออกมาแถลงกรณีของผมครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเป็นไอดอล (แบบอย่าง) ไม่ได้มีความคิด ไม่ต้องการเป็นแบบอย่างให้เกิดการต่อสู้ของข้าราชการประจำ คิดแต่จะรักษาเกียรติของตัวเองและข้าราชการให้ดีที่สุด แต่ถ้าจะมีอานิสงส์ไปถึงเพื่อนข้าราชการคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ดี ผมมั่นใจว่าบ้านเมืองนี้มีความเป็นธรรมอยู่ มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ผมไปร้อง ก.พ.ค.ก็ไม่จำเป็นว่าผมจะต้องชนะ เพียงแต่เราได้ต่อสู้เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็น้อมรับได้ทั้งสิ้น

ส่วนที่ถูกมองว่าการย้ายครั้งนี้เพราะเห็นว่าทำงานให้รัฐบาลชุดก่อนนั้น ถ้าฟังจากถ้อยแถลงของรองนายกฯ (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) ก็เป็นอย่างนั้น เพราะท่านพูดว่าผมทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ นั่งอยู่ใน ครม. ใครจะไปยอม ซึ่งผมก็เรียนรายละเอียดแล้วว่าทำไมผมต้องนั่ง ทำไมผมต้องทำงานกับรัฐบาล และย้ำแล้วว่าผมไม่ได้ทำงานกับพรรคการเมือง

สำหรับข้อครหาที่รัฐบาลชุดนี้ย้ายเพราะไม่พอใจกับการทำงานขณะนั่งเลขาฯสมช.ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ นั้น ผมก็ไม่ทราบว่าเหตุผลใด แต่ถ้าเป็นเรื่องดังกล่าว เรียนตามตรงว่า พวกเราไม่ได้มีความสุขหรอกครับที่คนไทยเราต้องมาตาย บาดเจ็บ เราก็เสียใจด้วยกันทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนั้น และการดำเนินการทุกอย่างก็เป็นไปตามกรอบกฎหมาย ได้พินิจพิจารณาใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้ว ไม่มีความปรารถนาใดๆ ทั้งสิ้นที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชน

เพราะเราคนไทยด้วยกัน เลือดสีเดียวกัน และขณะนี้กระบวนการยุติธรรมก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง

(มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 8 กันยายน 2554 หน้า2)

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์