ร้อนตัว! แม้ว ชูรักแร้สาบานไม่เกี่ยวบึ้ม กทม. - ครางศักดิ์ศรีตระกูลเสื่อมเสีย

ร้อนตัว! แม้ว ชูรักแร้สาบานไม่เกี่ยวบึ้ม กทม. - ครางศักดิ์ศรีตระกูลเสื่อมเสีย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 มกราคม 2550 17:45 น.

แม้วไม่เลิกพล่าน! ร้อนตัวส่งจดหมายสาธยายยาวเหยียด ปัดไม่รู้ไม่ชี้เหตุระเบิดทั่ว กทม. ยกศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูล-ตำแหน่งอดีตนายกฯ ขึ้นข่ม จวกมีคนคอยกล่าวหาลับหลัง ถึงขั้นสบถสาบานไม่เคยคิดร้ายต่อประชาชน แถมโชว์ผสมโรงขอร่วมด่ามือระเบิดด้วยคน ไม่วายอวดภูมิรู้ดีมือระเบิดเชื่อมโยงปัญหาใต้ชัดๆ

วันนี้ (2 ม.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายครอบครัวชินวัตร แถลงข่าว

โดยนำจดหมายเปิดผนึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาแสดง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้ประณามผู้ก่อเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา และยังแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลสรุปว่าเป็นการกระทำของกลุ่มการเมืองเก่า ขณะที่มีบางสื่อที่พยายามชี้เป้ามาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากแต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ ขณะที่เหตุระเบิดใน กทม.เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็รีบสรุปว่าเป็นกลุ่มการเมืองเก่า ข่าวสารถูกปิดบังเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด นักการเมืองบางคนที่กลัวการแข่งขันก็ร่วมกล่าวหา

ไม่ว่าผู้ที่ลอบวางระเบิดจะเป็นใคร ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้โดยถ้อยคำที่รุนแรง

และผมขอสาบานว่าผมไม่เคยคิดแม้แต่จะคิดทำร้ายและทำลายความสุขของประชาชน ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ทุกข้อกล่าวหาผมขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางถูกต้องตามหลักสากล ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน อันจะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือของประเทศ ผมพร้อมเผชิญและพร้อมเดินทางกลับไปรับข้อกล่าวหาเพื่อต่อสู้ทุกกรณี แต่ไม่ใช่มาบอกว่าไม่อยากให้ผมกลับเข้าประเทศในช่วงนี้ แต่เล่นงานผมและครอบครัว กล่าวหาผมลับหลัง ขอให้คิดว่าคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวนาหรืออดีตนายกรัฐมนตรีย่อมมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ต้องรักษาเช่นกัน หนังสือดังกล่าวระบุ

ทั้งนี้ นายนพดล กล่าวด้วยว่า

ในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.) นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ จะไปชี้แจงและให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่รัฐ (คตส.) ส่วนคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ยังคงอยู่ในต่างประเทศ ไม่ทราบว่าจะเดินทางมาทันหรือไม่

สำหรับรายละเอียดของจดหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุสถานที่เขียน ที่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 2 มกราคม 2550 ข้อความว่า

กราบเรียน พี่น้องชาวไทยที่เคารพรัก วันนี้ผมมีความจำเป็นที่ต้องออกจากความเงียบทางการเมือง หลังจากที่ถูกปฏิวัติ ที่ผมเงียบไม่ได้พูดการเมือง ก็เพราะตั้งใจที่จะเห็นบ้านเมืองเกิดความปรองดอง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หลังจากที่ผมเฝ้าดูมา 100 วันเศษ ก็พบว่า กลุ่มที่ร่วมกันล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็ไม่สามารถและไม่พยายามสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นได้ ทั้งๆ ที่ ผมได้โทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลบางคนในกลุ่มนี้ ในฐานะคนเคยทำงานด้วยกัน มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมา เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผมมีน้ำใจนักกีฬาพอ ที่จะรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ขอให้เขาทำหน้าที่ให้เต็มที่ ไม่ต้องพะวงผม

ผมจะยังไม่กลับไป เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์โดยเร็ว แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม มีความอาฆาตมาดร้าย ไร้ความยุติธรรม ตอกลิ่มความแตกแยก มีการกล่าวเท็จโดยแนวร่วมอยู่ตลอดเวลา ถ้าคนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ประเทศจะได้รับความเชื่อถือได้อย่างไร ถ้าประเทศขาดความน่าเชื่อถือ ก็อย่าหวังว่า ประชาชนจะมีความสุข อยู่ดีกินดี เพราะเราต้องอาศัยเม็ดเงิน ที่เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อสร้างความเจริญและความมั่งคั่งให้ประเทศ

ที่เลวร้ายที่สุดคือ เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ คืนวันที่ประชาชนออกไปหาความสุขกัน คือ วันที่ 31 ธ.ค.2549 รัฐบาลนี้สามารถสรุปในเช้าวันที่ 1 ม.ค. (วันรุ่งขึ้น) ได้ทันทีว่า เป็นกลุ่มการเมืองเก่า และมีสื่อที่ขายจิตวิญญาณบางคนพยายามชี้มาที่ผม ข่าวคราวที่แท้จริงถูกปิดบัง ถ้าเปรียบกับระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีทหาร ครู พระ ประชาชนตาย และบาดเจ็บจำนวนมากในช่วงรัฐบาลนี้ ก็ยังจับกุมไม่ได้ พอเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ไม่ถึง 24 ชั่วโมง รีบสรุปว่าเป็นกลุ่มการเมืองเก่า ข่าวสารถูกปิดบัง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด นักการเมืองบางคนที่กลัวการแข่งขันก็ร่วมกล่าวหา

พี่น้องครับ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินไปด้วยความไม่ยุติธรรมไร้คุณธรรมเช่นนี้ ทำลายล้างกันเอง และหนีปัญหาที่แท้จริงเช่นนี้ ต่างชาติเขาจะหัวเราะเยาะเอา ทั้ง ๆ ที่ทุกประเทศเขาเร่งเดินหน้าสร้างความเจริญ ของเราขอถอยหลัง ชำระแค้นกันเองเสียก่อน จะไหวหรือครับ ผมเคยติดตามงานด้านความมั่นคงมาก่อน ผมสอบถามตำรวจดู ถึงวัสดุที่ใช้ และแผนประทุษกรรม และทราบว่ามีวงจรปิด มีการจับกุมวัยรุ่นที่สงขลา ที่เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ผมก็เดาได้ว่า น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ ดูแล้วคล้ายกับที่ทำที่หาดใหญ่ แต่ผมก็ยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

แต่รัฐบาลนี้แทนที่จะตรวจสอบให้แน่นอน ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง กลับเอาสถานการณ์ความวิตก สะเทือนขวัญของประชาชน และความน่าเชื่อถือของประเทศมาเล่นการเมืองทันที เพราะถ้ายอมรับว่า มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ ก็เท่ากับยอมรับว่า นโยบายปูผ้ากราบ ผิดพลาด คนเหล่านี้เขามีความมุ่งมั่นที่จะแยกดินแดง หรืออย่างน้อยขอปกครองตนเอง จึงเห็นความอ่อนแอของนโยบายเป็นช่องทางต่อรองจึงรุก ผมเคยประชุมเตือนผู้มีหน้าที่ระดับสูงหลายครั้งว่า ถ้าไม่สามารถสะกดให้อยู่ใน 3 จังหวัดได้ จะเข้าหาดใหญ่ ถ้ายังสะกดไม่ได้อีก จะเข้ากรุงเทพฯ และจะเสียหายต่อประเทศ ทุกครั้งที่มีเทศกาลในกรุงเทพฯ ที่ประชาชนจะออกมาหาความสุขจำนวนมาก ผมจะสั่งการให้หน่วยข่าวเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้า และให้เจ้าหน้าที่ฝังตัวอยู่กับประชาชนในจุดที่เป็นจุดเปราะบาง หรือ SOFT TARGET พอเทศกาลผ่านไปโดยไม่มีเหตุก็จะโล่งใจกันครั้งหนึ่ง

พี่น้องครับ ไม่ว่า ผู้ที่ลอบวางระเบิดจะเป็นใคร ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ โดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง (CONDEMN WITH STRONG WORDS) และผมขอสาบานว่า ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทำร้ายและทำร้ายความสุขของประชาชน ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ถ้าพี่น้องจำได้ จะเห็นได้ว่า ช่วงที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองความพยายามล้มล้างรัฐบาลโดยกลุ่มเสียผลประโยชน์ และกลุ่มที่เข้าใจรัฐบาลผิดอันเกิดจากการโกหกนั้น ผมไม่เคยใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเลย โดยเฉพาะปีที่แล้ว เป็นปีมหามงคลยิ่งของพี่น้องชาวไทย

ข้อกล่าวหาที่เลวร้ายมากอีกเรื่อง ที่ผมถูกใส่ร้าย คือความไม่จงรักภักดี เรื่องนี้พี่น้องคงจะประจักษ์ดีแล้วว่า ตลอดเวลาในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมได้เทิดทูน ทุ่มเท โดยเฉพาะในปีมหามงคลที่ผ่านมา ด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุดมิได้

"ทุกข้อกล่าวหาผมขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางถูกต้องตามหลักสากล ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน อันจะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือของประเทศ ผมพร้อมเผชิญและพร้อมเดินทางกลับไปรับข้อกล่าวหาเพื่อต่อสู้ทุกกรณี แต่ไม่ใช่มาบอกว่าไม่อยากให้ผมกลับเข้าประเทศในช่วงนี้ แต่เล่นงานผมและครอบครัว กล่าวหาผมลับหลัง ขอให้คิดว่าคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวนาหรืออดีตนายกรัฐมนตรีย่อมมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ต้องรักษาเช่นกัน ข้อความในจดหมายระบุ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์