โปรดเกล้าฯยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯแล้ว เจ้าตัวลั่นเป็นเกียรติยศอันสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.40 น. นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยเดินทางขึ้นไปยังชั้น 7 ของอาคาร ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ


เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีความว่า
      

พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี พระปรมาภิไธยภูมิพลอดุลยเดช (ปร.) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า

       
โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแล้ว คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ต้องพ้นจากตำแหน่ง และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงทรงพระราชดำริว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

ประกาศ ณ วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน
       
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร


จากนั้น นายพิทูรได้อัญเชิญพระบรมราชโองการวางที่โต๊ะหมู่บูชา ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี


ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงว่า "ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดิฉันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรับสนองพระบรมราชโองการ รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ประเทศชาติและประชาชนในวาระนี้ ดิฉันถือว่าเป็นเกียรติยศอันสูงสุดและเป็นมิ่งมงคลแก่ชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้ ดิฉันและครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น นับเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ที่ดิฉันเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดี ดิฉันพร้อมจะทุ่มเท มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และจะอุทิศตนเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนตลอดไป 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ในเดือนธันวาคมนี้ และในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 สิงหาคมปีนี้ นับเป็นวโรกาสพิเศษที่สำคัญยิ่งต่อพี่น้องคนไทยทุกคน ดิฉันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันจัดงานถวายพระพร เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่านโดยพร้อมเพรียงกัน

 

ดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทย ขอบคุณสมาชิกพรรค ขอบคุณพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่ได้กรุณาให้โอกาสแก่ดิฉัน ได้ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดิฉันถือเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่ต้องการพลังจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันผลักดันให้ประเทศชาติของเราก้าวข้ามอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ เพื่อประกาศเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับของนานาประเทศในสากล

 

ดิฉันยังระลึกถึง พระบรมราโชวาท ที่ได้พระราชทานแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม ปี พ.ศ.2532 ซึ่งดิฉันเป็นบัณฑิตจบใหม่รุ่นนั้น ดิฉันขออัญเชิญพระบรมราโชวาทบางตอน ดังนี้


 

"...ประการที่สำคัญ ต้องพยายามใช้ความคิด ความเฉลียวฉลาด ปรับปรุงตัว ปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพเสมอ พร้อมทั้งพยายามประสานงาน ประสานประโยชน์ให้แก่ทุกคนและทุกฝ่ายที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วย โดยสอดคล้องทั่วถึง งานจึงจะสัมฤทธิผลเป็นประโยชน์ที่พึงประสงค์ คือ เป็นประโยชน์แก่งาน แก่ตัวผู้ปฏิบัติและแก่ส่วนรวม พร้อมทุกส่วน จึงขอให้บัณฑิตนำสิ่งที่พูดนี้ ไปพิจารณาให้เข้าใจเพื่อใช้เป็นแนวทางต่อไป..." ซึ่งดิฉันได้น้อมนำมาเทิดทูนไว้เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม และจะใช้เป็นแนวทางในการทำงานเพื่อผลักดันงานต่างๆ ของรัฐบาล ต่อไป

 

ดิฉันขอปวารณาตน ที่จะนำความรู้ ความสามารถและสติปัญญาทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และตั้งใจอย่างเต็มที่ เพื่อนำพาประเทศของเราไปสู่ความสงบสุข ความสามัคคีปรองดอง และมีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะเข้ามาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ดิฉันพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพี่น้องข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สื่อมวลชนทุกแขนง และพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่อย่างตั้งใจและเต็มใจ เพื่อให้ความสุขนั้นกลับคืนมาสู่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง

 

ดิฉันตระหนักดีว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิง ในขณะนี้ เป็นความท้าทายและความคาดหวังอย่างมากจากพี่น้องประชาชน แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่าความเป็นผู้หญิง จะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน แต่ในทางตรงข้ามความเข้มแข็งที่ควบคู่กับความอ่อนโยน การรับฟังปัญหาทัศนะที่แตกต่าง จะช่วยให้เรานั้นมองเห็นทางเลือกใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น

 

สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่ให้โอกาสดิฉัน ซึ่งถือว่าเป็นพันธะสัญญาทางใจ ให้ตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยความภาคภูมิใจ " ดิฉันจะมุ่งมั่น สร้างสุข สลายทุกข์ " ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ ดิฉันจะไม่ทำเพื่อกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง แต่จะทำเพื่อประเทศชาติและคนไทยทุกคน"


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์