สรุปผลสอบโอนหุ้นชินคอร์ปแล้ว

วันนี้ (29 ธ.ค.) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการตรวจสอบการยกเว้นจัดเก็บภาษีโอนหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ระหว่างนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร กับบริษัท แอมเพิล ริช ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนายอรัญ ธรรมโน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้สรุปผลการตรวจสอบ และส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลังแล้ว เมื่อปลัดกระทรวงการคลังรับเรื่องแล้วจะพิจารณาดำเนินการต่อไป

ส่วนเรื่องการแต่งตั้งบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจคนใหม่แทน นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ และนายวิชัย จึงรักเกียรติ ที่ถูกไล่ออกนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 3 ม.ค. 2550

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า


การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา เนื่องจากมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับประมวลกฎหมายรัษฎากร สำหรับการโอนหุ้นระหว่างบริษัทแอมเพิล ริช กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา บางฝ่ายระบุว่าส่วนต่างราคาเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 ในประมวลรัษฎากร ที่หมายถึงเงินได้อันเข้าลักษณะพึงเสียภาษีหมายความรวมถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณเป็นเงินได้ ตามมาตรา 39 ซึ่งเป็นคำจำกัดความค่อนข้างกว้างเกินไป เมื่อเทียบกับมาตรา 40

ทั้งนี้ มาตรา 40


ระบุลักษณะของเงินได้พึงประเมินที่เจาะจงลงไปมากกว่า เช่น มาตรา 40(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส เงินค่าเช่าบ้านเงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้นั้นไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว หรือ


มาตรา 40(8)

เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรมการขนส่ง หรือการอื่นๆ นอกจากที่ระบุไว้ เนื่องจากมาตรา

40(2) และ (8)

จะระบุได้ชัดเจนมากกว่ามาตรา 39 ซึ่งต้องดูว่าบังคับมาตราใดเพราะแม้มาตรา 40 ทั้ง 2 วงเล็บ จะเสียภาษีเท่ากัน แต่มีข้อแตกต่างกันคือ

มาตรา 40(2)

ไม่ต้องยื่นภาษีกลางปี หากเข้าข่ายมาตรานี้ผู้มีเงินได้จะต้องเสียภาษีและเบี้ยปรับตามระยะเวลาที่ไม่ยื่นรายการภาษี

ขณะที่มาตรา 40(8)


ต้องยื่นภาษีกลางปีคือสิ้นเดือน ก.ย. 2549 ดังนั้น ระยะเวลาจากเดือน ก.ย.-พ.ย. ถือเป็นการเปิดช่องให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา อ้างได้ว่าลืมยื่นภาษี การเดินเรื่องของกรมสรรพากร จึงมีความสำคัญมากต่อการเอาผิดในกรณีดังกล่าว


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์