ผบ.ทบ.ลั่นประกาศภาวะฉุนเฉินเสียภาพลักษณ์ประเทศ-ถ้ารัฐทำทหารพร้อม24ชม.

ผบ.ทบ.ลั่นประกาศภาวะฉุนเฉินเสียภาพลักษณ์ประเทศ-ถ้ารัฐทำทหารพร้อม24ชม.

ผู้บัญชาการทหารบก ระบุ ประกาศภาวะฉุกเฉินไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้ารัฐบาลประกาศทหารก็พร้อม 24 ชั่วโมง ด้านผบ.ทหารสูงสุด ระบุ ไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน หากสถานการณ์ไม่รุนแรง-เผาสถานที่ราชการ ย้ำกองทัพทำงานเพื่อความผาสุขประชาชน

(14มีนาคม) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ไม่มีอะไรเพราะดูการชุมนุมแล้วน่าสงบ เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์ขณะนี้คิดว่ารุนแรงหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า คงไม่มีอะไรต้องใช้เวลาขณะนี้เดาอะไรไม่ถูก

เมื่อถามว่าหากมีชุมนุมยืดเยื้อออกไปเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อสลายการชุมนุม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์เพราะจะทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศ เราพยายามหลีกเลี่ยงตรงนี้อยู่แล้ว ขณะนี้ก็มีประเด็นปัญหาตรงนี้กระทบพอสมควรอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีนักวิชาการเรียกร้องให้ทหารออกมาเคลื่อนไหว ผบ.ทบ. กล่าวว่าไม่มีใครบอก ทหารไม่ออกมาอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าการนำพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2535 มาเผยแพร่ทางทีวีพูล ใครเป็นผู้สั่งดำเนินการ พล.อ.สนธิ ย้อนถามว่า แล้วดีไหมถ้าดีก็ไม่ต้องถาม ส่วนคำสั่งออกมาจากใครตนบอกไม่ได้ เมื่อถามว่าทางรัฐบาลมีแนวโน้มจะประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินทางกองทัพบกเตรียมพร้อมอย่างไร ผบ.ทบ. กล่าวว่าคงไม่ประกาศเพราะมันต้องมีเงื่อนไข

เมื่อถามย้ำว่าเงื่อนไขอาจจะเกิดจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผบ.ทบ. กล่าวว่า นโยบายการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทางรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจเอง เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพได้ประเมินสถานการณ์ขณะนี้อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่าขึ้นอยู่กับทางด้านของรัฐบาล ทางทหารเป็นหน่วยปฏิบัติ หากรัฐบาลประกาศเมื่อใดทางทหารเราพร้อมอยู่แล้วตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อถามว่าหากเป็นเรื่องไม่เหมาะสมกับสถานการณ์สามารถตัดสินใจไม่ปฏิบัติได้หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำอย่างที่เราควรจะทำ ตนถึงบอกว่าอยู่ที่เราจะตัดสินใจต่อสถานการณ์ตรงนั้นซึ่งต้องดูสถานการณ์เป็นหลัก เมื่อถามย้ำว่าประเมินสถานการณ์ในขณะนี้อย่างไร ผบ.ทบ.กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง

ด้านพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีความเรียบร้อยดีและการเดินขบวนก็เป็นไปอย่างดี แล้วใครจะมาประกาศภาวะฉุกเฉิน ไม่มีหรอก นอกจากว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงจนถึงขนาดไปเผากันวุ่นวายจนบ้านเมืองเกิดจลาจล จึงจะใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อย่าเพิ่งไปคิดกันมาก ขณะนี้ยังสบายกลุ่มผู้ชุมนุมก็เดินเรียบร้อยดี

เมื่อถามว่า ล่าสุดมีกลุ่มหนุนนายกรัฐมนตรีเข้าไปป่วน พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ก็มีนิดหน่อย แต่ทุกคนช่วยดูแลสถานการณ์ดีอยู่ คิดว่าไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า ช่วงเวลากลางคืนเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า เราเป็นห่วงอยู่แล้ว ค่อยระวังป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ก็ระวังกันอยู่ทั้งตำรวจและผู้ชุมนุม

เมื่อถามอีกว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีม็อบชนม็อบ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า เราก็ระวังอยู่แล้วเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากัน เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าไม่น่าจะรุนแรง เพราะคนไทยไม่ชอบความรุนแรง เมื่อถามว่า จากการประเมินดูยังพบว่ามีการใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรง พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาคู่กันก็ต้องมีรุนแรงบ้าง แต่ทุกคนก็อดทนกันดี ทั้งนี้ กองทัพเห็นว่าการชุมนุมยังถูกต้องไม่มีอะไรผิดกฏหมาย มีเพียงแต่การกีดขวางการจราจรเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่อภัยกันได้

เมื่อถามว่า จะมีการชุมนุมประชุมกันอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่มีประชุมกันเลย มีเพียงฝ่ายข่าวที่มาวิเคราะห์สถานการณ์เท่านั้นเอง ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ได้มีการเน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อถามถึงกรณีที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทีวีพูล) นำพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่มาเผยแพร่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายกับทหารตั้งแต่รับตำแหน่งแล้วว่าต้องนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาให้ประชาชนรับทราบว่ามีอะไรบ้าง วันที่นำมาเผยแพร่ก็เป็นเรื่องดีไม่มีอะไรเสียหาย ที่จริงแล้วทางกองบัญชาการทหารสูงสุดกำลังจะพิมพ์พระราชดำรัสเป็นเล่มเล็กๆ ไปแจกประชาชนซึ่งกำลังทำอยู่แต่ออกช้าไปนิด

จะเป็นการรวมพระราชดำรัสในพิธีต่างๆ เช่น พิธีสวนสนาม ซึ่งจุดประสงค์เพื่อให้คนไทยสามัคคีกัน ซึ่งคิดจะทำก่อนที่จะมีม็อบแล้ว อย่างไรก็ตาม การนำพระราชดำรัสออกมาเผยแพร่เป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ทางผู้ชุมนุมไปตีความเข้าข้างตัวเอง ซึ่งแล้วแต่จะไปคิดกันเอง พระราชดำรัสที่รับสั่งออกมา เพื่อให้ประชาชนสามัคคีกัน ผลเสียเกิดกับใครเกิดกับประเทศกับประชาชน ดังนั้น ทุกคนควรจะสามัคคีกัน คิดว่าไม่เสียหายอะไร แล้วคิดว่าเสียหายตรงไหนพล.อ.เรืองโรจน์ กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นการปรามให้สถานการณ์เบาลงหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นการปรามหรือไม่ แต่เป็นสิ่งที่ดี ถือเป็นการเตือนสติคนไทยเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากัน เมื่อถามว่า ถ้าเกิดความวุ่นวายยืนยันได้หรือไม่ว่ากองทัพจะขึ้นอยู่กับประชาชน พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ตนพูดเป็นครั้งที่ร้อยแล้วว่า กองทัพอยู่เป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราทำงานทุกอย่างเพื่อความผาสุขของประชาชน

เมื่อถามว่า นักวิชาการเสนอว่าถึงเวลาที่จะให้ทหารออกมารักษาความสงบแล้ว พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ก็ว่ากันไป ต่างคนต่างคิดอะไรก็ได้ทั้งนั้นในเวลานี้ แต่ขอให้คิดทางที่ดีแล้วกัน อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ดีมันไม่ถูก

ส่วนพล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าสักการะศาลหลักเมือง ถึงความพร้อมของกองทัพภาคที่ 1 ในการดูผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ขณะนี้ยังยืนยันตามเดิม กองทัพภาคที่ 1 ยังไม่มีการปฏิบัติในขั้นใด ยังเป็นขั้นปกติอยู่ ติดตามสถานการณ์ และอยู่เฉยๆ ไม่มีการเตรียมอะไรทั้งสิ้น เว้นแต่มีคำสั่งจากรัฐบาลลงมาตามสายการบังคับบัญชา แต่ไม่มีความรุนแรงแน่นอน

เมื่อถามว่าสถานการณ์จะรุนแรงและบานปลายหรือไม่ พล.ท.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์เกี่ยวกับทางการเมืองตนไม่สามารถพยากรณ์ได้ เพราะอย่างที่ทราบจริงๆไม่ทราบจะพยากรณ์ไปในทิศทางใด แต่ตนเข้าใจว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น ทุกคนก็ห่วงทุกฝ่ายที่ออกมาก็ห่วง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารไม่มีการทำรุนแรงแน่นอน ไม่มีเสียงปืนแม้แต่นัดเดียว

เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินกิจกรรมใกล้พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นเพื่อนกัน อยู่กันอย่างดี เขาก็อยู่ในสิทธิเสรีภาพของเขา ไม่มีอะไร ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับเรา เราก็อยู่ในเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เท่าที่ดูทางฝ่ายตำรวจก็ทำงานเรียบร้อย คงไม่ให้มือที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว และเท่าที่ทราบก็มีการตรวจพื้นที่อย่างดีก่อนหน้านี้แล้ว เพราะกลัวมือที่สามมาสร้างสถานการณ์ และถ้ามีเล็ดลอดเข้ามาเชื่อว่าฝ่ายตำรวจดูแลได้ คงมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแล และคงไม่ห่วงที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน คิดว่าไม่มี

ขณะนี้ยังไม่อยู่ในขั้นเตรียมพร้อม อยู่ในขั้นปกติ ติดตามสถานการณ์ปกติ ส่วนกำลังพลที่จะไปรวมการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวเขา แต่ถ้าไปจะต้องพ้นหน้าที่ก่อน ถ้ามีหน้าที่อยู่เวรยามก็ต้องอยู่ปกติ ไม่เคยออกคำสั่งห้าม สิทธิพึ่งมีอะไรก็ทำได้อย่างนั้นตรวจสอบได้ไม่มีการออกคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

เมื่อถามว่าในฐานะแกนนำเตรียมทหารรุ่น 10 ( ตท.10 )จุดยืนขณะนี้ที่เกรงว่า จะมีการค้ำบัลบังก์ให้นายกฯในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น พล.ท.อนุพงษ์ กล่าวว่า คำว่าค้ำบัลบังก์ ตนไม่เข้าใจ ว่าจะค้ำได้อย่างไร มันเป็นอำนาจ นอกจากทำเพื่อส่วนร่วมแล้วยังมีสายการบังคับบัญชาที่จะต้องลงมายังเรา ไม่ใช่ตนคิดอยากทำอะไรก็ทำ ทุกคนไม่สามารถทำตามนั้นได้ ก็เป็นไปตามกลไกอำนาจหน้าที่ และส่วนความตระหนักส่วนร่วมคงไม่ทำอะไรให้เสียหาย

ในฐานะเพื่อนก็เป็นห่วงท่าน แต่ทำได้แค่เป็นห่วง ผมคงไม่สามารถทำอะไรได้เกินกว่านี้ และเรื่องนี้คงไม่ได้มาคุยกันเป็นการบุคคล และคงเป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งรุ่นจะมีความเห็นเหมือนๆกันหมด ซึ่งไม่เคยมีการมาคุยกันว่า จะอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเห็นกันทั้งรุ่น เพราะผมไม่รู้จะตอบอย่างไรว่าเป็นห่วงแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์