อภิรักษ์ปัดเสียบเก้าอี้หัวหน้า ปชป.หลังมาร์คโชว์สปิริตไขก๊อก

หลังการหย่อนบัตรเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ผลปรากฏพรรคเพื่อไทย (พท.) สามารถเอาชนะเหนือพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชนิดขาดลอย
 
ด้วยคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทาง 264 ต่อ 160 ที่นั่ง ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถนำพาพรรคสู้ชัยชนะ และคะแนนเสียงที่ได้ครั้งนี้ยังลดต่ำกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 2550


โดยในช่วงเช้าวันที่ 4 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า
 
กางเกงสแล็คสีเทา เดินทางออกจากบ้านพัก ซอยสุขุมวิท 31 ด้วยรถยนต์กันกระสุน ยี่ห้อฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ทะเบียน ฌฌ 1777 กรุงเทพมหานคร มายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลา 09.30 น. และตรงเข้าไปในอาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อพูดคุยกับ น.ส.อาภรณ์ รองเงิน รองผู้อำนวยการพรรคและนายอนุชา บูรพชัยศรี ว่าที่ ส.ส.กทม.ของพรรค พร้อมนำสมุดรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมาพลิกดู จากนั้น นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค เดินทางมาสมทบ ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะเดินเข้าไปทักทายกับเจ้าหน้าที่พรรค พร้อมรับแจกันดอกไม้และเสียงปรบมือให้กำลังใจ ก่อนแจ้งผู้สื่อข่าวให้ไปรอที่ห้องแถลงข่าวของพรรค 


เวลา 10.40 น. นายอภิสิทธิ์แถลงข่าว ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า ขอขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่ให้กำลังใจตนและพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าจะเป็น ส.ส.และสมาชิกของพรรคต่อไป และต่อสู้เพื่อประชาชนต่อไป


"ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำพรรคลงสู่สนามเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา โดยเฉพาะเทียบเคียงกับการเลือกตั้งปี 2550 แล้วพรรคได้คะแนนเสียงน้อยลง ผมก็คิดว่าการเป็นผู้นำที่ดีขององค์กร จะต้องแสดงความรับผิดชอบ ฉะนั้น วันนี้ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" นายอภิสิทธิ์กล่าว


นายอภิสิทธิ์กล่าววว่า สำหรับการคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น พรรคมีข้อบังคับและกระบวนการชัดเจนอยู่แล้วว่า

หลังเลือกตั้งใหญ่ จะมีการประชุมใหญ่ภายในเวลา 90 วัน เมื่อถามว่า หากที่ประชุมใหญ่ของพรรคเสนอชื่อกลับมาอีก จะรับหรือไม่ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามว่าคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นตำแหน่งไปด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องพ้นครับ และเมื่อถามย้ำว่า คิดว่ามีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่สมาชิกพรรค



หลังแถลงข่าวแกนนำพรรคที่เพิ่งทราบข่าวการแถลงลาออกของนายอภิสิทธิ์ทยอยเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ

ไม่ว่าจะเป็นนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายวิทยา แก้วภราดัย นายกษิต ภิรมย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ เป็นต้น โดยนายอภิสิทธิ์พูดกับนายกอร์ปศักดิ์สั้นๆ ว่า "แถลงลาออกแล้ว" ขณะที่ผู้สนับสนุนบางคนร้องไห้ โผเข้ามากอด ขณะที่เจ้าหน้าที่พรรคบางคนเมื่อทราบข่าวดังกล่าว ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าก่อนการแถลงข่าวนายอภิสิทธิ์ได้พยายามโทรศัพท์แจ้งการตัดสินใจดังกล่าวต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค แต่นายชวนไม่รับสาย จากนั้นนายอภิสิทธิ์จึงเดินทางกลับบ้านพัก ในเวลา 11.20 น.


ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. กล่าวถึงกระแสข่าวว่าตนเองเป็นแคนดิเดตถูกเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคว่า ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น เป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคจะดำเนินการในการจัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อที่ 27 ระบุว่า คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นตำแหน่งทันที เมื่อหัวหน้าพรรคลาออกจากตำแหน่ง

ประกอบข้อ 24 การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ ถ้าเลือกตั้งก่อนครบวาระ ให้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน ข้อที่ 22 กำหนดขั้นตอนการเลือกว่า ให้สมาชิกพรรคเสนอชื่อบุคคลเป็นหัวหน้าพรรคต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุม จากนั้นผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคจะเสนอชื่อกรรมการบริหารพรรคให้ที่ประชุมเลือกทั้งหมด


ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันพ้นตำแหน่งพร้อมกันมีจำนวน 19 คน ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรคได้แก่

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัน นายกรณ์ จาติกวณิช นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นายวิทยา แก้วภราดัย ส่วนเลขาธิการพรรคคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายธีระ สลักเพชร นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายทะเบียนสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคได้แก่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายวิรัช ร่มเย็น ส่วนนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ได้ลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคและเหรัญญิกพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว


รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำ ปชป.ได้ประเมินถึงเหตุผลการแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคเพื่อไทยครองพื้นที่ภาคเหนือและอีสานได้อย่างเบ็ดเสร็จ
 
แม้พรรคภูมิใจไทยได้วางกลยุทธ์เจาะฐานอีสานของพรรคเพื่อไทยให้ได้ แต่เพราะถูกตั้งข้อหาร่วมมือกับรัฐบาล คือพรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชน 91 ศพ ทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถเจาะฐานอีสานได้สำเร็จ และยังมาแบ่งฐานเสียงของ ปชป.ในพื้นที่ภาคกลางไปได้อีก ส่วน ปชป.ที่ไม่สามารถเจาะฐานภาคอีสานและเหนือไม่ได้ เพราะกรณีปัญหาของแพงที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังของรัฐบาล หากไม่มีปัญหาดังกล่าว คะแนนของ พท.คงไม่ทิ้งห่างพรรคประปชป.เช่นนี้


อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ปชป.จะเปิดให้รัฐบาลใหม่ได้ทำงาน
 
แต่คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มตึงเครียดในช่วงเดือนธันวาคม ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะกลับมา และเชื่อว่าพยายามที่จะเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทคืนให้ได้ โดยจะใช้เงื่อนไขที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และกองทัพมีส่วนในการสั่งฆ่าประชาชนมาแลกเปลี่ยน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์