ผอ.ยูเนสโกแถลงโต้สุวิทย์ กังขาข้ออ้างถอนตัว

 วันที่ 27 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลไทยถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลก และภาคีอนุสัญญา
 
ว่า ผลกระทบทั้งหลายจะต้องมีการพิจารณาอย่างท่องแท้ แต่ผลกระทบต่อการจะขึ้นทะเบียนอะไร อย่างไรก็ไม่รุนแรง  หากว่าถ้าว่าเราเสียดินแดน และนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ น่าจะทราบว่าสิ่งที่ตนเองทำไว้เมื่อปี พ.ศ. 2551 สร้างปัญหามาอย่างไร ทำให้ทุกวันนี้ที่เราพยายามแก้กันมา 3 ปี ไม่ให้มีการไปเสนอแผนบริหารพื้นที่ ซึ่งมันจะคาบเกี่ยวกับพื้นที่ของเราเป็นปัญหามาโดยตลอด

 เมื่อถามว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาคิดว่าล้มเหลวหรือไม่ หรือจะต้องเดินหน้าต่ออย่างไร หลังจากนี้ไป  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป้าหมายที่เราตั้งไว้ คือจะต้องไม่มีการอนุมัติแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชา และขณะนี้ก็ยังไม่มีการอนุมัติ ส่วนรูปแบบในการที่จะเดินหน้าเพื่อป้องกันตรงนี้ต่อไปก็ต้องมาคุยกัน

  เมื่อถามว่า ทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ประกาศเป็นชัยชนะของเขา ในกรณีที่ไทยถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ถอนตัวหรือไม่ถอนตัว ชัยชนะอยู่ที่การรักษาอธิปไตย รักษาดินแดน ตนยินดีที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่และพันธมิตรฯ ที่หวงแหนเรื่องนี้ก็ต้องติดตามเรื่องต่อไป เพราะการถอนออกไปไม่ได้จบ ต้องช่วยกันรักษาดินแดน ป้องกันไม่ให้มีการเดินเกมในลักษณะระหว่างประเทศ ที่จะมากระทบสิทธิ์ของไทย

 ด้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เมื่อเริ่มไม่มีความชัดเจนและสุ่มเสี่ยงทางประเทศไทยก็ได้ปรึกษาหารือ
 
และตัดสินใจว่าขอถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลก และไม่ขอร่วมการประชุมพิจารณาร่างข้อมติดังกล่าว เราจึงออกมา ซึ่งศูนย์มรดกโลกก็พยายามต่อรองว่าอย่ารีบยื่นหนังสือประกาศถอนตัวได้หรือไม่ ซึ่งตนนั้นได้ประกาศไปแล้วถ้าไม่ยื่นในวันเดียวกันนั้น ถ้าหากมีการพิจารณาอะไรไปก็จะหาว่ามีส่วนร่วมในการพิจารณาและความเห็นชอบมติร่างข้อดังกล่าวด้วย อาจจะเป็นความผูกพันที่เราจะต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งตนไม่สามารถรับผิดชอบในส่วนนั้นได้ จึงได้ตัดสินใจว่าขอถอนตัวออกมา

 วันเดียวกัน นางอิรินา โบโกวา ผอ.ใหญ่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก
 
แถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ของยูเนสโก แสดงความเสียใจต่อการที่ไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีคณะกรรมการมรดกโลก โดยระบุว่า อนุสัญญามรดกโลกปี 2515 ไม่ได้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์และปกป้องสมบัติโลกทั้งด้านธรรมชาติและด้านวัฒนธรรม ซึ่งมีคุณค่าในทางสากลแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเครื่องมือพัฒนาความร่วมมือและการเจรจานานาชาติด้วย


 นางโบโกวา ยังชี้แจงข้อมูลที่ตรงกันข้ามกับประเด็นที่นายสุวิทย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย ว่า
 
คณะกรรมการมรดกโลกไม่ได้หารือถึงแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และคณะกรรมการมรดกโลกก็ไม่ได้ขอรายงานเพื่อนำมาหารือ ยิ่งกว่านั้นคณะกรรมการมรดกโลกต้องการสร้างความกระจ่างว่าศูนย์มรดกโลกของยูเนสโก ไม่เคยผลักดันให้เกิดการหารือในเรื่องแผนบริหารจัดการดังกล่าว

 "ดิฉันหวังว่า ประเทศไทยจะใคร่ครวญอย่างรอบคอบถึงการแสดงปฏิกริยาในอนาคต ด้วยความเคารพต่อการประชุม และดำเนินการเป็นสมาชิกต่อไปในการถกเถียงประเด็นต่างๆ ของมรดกโลก" นางโบโกวา กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์