มาร์คหนุนต้านคอร์รัปชั่นแก้ปัญหายั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 09.30 น. ที่รร.พลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย” จัดโดยสภาหอการค้าไทย และภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น 20 องค์กร  ตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าทุกคนได้ตระหนักถึงความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดกับประเทศและสังคมจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจนแล้ว ความเสียหายที่แปลออกมาเป็นตัวเลข จากบางโครงการหรือความพยายามที่จะประเมินความเสียหายในแง่ของมูลค่าทางเศรษฐกิจนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นกับความเลวร้ายที่ตามมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะนอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนรวมในแง่เศรษฐกิจแล้ว การทำลายขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศและของธุรกิจก็เป็นความเสียหายที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง
   
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันการขาดธรรมาภิบาล

การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม การไม่ส่งเสริมสนับสนุนการประกอบธุรกิจหรือการประกอบการค้าที่อิงอยู่กับเรื่องประสิทธิภาพก็จะเป็นตัวที่บ่อนทำลายและกัดเซาะขีดความสามารถในการแข่งขันหรือศักยภาพของประเทศทางเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย นอกจากนั้นยังมีผลพวงทางสังคมที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น ปัญหายาเสพติด รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและรุนแรงในสังคมที่เกิดขึ้น ที่เราได้เผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมาล้วนมาจากสาเหตุปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวางทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น
   
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า  ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นนั้นอย่างน้อยจาก 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกิจ ในฐานะนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาล

ในช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาได้มีความพยายามในการทำงานร่วมกับหลายฝ่ายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เช่น การหาแนวทางในการปรับปรุงประเด็นในเชิงนโยบายที่อาจจะเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อม ๆ กับการสร้างเครือข่ายของภาคประชาชนในการเข้ามามีส่วนในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นต้น  หากทำสิ่งนี้ได้จริงจะเป็นการพลิกโฉมหน้าประเทศไทยครั้งใหญ่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ตลอดจนปัญหาการเมือง ที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขได้และเป็นการแก้ไขในระยะยาวแบบยั่งยืน.