ทักษิณเผยถ้าพท.เสียงข้างมากแต่พลาดเป็นรัฐบาลมีประท้วงแน่

"ทักษิณ"บอกสื่อเทศ ไม่หวังเป็นนายกฯไทยอีก เชื่อ พท.ได้เสียงข้างมาก แต่พลาดตั้งรัฐบาล คนต้องออกมาประท้วงแน่ อ้างแม้ถูกกระทำ แต่เสนอ"ปรองดอง"

"อิน ดิเพนเดนท์" ระบุอีกว่า พล.ต.ท.ทักษิณเลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวที่ไม่มีประสบการณ์การเมือง เป็นตัวแทนชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งแม้ผลสำรวจความคิดเห็นจำนวนหนึ่ง จะให้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่เห็นว่า ยังชี้แนวโน้มเด็ดขาดไม่ได้ 

พล.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกอย่างดูดีมาก ความนิยมในพรรคเพื่อไทย และนางสาวยิ่งลักษณ์มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็กังวลว่าบรรดาพรรคการเมืองคู่แข่งอาจพยายามจะบ่อนทำลายชัยชนะของพรรค 

"แม้เราเป็นฝ่ายค้าน ก็ยังเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภา นี่เป็นเหตุผลทำให้พวกเขากลัว และอาจใช้วิธีการเดิม และถ้าหากพวกเขาทำแบบเดิมอีก ก็หมายความว่า พวกเขาไม่ให้ความสนใจต่อประเทศอื่นๆ ในโลก และไม่สนใจต่อประชาธิปไตยในไทย"

พล.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า ต้องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น แม้เมื่อช่วงต้นปีบรรดาผู้สนับสนุนจะยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ 

"เพื่อไทยนำเสนอการปรองดอง แม้ว่าพวกเราจะตกเป็นเหยื่อสถานการณ์อันป่าเถื่อน แต่เราก็ยื่นข้อเสนอนี้ ถ้าเราชนะ เราจะทำให้เกิดการปรองดองขึ้น เราไม่ต้องการแก้แค้นแต่อย่างใด เราไม่ต้องการให้ประเทศก้าวถอยหลังไปมากกว่านี้ เราอยากให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ เราต้องการให้เศรษฐกิจมีความก้าวหน้า เราอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อไป"


อย่างไรก็ดี พล.ต.ท.ทักษิณ ไม่เชื่อว่า บรรดาผู้สนับสนุนตัวเขา จะยอมนั่งอยู่อย่างเงียบๆ หากพรรคเพื่อไทยที่ได้ชัยชนะมาอย่างขาวสะอาด ไม่ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าทั่วโลกจะไม่อดทนต่อไป หากเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีก และเรียกร้องให้มีผู้สังเกตการณ์ต่างชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ด้วย 

"การจะทำแบบนั้นได้พวกเขาจะต้องมีเหตุผล อยู่ดีๆ จะมาบอกว่า เราไม่ต้องการให้พวกคุณเป็นรัฐบาล ไม่ได้ ซึ่งหากฝ่ายตรงข้ามกับเรา มีการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรม หรือขัดต่อกฎหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา ไม่ได้เป็นเรื่องดีสำหรับประเทศ สำหรับประชาชน ผมอยากขอร้องให้พวกเขาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ที่เราเรียกว่า ประชาธิปไตย" 

พล.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวเป็นเชิงเปรียบเทียบระบอบบประชาธิปไตยในไทย  เหมือนผู้ชายที่แต่งตัวใส่สูทผูกไท ที่ดูเหมือนจะเรียบร้อย แต่เมื่อก้มมองดู กลับเห็นว่า แทนที่ผู้ชายคนดังกล่าวจะใส่ถุงเท้ารองเท้าให้เรียบร้อย กลับสวมรองเท้าแตะ

"ถ้าคุณไม่ก้มลงมาดูที่เท้า คุณก็จะไม่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตย พวกคุณคิดว่าเราเป็น เพราะเราใส่สูท ผูกไทอย่างเรียบร้อย"

หนังสือพิมพ์สัญชาติอังกฤษ ยังระบุว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะแสดงความหวังอย่างชัดเจนถึงการนิรโทษกรรม เพื่อเปิดทางให้พล.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย แต่อดีตนายกรัฐมนตรียืนยันว่า หลังจากที่เคยเป็นผู้นำมานานถึง 6 ปีแล้ว ก็ไม่คิดที่จะกลับเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเดิมอีก และอยากให้น้องสาวเข้าไปทำหน้าที่แทนมากกว่า 

"ผมจะเดินทางกลับบ้าน ก็ต่อเมื่อมีการไกล่เกลี่ยทุกอย่างได้แล้ว ผมไม่ต้องการที่จะเพิ่มปัญหาให้กับประเทศ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และถ้าผมสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ ผมก็จะกลับไป ไม่เช่นนั้น ผมคงเลือกที่จะอยู่ในต่างประเทศต่อไป เพราะตอนนี้ผมสบายใจแล้ว หลังจากที่รู้สึกหัวเสียในช่วงแรกๆ" 

ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า สิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจว่า พล.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นศูนย์กลางหลักของพรรคการเมืองฝ่ายค้านในไทย ก็คือ กระเป๋าหนังใบเล็กๆ ในมือของผู้ช่วย ที่คอยตามติดพล.ต.ท.ทักษิณ 

ในกระเป่าใบดังกล่าว มีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ อยู่ 6 เครื่อง และพล.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเบอร์โทรศัพท์แต่ละกิจธุระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อด้านธุรกิจ ผู้สนับสนุนทางการเมือง และครอบครัว โดยโทรศัพท์แต่ละเครื่องจะมีเสียงเรียกเข้าไม่ซ้ำกัน เพื่อจะได้รู้ในทันทีว่าใครโทรเข้ามา 

โทรศัพท์มือถือดังกล่าว ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำโครงการธุรกิจต่างๆ ของอดีตผู้นำไทย

โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.ทักษิณเข้าลงทุนทั่วแอฟริกา ซึ่งโครงการที่เขากำลังเข้าไปลงทุน รวมถึง เหมืองทองในยูกันดา เหมือนถ่านหินในแอฟริกาใต้ และเหมืองแพลทินัม ในซิมบับเว ทั้งยังอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสการลวงทุนในเหมืองอื่นๆ

กระนั้นก็ตาม เห็นได้ชัดว่า เขายังมีความกระตือรือร้นทางการเมืองอยู่ และใจจดจ่ออยู่กับการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์