ธาริตโต้ณัฐวุฒิไม่หวั่นเช็กบิล กม.ไม่เว้นคนผิด!

นักการเมืองผวา "ไข้โป้ง" ขอกำลังตำรวจดูแลได้ "พงศพัศ"

เผยเตรียมโปลิศที่ผ่านการอบรมพิเศษ 150 นายไว้คอยอารักขา ระบุไม่ต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ใช้กฎหมายเลือกตั้งดูแลช่วงเลือกตั้ง โต้รายวัน “ธาริต” ลมออกหูฉุน “ณัฐวุฒิ” กล่าวหารับใบสั่ง “สุเทพ” จัดการแกนนำแดง ยันทำหน้าที่ปกติไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เหตุ ก.ม. ไม่ระบุให้ละเว้นดำเนินคดีคนผิด เตือนหากยังวิจารณ์อีกเจอฟ้องแน่ ลั่นไม่หวั่นกระเด็นตกเก้าอี้อธิบดีหากจะถูกรัฐบาลใหม่ไล่เช็กบิล ชี้แกนนำ นปช. ผันตัวลง ส.ส. หวังได้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 24 พ.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.

กล่าวหาว่ารับคำสั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เพื่อดำเนินคดีกับแกนนำ นปช.ว่า แปลกใจกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของดีเอสไอ การวิพากษ์วิจารณ์เปรียบเทียบนายสุเทพเป็นผู้บริกรรมคาถา ตนเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งถือเป็นการวิจารณ์ที่รุนแรง ตนขอเตือนหากยังไม่หยุดละเมิดสิทธิอาจจะมีการฟ้องคนที่วิจารณ์ ขอยืนยันว่า 2 คดีสำคัญที่รับดำเนินการคือคดีก่อการร้ายและคดีความมั่นคงแห่งรัฐ (ล้มเจ้า) เป็นคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ เมื่อมีการล่วงละเมิดกฎหมาย หน่วยงานที่มีหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติ ที่ผ่านมา นปช. ส่วนใหญ่ไม่ได้กระทำผิด แต่มีเพียงบางกลุ่มที่อยู่ในแกนนำกระทำผิดกฎหมายจึงต้องถูกดำเนินคดี

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีปรากฏการณ์น่าสังเกตว่าเมื่อกระทำความผิดมีความพยายามผันตัวไปเป็นนักการเมือง

เพื่อให้เกิดเอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง ตนในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายรู้สึกไม่สบายใจ ขอยืนยันว่าทำหน้าที่ ไม่ได้ท้าทายฝ่ายการเมือง แต่ตราบใดที่มีหน้าที่ก็จะขอทำหน้าที่ต่อไป ไม่รู้สึกท้อแท้หรือหวาดกลัวคำขู่ ที่ผ่านมาไม่อยากพูดมากว่ามีคนข่มขู่ เพราะไม่ต้องการเปิดประเด็น แต่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าไม่กลัวหรือถ้ารัฐบาลใหม่มาจะถูกเช็กบิล ซึ่งตนไม่ได้ใส่ใจอะไร ส่วนกรณีการดำเนินคดีช่วงนี้อาจไปละเมิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น ตนมั่นใจเพราะในกฎหมายเลือกตั้งไม่ได้ระบุให้ต้องละเว้น หรือในรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ระบุว่าต้องยุติ หรืองดเว้นการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)

แถลงปิดศูนย์โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในบางพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. จนถึงวันนี้เป็นเวลา 105 วัน โดยวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายหลังจากมีการประชุม ศอ.รส. มีมติไม่ขอคณะรัฐมนตรีต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงไปอีก เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้เข้าสู่ความสงบจึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ มั่นใจว่าขณะนี้ ตร.สามารถใช้กฎหมายปกติควบคุมสถานการณ์ได้

ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวต่อว่า ช่วงนี้เข้าสู่การเลือกตั้งก็จะใช้กฎหมายเลือกตั้ง เชื่อว่าสามารถใช้ดูแลความสงบเรียบร้อยได้
 
ทั้งนี้การปิด ศอ.รส. ไม่ได้หมายความว่าภารกิจจะสิ้นสุดลง งานในส่วนนี้จะมอบหมายให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นผู้ดูแลต่อ โดยเปิดเป็น ศปก.บช.น. เพื่อประเมินสถานการณ์ วางกำลังในการดูแลสถานที่ บุคคลสำคัญ รวมทั้งติดตามด้านการข่าวความเคลื่อนไหวในการชุมนุมต่อไป สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งรวมทั้งการลงพื้นที่หาเสียงของ ผู้สมัคร ส.ส. นั้น ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นประธาน มีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่ทุกวัน หากสืบทราบว่าผู้สมัคร ส.ส.รายใด ไม่ปลอดภัย หรือถูกปองร้ายจะส่งกำลังไปดูแลทันที โดยไม่ต้องร้องขอ แต่หากรายใดคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัยก็ขอกำลังไปดูแลได้ ทั้งนี้จะไม่ใช้กำลังตำรวจที่ใกล้ชิดกับผู้ร้องขอ

“ผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลและอนุมัติกำลังให้ คาดว่ากำลังจะเพียงพอ เพราะเตรียมไว้ภาคละ 150 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในแต่ละพื้นที่ ประเมินล่าสุดพบว่ามีประมาณ 10 จังหวัดที่มีสถานการณ์แข่งขันรุนแรง ซึ่งกำลังไปดูแลแล้วที่ นครราชสีมา ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี และใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์