‘เต้น’จวกแหลก‘ธาริต’มั่วถอนประกันแกนนำนปช.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่ศาลไต่สวนคำร้องของอัยการสูงสุดที่ขอให้ศาลพิจารณาปรับเงื่อนไขการประกันตัวของแกนนำนปช. ว่า

เป็นที่น่าสังเกตว่าในการไต่สวนเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ตลอดทั้งวัน สามารถสืบพยานไปได้เพียงปากเดียว คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. แล้วเนื้อหาในการสืบพยานก็เป็นเรื่องในการปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งที่แกนนำนปช.ทั้งหมด มีเงื่อนไขการประกันตัวแตกต่างกันแยกไปได้ 3 กลุ่ม คือ 1.กรณีของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 2.นายจตุพร และ3.กรณีของตนและพวก ดังนั้นจึงน่าสงสัยว่าการยื่นขอปรับเงื่อนไขการประกัน และความพยายามขอถอนประกันตัวแกนนำทั้งหมดของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นใช้หลักเกณฑ์อย่างไร เพราะกรณีนายจตุพร เงื่อนไขการประกันตัว คือ ห้ามพูดเรื่องคดีที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี เว้นแต่เป็นการทำหน้าที่ส.ส. ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.แต่อย่างใด และหากจะกล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำที่หมิ่นสถาบัน กรณีดังกล่าวก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ไม่เกี่ยวกับการยื่นถอนประกันเลย

 นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงน่าเชื่อว่าเป็นความพยายามที่จะหาเรื่องนายจตุพร ในฐานะที่เป็นส.ส.และแกนนำนปช. ให้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหา

ถูกดำเนินคดีในศาลอยู่ แต่ตนไม่แปลกใจ เพราะผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีพฤติกรรมลุกลี้ลุกรนในการรับใช้รัฐบาลอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่อยากเตือนให้นายธาริตทราบว่าขณะนี้กระบวนการยุติธรรมหลายฝ่ายเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับดีเอสไอ ไม่ว่ากรณีที่ดีเอสไอยื่นถอนประกันแกนนำนปช. แล้วอัยการระบุว่าเป็นหน้าที่ของอัยการ หรือแม้แต่การยื่นหลักฐานการอภิปรายของนายจตุพร ที่อัยการมีความเห็นให้ส่งหลักฐานเพิ่มเติม เพราะเห็นว่ามีหลายตอนที่ถูกตัดไปจากการปราศรัย จริงๆแล้วตัวของนายธาริตจะรับใช้รัฐบาลอย่างไรคงไม่มีใครว่า แต่อยากเตือนว่าเอาดีเอสไอที่เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมไปเลียแข้งเลียขานักการเมืองด้วย เพราะจะทำให้องค์กรนี้เสื่อมความน่าเชื่อถือ ตัวนายธาริตเองก็เหมือนกับเชื้อโรคที่คอยกัดกินร่างกาย คอยบ่อนทำลายให้ร่างกายหรือดีเอสไออ่อนแอ ซึ่งหากจะหายได้ก็ต้องรอยาดีเข้าไปฆ่าเชื้อโรค แต่เรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลา จึงกลัวว่ากว่าจะได้ยาดี ดีเอสไอจะเสื่อมความน่าเชื่อถือไปเสียก่อน"นายณัฐวุฒิกล่าว

 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.แบบระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรองประธานภาคใต้

กล่าวถึงการยืนยันจะยุบสภาตามกำหนดเวลาของนายกฯ ว่า เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯต้องการที่จะยุบสภาโดยเร็ว และอยากเลือกตั้ง เพราะหากดึงระยะเวลาต่อไปยิ่งจะทำให้ตัวนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เสื่อมเสีย จึงอยากพ้นภาระหน้าที่โดยเร็ว และผลักภาระให้กับอำนาจนอกระบบ เป็นการบอกเป็นนัยว่าถึงตอนนี้ต้องรับผิดชอบร่วมกันแล้ว และหากมีการเลือกตั้งอำนาจนอกระบบก็ต้องช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอย่างเต็มที่ หรือแม้แต่แพ้การเลือกตั้งก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลให้ได้


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์