กษิตเผยจ้างทนาย 3 ชาติ ฝรั่งเศส-แคนนาดา-ออสเตรเลีย สู้คดีพระวิหาร

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
 
ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการหารือกับคณะทนายความที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่กระทรวงการต่างประเทศได้ว่าจ้างทั้ง  3 คน ซึ่งเป็นทนายความชาวฝรั่งเศส แคนนาดา ออสเตรเลีย ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กรณีกัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาปี 2505 กรณีปราสาทพระวิหาร ว่า ได้มีการหารือถึงยุทธวิธีและเทคนิคในการตอบโต้ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงการแบ่งงานและถ้อยแถลงต่างๆ โดยไทยจะใช้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นสำนักงานเลขานุการส่วนหน้า ในการรองรับคณะทำงานจากประเทศไทย และคณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายทั้ง 3 คน ที่จะเดินทางไปชี้แจงต่อศาลโลก 


นายกษิต กล่าวว่า ในวันที่ 30-31 พฤษภาคมนี้ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาจะต้องเดินทางไปชี้แจงด้วยวาจา

ในเรื่องที่กัมพูชาขอให้ศาลออกมาตรการชั่วคราวที่เรียกร้องให้มีการถอนทหารไทยออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร โดยคณะทำงานจะหารือกันก่อนราว 3-4 วันก่อนที่จะชี้แจง โดยนายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จะเป็นหัวหน้าคณะในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลโลก โดยมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายทั้ง 3 คนคอยช่วยชี้แจง ขณะที่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่เลขานุการสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ นอกจากนี้ยังคณะกรรมการพิเศษด้านกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารวมอยู่ด้วย


นายกษิตกล่าวว่า  ในส่วนที่กัมพูชายื่นขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเพิ่มเติม จะมีการส่งเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังศาลโลกภายใน 4-5 เดือน ซึ่งคาดว่าศาลอาจจะใช้เวลาพิจารณาแล้วเสร็จในราวต้นปี 2555 อย่างไรก็ดีเนื่องจากในเร็วๆนี้ศาลโลกกำลังจะเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา 5 จาก 15 คน ไม่แน่ใจว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามกรอบเวลาหรือไม่ เพราะศาลก็มีคดีอื่นๆที่ต้องพิจารณาเช่นกัน 


ผู้สื่อข่าวถามว่าการเป็นรัฐบาลรักษาการจะส่งผลกระทบกับทิศทางในการสู้คดีหรือไม่  นายกษิต กล่าวว่า

เรื่องนี้เป็นงานของประเทศชาติ ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงขอให้ทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและควรช่วยกันระดมความเห็น หากมีข้อเสนอมาเราก็พร้อมจะรับฟังตลอดเวลา  ยอมรับว่าขณะนี้ก็มีความห่วงกังวลอยู่บ้างเพราะไทยเราได้ห่างศาลโลกมา 50 ปี และเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นเคย แต่ยืนยันว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเราได้เตรียมการอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการต่างประเทศระบุไม่อยากให้ไทยไปต่อสู้คดีในศาลโลก 

นายกษิต กล่าวว่า ต้องถามว่าเราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติและเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกหรือไม่ การพูดง่ายๆ และพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบว่ารัฐบาลทำผิดจึงต้องไปศาลโลก มันสร้างความสับสนให้กับประชาชน  ขอความกรุณาหากไม่เข้าใจอะไร กระทรวงการต่างประเทศยินดีที่จะชี้แจง แต่การที่ไปให้ความคิดเห็นผ่านสื่อก่อนจะสร้างความสับสน บั่นทอนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยืนยันว่าเราพร้อมจะรับฟังและชี้แจงประชาชน รวมถึงชี้แจงกับผู้แทนในรัฐสภาอีกด้วย  


ผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงมีกำหนดพบปะระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศกับผู้นำกัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียหรือไม่
 
นายกษิต กล่าวว่า พูดมาตลอดเวลาว่า เราพร้อมที่จะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาในทุกกรอบที่มีอยู่  แต่กัมพูชาก็ปฏิเสธการเจรจาโดยไปร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)  และศาลโลก ประเด็นนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ประเทศไทย แต่ขึ้นอยู่ที่ฝ่ายกัมพูชา 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าจากการตรวจดูเอกสารที่กัมพูชายื่นต่อศาลโลกเพื่อขอให้มีการตีความคำพิพากษากรณีปราสาทพระวิหารปี 2505
 
ซึ่งลงนามโดยนายฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ถูกเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของศาลโลก มีข้อน่าสังเกตว่านายฮอ นัมฮง ลงวันที่ก่อนที่จะนามท้ายจดหมายเป็นวันที่ 20 เมษายน แต่ปรากฏว่าเนื้อหาด้านในที่กล่าวถึงเหตุปะทะที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา กลับระบุว่าเหตุปะทะที่เกิดขึ้นในวันที่ 22-26 เมษายน ซึ่งล่าช้ากว่าการลงนามในจดหมายถึง 2 วัน จึงไม่แน่ใจว่าเป็นการเตรียมเอกสารขึ้นก่อนเกิดเหตุ หรือเป็นเพียงการลงวันที่ผิด


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์