ประยุทธ์สั่งเก็บหลักฐานทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงไทยหวังใช้ฟ้องชาวโลก

ที่กองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติ

แต่ก็มีการปะทะกันอยู่บ้านเล็กน้อยในเวลากลางคืน ซึ่งต่อไปคงจะต้องมีการพูดจากันต่อไป และทางกองทัพก็จะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการใช้อาวุธที่ถือเป็นสิ่งแรกที่จะต้องระมัดระวังให้ได้ นอกจากนี้ยังให้มีการสร้างที่มั่นให้มีความแข็งแรง ซึ่งในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ ทางกัมพูชาพยายามติดต่อพูดคุยระดับผู้นำทหารตามแนวชายแดนอีกครั้ง โดยที่กองทัพเองก็รอดูสถานการณ์อยู่ว่าควรจะคุยหรือไม่ หากคุยแล้วยังคงมีการปะทะกันก็ไม่รู้จะคุยกันไปทำไม อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องพูดกัน ทั้งนี้เราไม่อยากใช้คำว่าเราจะไม่พูดคุยกันอีกแล้ว หรือจะตีเส้นกรอบแบบนั้นแบบนี้คงไม่ได้ เพียงแต่จะต้องดูพื้นที่ตามแนวชายแดนที่เรารับผิดชอบอยู่ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และกำลังพลจะต้องปลอดภัยและได้รับการบาดเจ็บสูญเสียน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย แต่การสู้รบกันก็จะต้องมีเพราะกำลังพลอยู่หน้าแนว และเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่าย แต่หากขาดความระมัดระวังก็มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ และสูญเสีย


“ ทางกัมพูชาไม่เริ่มทางทหารไทยก็ไม่เริ่ม ท่านอาจจะมองว่าทำไมเราใช้มาตรการเหยาะแหยะเกินไปหรือเปล่า ผมถามว่าหากแรงกันไปแรงกันมา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ผมเสียใจที่ลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บสูญเสีย เป็นห่วงลูกเมียว่าจะอยู่อย่างไร ดังนั้นไม่ต้องรู้สึกแทนผมว่า ผบ.ทบ.ไม่เสียใจหรือไม่ที่ลูกน้อยเจ็บตายทุกวัน แล้วทำไมไม่ตอบโต้ ทั้งนี้การเปิดสงครามขนาดใหญ่มันทำไม่ได้เพราะเป็นการปะทะในพื้นที่จำกัด เพื่อมุ่งสู่การเจรจาของประเทศเพื่อนบ้าน เพียงแต่เราจะต้องตั้งหลักให้ดีว่าจะทำอย่างไรเราจะได้เปรียบ การสู้รบมันไม่ยากจะแพ้หรือชนะ หรือจะเอากันจริง ๆ ก็จะสู้รบกันด้วยการใช้กำลังที่มากกว่า หรือใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มากกว่า เพื่อทำลายเป้าหมายให้มากกว่าก็ชนะ แต่ถามว่าหากหลังการชนะแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นมันก็จะต้องมีการเจรจา โดยเราจะต้องมีการเตรียมหลักฐานให้พร้อม หากมีการเจรจามีเรื่องอะไรที่เราได้เปรียบ หรือมีหลักฐานว่าใครยิงใครก่อน โดยผมได้ให้หน่วยในพื้นที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะเวลาการปะทะกัน ทั้งนี้ไม่ต้องห่วงกำลังของกองทัพบกพร้อมทุกส่วน” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ


เมื่อถามว่า เหตุการณ์ในพื้นที่ยังคงเกิดการปะทะกันอยู่ การพูดคุยจะเกิดขึ้นได้หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทหารไม่มีหน้าที่ไปพูดเรื่องระดับชาติ หรือ ระดับประเทศ แต่หน้าที่ทหารมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ตนจะรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนให้ได้ โดยใช้กำลังของกองทัพภาคที่ 2 ถ้ากองทัพภาคที่ 2 ไม่พอก็นำกำลังจากกองทัพภาคอื่นไปสนับสนุน โดยทำภายในกรอบของอำนาจหน้าที่กฎหมาย หรือ กฎของกระทรวงกลาโหมในการใช้กำลัง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของ ผบ.ทบ. ที่สามารถอำนวยการได้อยู่ แต่การเคลื่อนย้ายกำลัง ก็จะต้องมีการขออนุมัติจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งนี้สู้รบไม่ยาก แต่หลังรบแล้วจะยาก คือยากในเรื่องการเจรจา เมื่อถามว่า ระดับทหารในพื้นที่มีการพูดคุยกัน แต่ในระดับบนที่สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี มีท่าที่แข็งกร้าวจะทำให้การแก้ไขปัญหายั่งยืนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยิงมาก็ยิงไปตนก็บอกแล้ว


เมื่อถามว่า ทหารกัมพูชาใช้จรยุทธ์ในการโจมตีทหารไทยในเวลากลางคืน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คุณอย่าไปให้เครดิตคนอื่นเขามาก คุณต้องให้เครดิตทหารของเรามากกว่า คุณพูดจาไปเรื่อยมนไสยดำ ไสยเวทย์ อ่านนิยายกันมากไป ไม่หรอกครับ ผมเห็นโดนยิงตายกันทุกคน” ส่วนที่มีข่าวว่าทหารกัมพูชาเริ่มขวัญเสียจึงได้มีการถอนกำลังออกนอกพื้นที่นั้น โดยปกติกทหารกัมพูชาไม่เหมือนกับทหารไทยอยู่แล้ว การดูแลเรื่องขวัญกำลังใจ หรือ อาหาร ก็อ่อนด้อยกว่าไทยอยู่แล้ว แต่ตนก็ไม่อยากพูดให้เกิดความเสียหาย แต่การสู้รบของทหารมีอยู่ 2 อย่าง คือ กำลังรบที่มีตัวตน และกำลังรบที่ไม่มีตัวตน แต่สิ่งที่พูดตนไม่อยากพูดว่ารบไม่เคยแพ้ เดี๋ยวก็ไปบอกว่าตนโวอีก แต่อยากบอกว่าทหารไทยสู้ได้

เมื่อถามว่า ภายใน 2 - 3 วันจะไม่มีการปะทะกันของทหารไทย-กัมพูชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปถามกัมพูชา ไม่ใช่มาถามตน
 
เพราะตนไม่ได้เป็นคนปะทะ หรือ คนเริ่ม ตนบอกแล้วว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีการปะทะกัน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ทหารไทยไม่ได้มีการตอบโต้สักนัดหนึ่งเลย และครั้งที่ 2 ก็มีการยิงมาอีกในช่วง 20.00 น. และตอนเที่ยงคืน และกระทั่งครั้งที่ 3 เมื่อทหารกัมพูชายิงมาเราก็ได้ตอบโต้ไปถึงทำให้เหตุการณ์เลิกไป ทั้งนี้หากจะให้ยืนยันว่าจะมีเหตุการณ์ปะทะกันหรือไม่ จะต้องเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย โดยมีพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้มีการพูดคุยกันในระดับหน่วย ระดับพื้นที่จากทั้งสองฝ่ายที่มีการเผชิญหน้ากันโดยมีกำลังพลดูแลรักษาอธิปไตยทั้งแนวเป็นพันนาย โดยมี 3 ฉก. 3 พื้นที่ในการรบสมรภูมิ มีความยาวเป็น 10 กิโลเมตร ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วว่าจะต้องทำกันอย่างไร

เมื่อถามว่า การชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ช่วยทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ฟังกัน
 
แต่จะถามว่าเขาเชื่ออย่างไรเขาคงไม่ตอบเรา แต่อย่างน้อยได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งก็เข้าใจดี ส่วนจะไปนำเรียนกับผู้บังคับบัญชาก็เป็นเรื่องของเรา เมื่อถามว่า ณ เวลานี้ไทยยังตกอยู่ในสถานะที่เป็นประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็กอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกท่านว่ากันอย่างไร หรือ ไปรังแกอย่างไร ทั้งนี้มีคนพยายามมองอย่างนั้น เราก็พยายามไม่ให้เป็นแบบนั้น เราจึงไม่ใช้ความรุนแรงจนเกินไป ไม่ใช้กำลังบุกข้ามเขตแดนเข้าไปทำลายและกลับมา ซึ่งทหารทำได้หมด แต่มันตอบคำถามได้หรือไม่ ขณะนี้เรามองว่าเขาพยายามบุกรุก เราก็จะเอาเรื่องนี้เป็นคำตอบ หลักฐานเพื่อต่อสู้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นความชอบธรรมถ้าทหารกัมพูชาจะเข้ามาในดินแดนไทย และมาทำลายประชาชน ก็จะต้องต่อสู้ในการป้องกันดินแดน ขณะนี้เดียวหากเรานำกำลังเข้าไปในดินแดนเขา เขาก็สามารถปกป้องดินแดนเขาตามความชอบธรรม ทั้งนี้ทางออกจะต้องพูดคุยกัน ส่วนจะต้องขึ้นศาล หรือ เจรจา เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศในการพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศตกลงในเรื่องทีโออาร์ ที่จะให้ทีมผู้สังเกตุการณ์เข้ามาในประเทศนั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศคงคิดอยู่ แต่ก็บอกแล้วว่าหากให้ผู้สังเกตุการณ์เข้ามาจะต้องไม่มีทหารอยู่บนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งสิ่งนี้เป็นคำยืนยันอยู่แล้วของรัฐบาล ทั้งนี้ใครจะไปจะมา หรือถ้าไม่มีได้ก็ดี แต่ถ้ามาก็จะต้องมีการร่างของ ทีโออาร์ ว่าจะเอาอย่างไร และใครจะเป็นผู้อนุมัติ ซึ่งเป็นตามขั้นตอนตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมไว้ ทั้งนี้เท่าที่ดูในรายละเอียดถ้ามีประเทศอื่นเข้ามาสังเกตุการณ์จำเป็นจะต้องไม่มีทหารในพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ชุมชน และวัด ถ้าเขายอมถึงจะมีใครมาได้ หรือไม่ได้ แต่ถ้าไม่ยอมก็จะต้องสู้กันต่อไป มันอาจจะถึงการสู้รบกันต่อ หรือจบกันด้วยการพูดคุยกันก็เป็นเรื่องของทั้ง 2 ประเทศ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์