ทัพภาค2ยันไทยมีแสนยานุภาพเหนือกว่ามาก

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า จากข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นฝ่ายกัมพูชาพยายามนำเสนอข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงประเทศไทย

โดยกล่าวหาฝ่ายไทยเริ่มโจมตีก่อนข้อเท็จจริง ตั้งแต่เริ่มปะทะกันเมื่อวันที่ 22 เมษายน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และรุกล้ำเขตแดนอธิปไตยไทยอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากหน่วยลาดตระเวนของไทยตรวจพบกองกำลังของกัมพูชาบางส่วนเคลื่อนเข้ามาในลักษณะต้องการตั้งฐานที่มั่น บริเวณใกล้เคียงปราสาทตาควาย ซึ่งเดิมเป็นเขตที่มีการตกลงต้องไม่มีกองกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายประจำ จึงเข้าชี้แจงทำความเข้าใจให้ทหารกัมพูชาถอนตัวออกไป จากนั้นเกิดการโจมตีกันขึ้น ฝ่ายทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ในวันที่ 24 เมษายน ทหารไทยได้ผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ไปได้ และสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมาก เช่น เครื่องยิงลูกระเบิด เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องกระสุนหลายรายการ จากการตรวจสอบเป็นที่แน่ชัด พื้นที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตแดนไทยบ่งบอกว่าฝ่ายกัมพูชามีเจตนารุกล้ำเขตแดนของไทย
 
"ทหารไทยมิได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ หรือยอมอ่อนข้อ เรามีแสนยานุภาพที่เหนือกว่าค่อนข้างมาก จึงไม่ต้องการจะไปเปรียบเทียบไม่ให้เกิดอคติต่อประเทศเพื่อนบ้าน เราพยายามกระชับพื้นที่จำกัดขอบเขตของการสู้รบไม่ให้ขยายวงกว้างไปมากกว่านี้ ตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้นโยบายไว้แก่ทหารทุกระดับชั้น ต้องมีความอดกลั้น ทนต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายที่จะโจมตี คือกองกำลังทหารกัมพูชาเท่านั้น จะไม่แตะต้องพลเรือน เนื่องจากเราเห็นใจประชาชนของทั้งสองประเทศที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนที่เป็นความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ทหารไทยมีกำลังเพียงพอจะสามารถรักษาอธิปไตยได้อย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนทุกฝ่ายมั่นใจ" พ.อ.ประวิทย์กล่าว และว่า สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มรุนแรงขึ้น ทั้งการใช้กำลังของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะกำลังยิงสนับสนุนบีเอ็ม 21 ซึ่งเป็นเครื่องยิงระเบิดสนับสนุน 1 คันรถ มี 40 ลำกล้อง ไม่มีการนำวิถีการยิง ไม่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ส่งผลให้ความเสียหายจากการปะทะลุกลามไปถึง อ.กาบเชิง บุรีรัมย์ ที่อยู่ห่างจากจุดเริ่มปะทะประมาณ 30 กิโลเมตร
 
"ส่วนกรณีข่าวประเทศไทยใช้กองกำลังทางอากาศโจมตีน่านน้ำประเทศกัมพูชา ยืนยันว่าถึงขณะนี้เราใช้เพียงกำลังป้องกันชายแดน โดยไม่มีกองกำลังทางอากาศสนับสนุน แต่จะมีการช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ส่วนการปะทะที่หมู่บ้านภูมะเขือ บริเวณเขาพระวิหาร เป็นความเข้าใจผิด ด้วยสาเหตุกองทัพอากาศมีภารกิจนำเครื่องบินขึ้นในน่านฟ้าของไทยตามปกติ มิได้รุกล้ำน่านฟ้าประเทศกัมพูชา แต่จังหวะเครื่องบินใช้ความเร็วเหนือเสียงทำให้เกิดโซนิคบูมเสียงคล้ายระเบิด ทำให้ทหารกัมพูชาเข้าใจผิดว่าถูกโจมตี จึงตอบโต้โจมตีเข้ามา แต่เป็นการปะทะเล็กน้อย ขณะนี้สามารถตกลงทำความเข้าใจคลี่คลายสถานการณ์แล้ว" พ.อ.ประวิทย์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์