พนง.ไอทีวีดิ้นอีกเฮือก โวยค่าปรับโหด! ปิดกั้นทางออก - นายกฯเปิดช่อง

"ค่าปรับโหด".....


พนักงานไอทีวีดิ้นอีกเฮือก ออกแถลงการณ์ฉบับ 3 น้อมรับคำสั่งศาล แต่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง สปน. โวย "ค่าปรับโหด" มีเจตนาปิดตายทางออก กดดันให้ต้องคืนสัมปทานสถานเดียว วอนหากจะเปลี่ยนแปลงต้องเปิดเวทีระดมความคิดจากสังคม ขณะที่ผู้บริหารร่อนหนังสือถึงปลัด สปน. ส่งข้อพิพาทเรื่องค่าปรับให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด "นายกฯ สุรยุทธ์" เปิดช่องหาทางออกให้ ยันแก้ปัญหาบนความถูกต้องและเป็นธรรม
ชี้ขั้นตอนทางศาลจบแล้ว แต่ในส่วน สปน.ยังอีกยาว "ทิพาวดี" เตรียมนำข้อพิพาท "ไอทีวี" เข้าที่ประชุม ครม. 19 ธ.ค. เสียงแข็งไม่เห็นด้วย อสส. ชงเจรจาค่าปรับเข้า อนุญาโตตุลาการ "จุลยุทธ" แจงให้เวลา 45 วัน แถมเตือนอีก 2 ครั้ง ถ้าไอทีวียังไม่จ่ายค่าปรับ มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้


"ไอทีวี" ต้องจ่ายค่าปรับ .........


ตามที่ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของ อนุญาโตตุลาการ ทำให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีต้องปฏิบัติตามสัญญาเดิม ส่งผลให้ "ไอทีวี" ต้องจ่ายค่าปรับ และค่าสัมปทานให้กับรัฐเป็นเงินเกือบ 1 แสนล้านบาท รวมทั้งต้องปรับผังรายการใหม่ในสัดส่วนสาระกับบันเทิงเป็น 70 ต่อ 30 ขณะที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คู่กรณี ยืนยันไม่เจรจาปรับลด ไอทีวีต้องจ่ายค่าปรับดังกล่าวภายใน 45 วัน ด้านนักวิชาการหลายสถาบัน เสนอแนะทางออกที่เป็นไปได้ไว้หลายแนวทาง


เพื่อมายุติข้อขัดแย้งตัวเลขค่าปรับอีกครั้ง


ความคืบหน้า ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดเสนอตั้งอนุญาโตตุลาการชุดใหม่ เพื่อมายุติข้อขัดแย้งตัวเลขค่าปรับอีกครั้ง ว่า เป็นเรื่องของอัยการเพราะสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ส่งเรื่องให้แล้ว การจะตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นมานั้น ต้องมีความเห็นจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน และอัยการ เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยแล้วเขาสามารถไปร้องได้

เราก็ต้องฟ้องคดีไปตามปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากอัยการสูงสุดยืนยันที่จะตั้งอนุญาโตฯ ชุดใหม่ แต่สปน.ไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร นายจุลยุทธ กล่าวว่าถ้าเราไม่เห็นด้วย เราก็ต้องฟ้องคดีไปตามปกติ ซึ่งเขาอาจจะร้องอีกครั้งเมื่อคดีเข้าไปอยู่ในศาลแพ่งก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาระบุ เมื่อถามว่าอัยการสูงสุดมีสิทธิตั้งโดยที่ สปน. ไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ นายจุลยุทธ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นอำนาจของเขาที่อาจจะเสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม.ก็ได้ว่าเห็นควรจะตั้ง หรือไม่อย่างไร และถ้า ครม. มีมติให้ตั้ง สปน. ก็ต้องตั้งในฐานะที่เป็นฝ่ายนโยบาย แต่ถ้า ครม. ไม่มีมติใด ๆ ก็ค่อยไปว่ากันต่อที่ศาลแพ่ง


เรามองว่าข้อพิพาท.....


เมื่อถามถึงค่าปรับ 97,760 ล้านบาทที่ไอทีวีต้องจ่ายภายใน 45 วัน สปน. มองว่าไม่ใช่ข้อพิพาทใช่หรือไม่ นายจุลยุทธ กล่าวเรามองว่าข้อพิพาทคือคดีที่เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ค่าปรับไม่ใช่ข้อพิพาท เป็นเพียงผลที่ออกมา เมื่อถามย้ำว่าไอทีวีจะมาเจรจาเรื่องขอให้ลดค่าปรับได้หรือไม่ นายจุลยุทธ กล่าวว่า สปน. ยืนยันของเราอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นอายุความมันจะเกิน ดังนั้นเราต้องดำเนินไป "ผมยังไม่เห็นหนังสือของผู้บริหารไอทีวีที่จะขอเข้ามาเจรจาเรื่องค่าปรับแต่อย่างใด แต่เรายืนยันว่าไอทีวีต้องทำตามสัญญา คือจ่ายค่าปรับ สัญญาระบุอย่างไรเราต้องทำตามนั้น" ปลัด สปน. ย้ำ


ก็จะไม่กระทบกับ พนักงานไอทีวี ....

ต่อข้อถามที่ว่าการกำหนดให้ไอทีวีต้องจ่ายค่าปรับภายใน 45 วัน หากพ้นไปแล้ว จะมีการ เตือนกี่ครั้ง ปลัด สปน. กล่าวว่า เตือนอีก 2 ครั้ง ๆ ละ 45 วัน หากเตือนครั้งที่ 2 แล้วยังไม่จ่าย สปน.สามารถบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในส่วนของการดูแลพนักงานไอทีวี หรือสถานี ตนได้รับข้อเสนอมาหลายแนวทาง ที่มากสุดคือให้รัฐเข้าไปดำเนินการ ก็จะไม่กระทบกับ พนักงานไอทีวี ส่วนระยะยาวจะทำอย่างไรนั้น
รัฐบาลก็ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา เพราะการที่รัฐเข้ามาทำ ตนมองว่าน่าจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ถึงจะเหมาะสม เมื่อถามว่ามีแนวทางจะเสนอให้ ครม. พิจารณาเรื่องความช่วยเหลือพนักงานไอทีวีอย่างไร นายจุลยุทธ กล่าวว่า คงต้องรอ ครม. พิจารณาไม่สามารถตอบแทนได้ ทั้งนี้เรื่องขวัญกำลังใจของพนักงานที่ยังมีความวิตกถึงความไม่แน่นอนในอนาคต คิดว่า ครม.จะต้องนำมาพิจารณาด้วย


นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้เซ็นอนุมัติ .....


ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสรุปการดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 19 ธ.ค. นี้ จะสามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาได้หรือไม่นั้น ต้องรอผลสรุปจากทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตอนนี้เรื่องยังไม่มาถึงตน แต่โดยปกติเรื่องที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาใน ครม. นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้เซ็นอนุมัติ จึงยังตอบไม่ได้ว่าเรื่องไอทีวีสมควรจะพิจารณาในวันที่ 19 ธ.ค. หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าค่าปรับที่มีจำนวนสูงเป็นแสนล้าน รัฐบาลมีจุดยืนในการดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คงจะต้องดูแนวทางที่มีการเสนอเข้ามาก่อน พูดก่อนเห็นเรื่องคงไม่ดี จะกลายเป็นว่านายกฯ ไปใช้อำนาจชี้ช่อง หรือชี้แนวทาง รอให้เรื่องมาถึงแล้วค่อยหารือกัน


เป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีการเสนอข่าว 70 เปอร์เซ็นต์ ...


"รัฐบาลยึดหลักการตามที่ศาลได้ตัดสินมาเป็นอันดับแรก ต่อไปก็เป็นความมุ่งหมายของไอทีวีที่จะกลับไปเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีการเสนอข่าว 70 เปอร์เซ็นต์ บันเทิง 30 เปอร์เซ็นต์ ตามที่เริ่มต้นมาตั้งแต่แรก เรื่องนี้รัฐบาลต้องดำรงเอาไว้ ส่วนวิธีแก้ไขก็มีช่องทาง และโอกาสที่จะต้องหารือกันก่อน ยังไม่ทราบว่าจะมีโอกาสพูดคุยกับทางผู้บริหารไอทีวีบ้างหรือไม่
แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ผู้บริหารไอทีวีน่าจะประสานกับปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะผู้กำกับดูแล มีการพูดคุยกันก่อน แต่หากจะมาพูดคุยกับผมเลย ก็เป็นเรื่องการข้ามขั้นไปหน่อย แต่ทุกเรื่องเราพร้อมรับฟังความคิดเห็น และปัญหาต่าง ๆ ถ้าในสังคมของเราเป็นสังคมที่รับฟังกันบ้างก็จะเป็นประโยชน์" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว


แต่ส่วนของ สปน. ยังอีกยาว ....


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ สปน.ประกาศออกมาชัดเจน ถือว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่ายังไม่สิ้นสุด เพียงแต่เป็นการสิ้นสุดในส่วนของศาลแต่ส่วนของ สปน. ยังอีกยาว เมื่อถามว่าต่อจากนี้ถือเป็นหน้าที่ของ ครม.จะตัดสินใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น
ถ้า ครม. ตัดสินก็หมายความว่าจะต้องมีการพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ที่ค่อนข้างรอบคอบแล้ว และนำเสนอข้อดีข้อเสียในทุก ๆ ด้านให้รอบคอบก่อน ถ้าส่งเพียงคำตัดสินของศาลเข้าไป ก็ถือว่ายังไม่ครบถ้วน สปน. จะต้องเสนอทางเลือกต่าง ๆ มาให้ ครม. พิจารณา เมื่อถามย้ำว่าไม่เกรงจะถูกมองว่าเป็นเรื่องสมยอมหรือนายกฯ กล่าวว่าเรายืนอยู่บนความถูกต้องเป็นธรรม เพราะเรื่องการทำงาน สิ่งที่ดีที่สุด คือการเจรจาตกลงกันในจุดสมดุล พอดี เป็นไปตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


แต่จะยังไม่พิจารณาลงในรายละเอียด


คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล สปน. กล่าวว่า การประชุม ครม.วันที่ 19 ธ.ค. นี้ สปน. จะนำเสนอเรื่องการดำเนินการกับสถานีไอทีวีให้ ครม. รับทราบ แต่จะยังไม่พิจารณาลงในรายละเอียดถึงแนวทางการจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดค่าปรับของไอทีวี เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด เสนอจะให้นำเรื่องการเจรจาค่าปรับเข้าสู่อนุญาโตตุลาการอีกครั้ง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์