นายกฯแจง2ปีแก้ปัญหาประเทศมาถูกทาง

“มาร์ค” แจง 2 ปีแก้ไขปัญหาประเทศถูกทางท้า “แก้ของแพง”สู้ศึกเลือกตั้งยันรบ.ไม่ได้ฆาตกรรมปชช.จวกฝ่ายค้าน


วันนี้ 18 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   จากนั้นเวลา 21.00น. นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  ได้ชี้แจงหลังถูกอภิปรายตลอด 4 วันว่า ตนเข้ามาได้ประกาศสิ่งที่จะทำ คือพาเศรษฐกิจไทยให้ผ่านจากวิกฤต ที่สุดแล้วต้องมาดูที่ผลการดำเนินการในเรื่องของเศรษฐกิจให้ผ่านวิเกฤต สิ้นปี 53 เศรษฐกิจไทยได้รอดพ้นจากวิกฤต จากที่เรากลัวเศรษฐกิจจะดิ่งลงเหมือนปี 41 แต่วันนี้ตัวเลขการส่งออก ท่องเที่ยว อยู่ในตัวเลขที่สูง การบริหาร2 ปีที่ผ่านมาตนยืนยันว่าเรารอดจากวิกฤติโดยไม่เจอ 2 ปัญหาที่ทั่วโลกเผชิญอยู่คือ การว่างงาน และไม่นำประเทศเข้าสู่วิกฤติหนี้   ซึ่งแนวทางที่ทำมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง นอกจากนี้ในเรื่องของเงินฝากมีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในบัญชี ธ.ก.ส.เฉลี่ย เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ10% เกษตรกรมีเงินฝากเพิ่มขึ้น ซึ่งตนไม่ลงตัวเลขอื่น อยากจะบอกว่าสถานะทางเศรษฐกิจที่เป็นจริงคือตรงนี้ และตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ก็อยู่ในระดับเดียวกับสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง

นายอภิสิทธิ์  กล่าวต่อว่า วันนี้เราเผชิญกับภาวะของแพง อาหารแพงขึ้นทั่วโลก น้ำมันดิบแพงขึ้น

ซึ่งตนไม่ปฎิเสธว่าประชาชนเดือดร้อน  ปัญหาปาล์มน้ำมันบางช่วงเกิดขึ้นบาง แต่ก็ไม่ทำให้ราคาขายพุ่งสูงเกินไปถึงได้ยันอยู่ที่ 47 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับลงไปได้บ้าง  ภาวะของแพงนี้จะเป็นสิ่งที่เราจะต้องไปไปแข่งขันกันในการเลือกตั้งว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนบ้างที่ผ่านมาตนไม่คิดว่าบริหารงานผิดพลาด เสียระเบียบวินัย นโยบายที่เราได้ทำมาเป็นการช่วยเหลือประชาชน ญช่วยเหลือ ผู้สูงอายุ คนพิการ เรียนฟรี 15 ปี การลดรายจ่าย  เป็นความชัดเจนว่าวันนี้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาสิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริงคือเรื่องค่าครองชีพ 
          
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงอื่นๆตนไม่ได้ละเลย 

เช่น กระทรวงมหาดไทย ในเรื่อง บัตรประชาชน คอมพิวเตอร์ ก็กำชับว่าจะเอาคำกล่าวหาตัดสินอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ต้องมีหลักฐาน  ส่วนกระทรวงพาณิชย์ซึ่งปัญหาทุจริตส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการระบายสินค้า ถ้าตรงนี้เป็นแหล่งหากินใหญ่ รัฐบาลก็ต้องเดินหน้าต่อในโครงการรับจำนำ ซึ่ง ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ระบุว่าการประกันรายได้เป็นการลดปัญหาการทุจริต จึงเป็นนโยบายที่เราจะเดินหน้าต่อไป


นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตนให้เกียรติเจ้ากระทรวงเสมอว่าอย่าผิดกฎกติกา อย่าให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น

ซึ่งล่าสุดตนมีความคิดว่าในการแต่งตั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงซึ่งถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ตนจะเปลี่ยนกฎกระทรวงใหม่ให้มีคณะกรรมการสรรหาซึ่งประกอบด้วยคนนอกทั้งหมด  เพื่อเสนอชื่อไม่เกิน 3 คน เพื่อให้รัฐมนตรีเลือกบุคคลที่เหมาะสมจากรายชื่อดังกล่าว นอกจากนั้นตนนั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการเรือน (ก.พ.) และมีระเบียบปฏิบัติออกมาหลายอย่าง ที่สำคัญคือเมื่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีมติใดๆแล้ว ทุกหน่วยงานต้องเดินตาม ก.พ.ค.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อหาที่ร้ายแรงและรุนแรงมากที่สุด สำหรับตนและรัฐบาลคือการฆาตกรรมประชาชน

ซึ่งตนไม่นิยมความรุนแรงและต่อสู้ตามกฎกติกามาตลอด เหตุการณ์ปี 2552 – 2553 มีที่มาที่ไปชัดเจน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลำดับเหตุการณ์ให้เห็น แต่มุมมองอาจแตกต่างกัน ซึ่งกระบวนการปลุกระดมมีจริง ตนไม่เคยตำหนิประชาชนที่มาชุมนุม แต่หลักฐานคือมีกองกำลังเข้ามา ซึ่งเป็นต้นเหตุของความรุนแรงทั้งหมด และรัฐบาล ทหาร ตำรวจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำร้ายประชาชน ที่ผ่านมาเราอยู่แนวทางความอดทนอดกลั้น ตนเสนอทางออกก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง เหตุการณ์ปะทะก็เกิดขึ้นในช่วงที่ทหารถอย พวกเราเสียใจไมมีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น

“ผมเสนอให้มีการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ย.2553 ก็ได้รับการปฏิเสธ และเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงแกนนำไม่เคยสูญเสีย มีแต่ชาวบ้านที่สูญเสีย ช่วงวันที่ 13-18 พ.ค.2553 เจ้าหน้าที่อยู่กับที่ตลอด และเป็นฝ่ายถูกโจมตี จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ค. บริเวณสวนลุมเป็นพื้นทีอันตรายที่สุด เพราะมีกองกำลังอยู่ เราจึงได้กระชับพื้นที่ จนแกนนำเลิกการชุมนุมเข้ามอบตัว และเกิดเหตุการณ์เผาห้างและเหตุการณ์วัดปทุมฯ ตามมา เหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค.ถือว่าจบแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำร้ายประชาชน รัฐบาลบอกให้กลับบ้านแต่ประชาชนกลับไปรวมกันที่วัดปทุมฯ ซึ่งที่น่าเสียใจคือทีวัดเขาให้เป็นเขตอภัยทาน เพื่อเป็นที่พำนักของเด็ก สตรี คนชรา แต่ปรากฎว่ามีกองกำลังเข้าไปอยู่ ปัญหาจึงเกิดขึ้น ถ้าผมไม่บริสุทธิ์ใจ ผมคงไม่ให้มีการเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้มีการนำสำนวนดีเอสไอมาอภิปราย แล้วสรุปว่าตนกับนายสุเทพ คือฆาตกรซึ่งมันไม่ใช่ เพราะคุณอ่านสำนวนไม่ครบ

เพราะที่เขาทำเสร็จคือ 12 ศพ ซึ่งไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล ส่วน 13 ศพ มีความเป็นไปได้ ว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องส่งไปให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ นอกจากนี้ยังมีการนำไปพูดอภิปรายว่าใครยิง ก็ไม่มีการบอกให้ชัด มีแต่ข้อสันนิษฐานอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมเราจึงไม่ปล่อยให้คนที่มีหน้าที่ทำงานให้เสร็จก่อน ไม่ใช่มาสร้างให้เกิดความคลางแคลงสงสัยกัน ตนไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก แต่กรณีที่ระบุว่ามีทหารยิงลงมาจากรถไฟฟ้านั้น ทำไมไม่อ่านสำนวนให้จบว่าเขายิงเพราะมีการต่อสู้ป้องกันตัว หรือมีการพบกองกำลังหรือไม่ ต้องมาดูว่าเจ้าหน้าที่ป้องกันตัวเองด้วยหรือไม่ การอภิปรายวันนี้อย่าเอาความสะใจ เพราะทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านล้วนเสียหาย สุดท้ายรัฐสภาก็จะเสียหายไปด้วย ซึ่งข้อท้วงติงชี้แนะต่างๆ ตนรับที่จะนำไปปฏิบัติ ซึ่งตนจะทำงานนานที่สุดคือช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. และยืนยันว่าจะทุ่มเททำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
           
จากนั้นในเวลา 21.40 น. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยได้เป็นผู้อภิปรายสรุปภาพรวมของการอภิปรายทั้ง 4 วัน
 

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์