เสียงโหวตไม่เท่ากัน

“มาร์ค” แย้มบอก “เจ๊วา” แจงน้อยไป อภิปรายไม่ไว้วางใจยก 2 ซัดกันเละ ฝ่ายค้านโวยเล่ห์ ปชป.แอบส่งคนนอกดูหลักฐานแก้เกมซักฟอก ยำ “กรณ์-โสภณ” เละ ทั้งปั่นหุ่น หมกเม็ดภาษีบุหรี่ ยักยอกสลากคนพิการให้บริษัทใหญ่ที่จ่ายเงินเยอะ แต่ไม่มีปัญญาแก้เรื่องราคาแพง “ขุนคลัง” อ้างหน้าตาเฉย หวยแพงเพราะพ่อค้าที่รับไปต้องตั้งราคาเผื่อขาดทุน ปัดปั่นหุ้นไทยคม พร้อมโยนบาปเรื่องภาษีบุหรี่ให้ท้องถิ่น จวก “โสภณ” ล็อกสเปกหัวรถจักร ด้านภูมิใจไทยมองข้ามชอตหวังพรรคร่วมรัฐบาลรักษามารยาทลงคะแนนเสียงไว้วางใจ เตือนหากแหกคอกคงไม่มีใครคบ ขณะที่ “มาร์ค” แย้ม คะแนนโหวตไม่เท่ากันแน่ เหน็บ “เจ๊วา”ชี้แจงน้อย   
    
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเริ่มต้นวันแรกก็ดุเด็ดเผ็ดมัน เมื่อฝ่ายค้านชี้ให้เห็นว่ามีข้อมูลหลักฐานว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ครม.บริหารงานล้มเหลวไม่มีประสิทธิภาพ สร้างปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาปากท้องที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็พยายามชี้แจงอย่างหนักว่าฝ่ายค้านแต่งตัวเลขขึ้นมากล่าวหารัฐบาล 


“มาร์ค”ติง“เจ๊วา”แจงน้อย
    
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลายประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯรัฐบาลพร้อมนำไปตรวจสอบทุกกรณี ส่วนการชี้แจงของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยนั้น บางประเด็นชี้แจงน้อยไปหน่อย แต่ในภาพรวมในเชิงนโยบายก็ได้ชี้แจง ส่วนการลงคะแนนหลังการอภิปรายฯ นั้น คิดว่าไม่เท่ากัน ทั้ง 10 คนที่ถูกอภิปรายถ้าคะแนนเท่ากันทุกคนก็เป็นเรื่องแปลก แต่คะแนนไม่เท่ากันแล้วจะเป็นนัยทางการเมืองหรือไม่นั้นไว้รอลงมติก่อนดีกว่า
    
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่าในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เหนื่อยหน่อย เพราะต้องรับผิดชอบเรื่องปากท้องของประชาชนที่มีอยู่จริงในเรื่องราคาสินค้า ไม่ว่าฝ่ายค้านจับประเด็นไหนมาก็โดนทั้งนั้น เวลาทำงานที่กระทรวงอาจมีตัวช่วยหลายคน แต่เวลามาชี้แจงในสภาท่านก็รับอยู่คนเดียว ก็เห็นใจขนาดคนช่วยจับชาร์ตก็ยังไม่มี ท่านพูดจาไม่ค่อยเก่งวิธีการนำเสนอก็อาจจะเสียเปรียบคนอื่น ตนให้คะแนนในแง่ความไม่เขี้ยวทางการเมือง 


ภท.ดักคอมารยาทลงคะแนน
    
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า นายมิ่งขวัญทำพาวเวอร์พ้อยท์มาดีข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเดิม เมื่อถามว่า คิดว่าคะแนนเสียงในการลงมติครั้งนี้จะเป็นอย่างไร รมว.คมนาคมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะนายกฯประกาศเรื่องการยุบสภาแล้ว ในทางการเมืองถือว่าไม่มั่นคง แต่ตามมารยาทเชื่อว่าการลงมติจะไม่มีปัญหา เพราะถ้าผิดมารยาทก็ยากที่ใครจะคบด้วย
    
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความพร้อมในการชี้แจงต่อการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า ตนพร้อมเพราะไม่มีประเด็นอะไรที่น่ากังวลใจ เมื่อถามถึงการชี้แจงของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์กล่าวว่า นางพรทิวาตอบได้ดีละเอียดชัดเจน เมื่อถามต่อว่า การอภิปรายฯ เมื่อปีที่แล้ว รัฐมนตรีของพรรคมีคะแนนไว้วางใจน้อย คิดว่าในการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นอย่างไร นายชวรัตน์กล่าวว่า หลังวันที่ 19 มี.ค. จะตอบได้ ตอนนี้ไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า จะมีการเคลียร์ใจกันก่อนเพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนใจในการลงคะแนนหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ไม่มีเคลียร์ใจ


ยำเละ “ขุนคลัง” บริหารอ่อน
    
ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการการประชุมสภา เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ 9 รัฐมนตรีเป็นวันที่ 2 มีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเป็นคนแรก คือ นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กระทรวงการคลังภายใต้การบริหารของนายกรณ์บกพร่องหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารค่าเงินที่ผิดพลาด ขาดวินัยทางการเงินการคลัง มีการกู้เงินจำนวนมากจนสร้างหนี้ให้กับประเทศจำนวนมหาศาล และยังพบว่าการกู้เงินดังกล่าวมีการคอร์รัปชั่นจำนวนมากมาก ในแวดวงธุรกิจพูดกันว่าต้องมีการจ่ายถึง 30%
    
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายจุลพันธ์ยังกล่าวหานโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในช่วงที่เงินเฟ้อกำลังพุ่งสูง จะส่งผลให้ภาระต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกทาง โครงการไทยเข้มแข็งที่กู้เงินมากว่า 4 แสนล้านบาท มีความผิดพลาดทุจริต และในการเสนอภาษีทรัพย์สินและมรดกก็ไม่มีความคืบหน้า นอกจากยังไม่สามารถกระจายความเจริญให้ทั่วถึง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำคนรวยมีเพียงกลุ่มเดียว ส่วนปัญหาเรื่องสลากราคาแพงกว่าที่กำหนด เพราะปล่อยให้มีการทุจริต โดยเฉพาะกรณีที่ให้ผู้พิการเป็นผู้จำหน่ายสลาก แต่มีการจัดสรรให้นิติบุคคล 3 ราย ถือเป็นเรื่องผิดปกติ นอกจากนี้ในการออกสลากของมูลนิธิ ก็มีหนังสือปลอมไปปรากฏภายในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จนมูลนิธิต้องออกมาร้องเรียนว่า ที่มาของเงินมูลนิธิต้องเป็นเงินบริสุทธิ์ไม่ใช่การฟอกเงินหรือเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น


รู้ต้นตอหวยแพงแต่ไม่แก้
    
นายกรณ์ได้ชี้แจงว่า เรื่องหนี้สาธารณะเมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในภาวะวิกฤติจึงจำเป็นต้องกระตุ้นกำลังซื้อและลดอัตราการว่างงาน รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องกู้เงินเพื่อช่วยเหลือประชาชน ยืนยันว่าระดับหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหา ส่วนการออกสลากการกุศลเมื่อมีการเสนอเข้ามาก็ต้องนำเรื่องเข้าสู่ ครม. เรื่องการจัดสรรสิทธิในการขายนั้นมีการจัดสรรให้ 13 นิติบุคคล ยอมรับว่ามี 3 บริษัทใหญ่ที่ได้รับโควตามากที่สุด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะบริษัทนิติบุคคลขนาดใหญ่ สามารถวางเงินมัดจำได้มากถึง 50 % ของรายได้ที่ต้องโอนเข้ามูลนิธิ 
    
ส่วนปัญหาสลากแพงนั้น รมว.คลังชี้แจงว่า เกิดขึ้นเพราะมีการขายขาด กองสลากจะกำหนดสลากไว้ตายตัว ซึ่งขายไปแล้วไม่รับคืน ผู้รับไปแล้วก็ต้องรับความเสี่ยงการขาดทุน ผู้ขายจึงต้องตั้งราคาไว้สูงเพื่อเผื่อเป็นการขาดทุนเอาไว้ วิธีเดียวที่จะแก้ได้คือต้องซื้อโดยตรงจากรัฐบาลไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้องแก้ไขกฎหมาย 


ปชป.ซิกแซ็กคนนอกดูข้อมูล
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้หารือต่อที่ประชุมถึงการที่สภาได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคลิปวิดีโอ โดยไม่มี ส.ส.เพื่อไทยร่วมด้วย ล่าสุดพบว่ามีบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ช่วย ส.ส. เป็นสุภาพสตรี เข้าไปนั่งในห้องคณะกรรมการตรวจดูเอกสารข้อมูล จึงเคลือบแคลงถึงความโปร่งใส เพราะในการชี้แจงรัฐมนตรีบางคนสามารถหยิบชาร์ตตอบโต้ได้ทันที เป็นข้อสงสัยว่ามาจารกรรมข้อมูลหรือไม่ 
    
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ รีบลุกขึ้นชี้แจงว่า ผู้ช่วย ส.ส.คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยของตนเอง คอยทำหน้าที่โทรศัพท์ตาม เพราะตนต้องทำหน้าที่ตั้งแต่ 10.00-02.00 น.ไม่ได้พักผ่อน ยืนยันว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้อมูล ตนเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ตะโกนตอบโต้กันไปมา มีการกล่าวหาว่าปากเสียและปากหมา ทำให้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาตัดบทว่า ต่อไปนี้กรรมการตรวจสอบข้อมูลจะต้องไม่ให้คนนอกเข้ามาในห้องอีก พร้อมให้ทั้ง 2 คนได้ถอนคำพูด ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมถอนและเข้าสู่การประชุมตามปกติ


อัดปั่นหุ้นเว้นภาษีบุหรี่
    
จากนั้นนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายนายกรณ์ใน 2 กรณี คือ 1. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้นดาวเทียมไทยคม และ 2. การละเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ กรณีดาวเทียมไทยคมพบว่ามีการขึ้นลงของราคาหุ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งภายหลังที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคมปรากฏว่าราคาหุ้นกระโดดไปอยู่ที่ 7.95 บาทจากเดิม 5 บาท และในที่สุดรัฐบาลก็ไม่ได้มีการซื้อหุ้นหรือกิจการดาวเทียมไทยคม
    
สำหรับกรณีการละเว้นจัดเก็บภาษีบุหรี่นั้น นายประเกียรติกล่าวว่า บริษัทซึ่งเป็นคู่สัญญากับโรงงานยาสูบ จะต้องส่งรายได้ให้กับรัฐเป็นค่าตอบแทนต่างหากเป็นเงิน 16.8 ล้านบาทต่อปี รวมค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเช่าโกดังและลานจอดรถปีละ 1.4 ล้านบาท แต่ใน ปี 2543 มีการขยายอายุสัญญาออกไปโดยไม่มีกำหนด และแก้ไขไม่ต้องส่งรายได้ 16.8 ล้านบาทให้กับรัฐบาลอีก เหลือเพียงค่าเช่าสถานที่แต่ลดลงเหลือ 8.3 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนชำระภาษีให้กับบริษัทนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศโดยไม่เป็นธรรมถึง 25.83 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รัฐเสียรายได้หลายพันล้าน 


“กรณ์”เสียงอ่อยโยนบาปท้องถิ่น
    
“เรื่องนี้พบว่ามีกระบวนการเลี่ยงภาษีไม่จ่ายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) คณะกรรมาธิการการคลังเคยไปสุ่มตัวอย่างพบว่า ใน จ.ปทุมธานี มีการจ่ายภาษีขาดหายไปจำนวน 7.7 ล้านบาท ที่เกิดมาจากบริษัทรับเป็นตัวแทนชำระภาษี แต่มีการส่งไปยัง อบจ.ไม่ครบถ้วน อยากทราบว่ากระทรวงการคลังได้มีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะ อบจ.ต้องขาดรายได้จากภาษีดังกล่าวเพื่อมาพัฒนาพื้นที่” นายประเกียรติกล่าว
     
นายกรณ์ ชี้แจงกรณีการปั่นหุ้นดาวเทียมไทยคมว่า ไม่มีแน่นอน เพราะคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบไม่พบว่าผู้ซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคมในเวลานั้นมีพฤติกรรมอินไซเดอร์ ส่วนการกล่าวหาละเว้นในการจัดเก็บภาษีบุหรี่นั้น ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหามาโดยตลอด ยอมรับว่าส่วนท้องถิ่นยังมีปัญหาประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีไม่เท่ากับหน่วยงานส่วนกลาง ตรงนี้จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งในการจัดเก็บภาษีบุหรี่ แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จะมีการประชุมใหญ่ของกรมสรรพสามิตเพื่อหาแนวทางทบทวนและแก้ไข 


ซัด “โสภณ” ซื้อหัวรถจักร
    
ต่อมาในช่วงบ่ายได้อภิปรายฯ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม โดยนายประเสริฐ จันทรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประกวดราคาซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. จำนวน 7 หัว จากประเทศจีน ราคา 1,050 ล้านบาท มีผู้ประกวดราคา 2 ราย เป็นคนกลุ่มเดียวกัน ถือว่าเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนจนชนะการประกวดราคา แต่มีการยกเลิกการประกวดในวันที่ 2 มี.ค.หลังจากที่พรรคยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 1 วัน ไม่ใช่เพราะเกิดจากจิตสำนึก ปกป้องประโยชน์ชาติ แต่เป็นลักษณะเจ้าของบ้านรู้ทันและจับได้โจรจึงหนีออกจากบ้านโดยยังไม่ได้ขโมย 
    
นายโสภณลุกขึ้นแจงทันทีว่า โครงการจัดซื้อหัวรถจักร 7 หัว เกิดจากรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งก็อยู่ในขั้นตอนของทีโออาร์ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้อง เมื่อศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ก็ให้เคาะราคากันจนได้ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 1,018 ล้านบาท ส่วนการยกเลิกประกวดราคานั้น ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาคนรับผิดชอบแล้ว ว่าเหตุใดจึงไม่ทำตามมติ ครม. 


เผย 15 โลแลกตำแหน่ง
    
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขึ้นอภิปรายพร้อมโชว์ภาพการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและการเผารถเมล์ โดยระบุว่าในคดีเผารถเมล์รัฐบาลได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างไรบ้าง พร้อมกับอภิปรายโจมตีแบบเหมารวมพุ่งเป้าไปที่การซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย มีการใช้คำศัพท์ว่า 15 กิโล ซึ่งไม่ทราบความหมาย จึงนำธนบัตรฉบับ 1 พันจำนวน 1 ล้านบาท ไปลองชั่งกิโล พบว่าได้เท่ากับ 1 กิโลกรัม จึงเข้าใจ และมีการหักเปอร์เซ็นต์ในการประมูลโครงการที่ใช้งบจังหวัดละ 50 ล้านบาท โครงการละ 20 % เท่ากับว่าได้คืน 10 กิโล ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ได้นำตาชั่งพร้อมเอาเงินสด 1 ล้านบาท มาชั่งกิโลโชว์กลางสภา นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติในการจัดซื้อรถตู้เอ็นจีวี ที่ฮั้วประมูลกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ล็อกสเปกไม่ให้บริษัทขายรถแก่บริษัทอื่น คิดแล้วทั้งสิ้นเป็นเงินถึง 1 หมื่นล้านบาท 
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงว่า การพูดอะไรต้องมีหลักฐาน โดยเฉพาะการโยกย้ายผู้ว่าฯ หากมีพยานก็นำมาเปิดเผยได้ตนพร้อมลาออก หากไม่จริง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ต้องออกจาก ส.ส. ทำให้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์โต้ว่า คนที่จ่ายไม่มีใครกล้าพูด ขอให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วเลยดีกว่า 


สภาเดือดลาก “แม้ว”มาเอี่ยว
    
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงกรณีการเผารถเมล์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝีมือของรัฐบาล แต่เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับประเทศโดยไม่ต้องติดคุกและได้ทรัพย์สินคืน ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนประท้วงให้นายชัยสั่งให้นายสุเทพเลิกพาดพิงบุคคลภายนอก แต่นายชัยวินิจฉัยให้นายสุเทพอภิปรายต่อไปได้ ทำให้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ไม่พอใจ พร้อมกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ถ้านายสุเทพอภิปรายแบบนี้ต่อไปกูจะไม่ฟังมึง”ก่อนเดินออกนอกห้อง 
    
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แต่ความวุ่นวายก็ยังไม่ยุติ ทำให้นายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นแสดงความไม่สบายใจกับความวุ่นวายในสภา อย่างไรก็ตามนายชัยได้พยายามไกล่เกลี่ย และให้ผู้อภิปรายคนต่อไปลุกขึ้นอภิปรายต่อทันที ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มคลายความตึงเครียดลง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์