มาร์คชี้การเมืองไทยแรง ถึงขั้นฆ่ากัน

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ห้องศักดิ์เดชน์ภูวไนย สถาบันพระปกเกล้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถา หัวข้อ” ผู้นำยุคใหม่กับการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืน” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตร ผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 1

 ใจความตอนหนึ่งกล่าวถึงการเปลี่ยนการปกครองในโลกว่า เป็นระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น อย่างตะวันออกกลาง ไม่มีใครคาดคิด ผู้นำที่ปกครองประเทศมายาวนาน 30-40 ปี จะมีคนลุกขึ้นมาต่อต้านจากกระแสคนรุ่นใหม่ ส่วนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตามเจตนารมณ์ที่เรียกร้องหรือไม่ ต้องจับตาดูต่อไป โดยปกติแล้วเมื่อประเทศปรับเปลี่ยนสู่ระบอบประชาธิปไตย โอกาสเปลี่ยนไประบบอื่นก็มี แต่สุดท้ายก็พลิกกลับมาที่ประชาธิปไตย

 นายอภิสิทธิ์  กล่าวถึงกรณีของประเทศไทยว่า เราพูดว่าเรามีประชาธิปไตยตั้งแต่ 2475 มีหลายช่วงที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยมีปฏิวัติ ยึดอำนาจ

  ซึ่งผู้ทำรัฐประหารยอมรับทันทีว่าเข้ามาดูแลบ้านเมืองชั่วคราวระยะปีกว่าๆ แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นกระแสหลัก ประชาชนยอมรับ
“วันนี้ยังมีคนออกมาพูดถึงรัฐประหารอยู่ ทั้งนักวิชาการและกกต. ซึ่ง แปลกใจกกต.ท่านหนึ่งพูดขึ้นมาด้วย ว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นชัดว่า ถ้าจะมีการรัฐประหาร จะมีการปรับปรุงประชาธิปไตย แต่การรัฐประหารแต่ละครั้งวันแรกๆ คนอาจจะโล่งใจ เอาดอกไม้ไปให้ แต่สุดท้ายต้องเร่งคืนอำนาจให้ประชาชน สร้างบาดแผลและสร้างบทเรียนให้กับสังคม ปัจจุบันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็มาจากรัฐประหาร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า  ในยุคปัจจุบันถ้าไม่สื่อสารต่อเนื่อง การทำงานก็เหนื่อยมาก คนการเมืองกำลังทำอะไรอยู่ถือเป็นเรื่องสำคัญ คนที่เป็นผู้นำการเมืองต้องสื่อสารตลอด หากสื่อสารแล้วจากบวกหรือลบเป็นอีกเรื่อง

 “ปัจจุบันมีการนิยมการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย ปัจจุบันไม่ใช่แค่ไทย มีกลุ่มที่กล้าใช้ความรุนแรงมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเสียงส่วนใหญ่ อย่างเก่งก็มีแนวร่วม 20 เปอร์เซ็นต์ แต่หาก 2 กลุ่มที่อยู่คนละข้างมาร่วมกัน ก็ สามารถครอบงำการเมืองได้มาก เพราะคนที่ไม่นิยมความรุนแรงมักนิ่งเฉย ฉะนั้นทำอย่างไรถึงจะให้คนที่ไม่นิยมความรุนแรงมีเสียงสนับสนุน นำสู่ความพอเพียงทางการเมือง ใช่เหตุใช้ผล ไม่สุดโต่ง ไม่นำไปสู่ความเสียหายนายอภิสิทธิ์ กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นได้เปิดให้นักศึกษาซักถามนายกฯในประเด็นต่างๆ โดยนางสาววิสารดี เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย  ถามในฐานะนักศึกษา ว่า

ในฐานะคนรุ่นใหม่ ส.ส.รุ่นพี่หลายคน ที่ไม่ได้ยึดติดกับพรรค อภิปรายเสร็จก็ออกมากอดคอกัน แต่ปัจจุบันขัดแย้งมากขึ้นเอาเรื่องส่วนตัวมาพูด มองหน้ากันไม่ติด และที่บอกว่าการเลือกตั้งเป็นการตัดสินการทำงานของนายกฯ หากพรรคหนึ่งมีคะแนนเสียงมากกว่า วันนั้นพรรคท่านจะจัดตั้งรัฐบาลแข่งหรือไม่ และเมื่อไรจะยุบสภา  จะได้เตรียมตัวลงพื้นที่

 นายกฯ ตอบว่า ความขัดแย้งรุนแรงที่เกิดขึ้นในสภาถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งบางคู่คุยกันได้ แต่วันนี้บางคู่พูคคุยกันไม่ได้ ยุคนี้มีคนตั้งใจมาฆ่ากันจริงๆ  ไม่ใช่มาฆ่ากันทางการเมือง แต่มาฆ่ากันจริงๆ ก็ทำให้รุนแรงขึ้น  ถึงบอกว่า ให้คนที่ไม่นิยมความรุนแรงออกมาสู้ และสู้กับคนที่บอกว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน แต่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์