สหายร่วมรบขอพบป๋าเปรม

สหายศึกเพื่อน "ป๋าเปรม" วอนอยากพบ ขอความช่วยเหลือถูกยึดที่ทำกินที่เมืองลุง 8 ไร่
 
ทั้งที่แผ้วถางครอบครองมากว่า 50 ปี ยันเคยช่วยป๋าช่วงสงครามโลก สมัยป๋าเปรมเป็นหัวหน้าชุด นำลูกน้องลาดตระเวนรอบฐาน พลาดเหยียบกับระเบิด ตายคาที่ 3 ศพ ส่วนเจ้าตัวบาดเจ็บ ช่วยเหลือจนหายดี อยากคุยความหลังและขอความช่วยเหลือ
   
สหายสงคราม “ป๋าเปรม” วอนอยากพบขอความช่วยเหลือครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายดำ ชูเผือก อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 3 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง อดีตทหารผ่านศึกสมัยสงครามเอเชียบูรพา อ้างตัวเป็นเพื่อนร่วมรบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่รักษาอาการบาดเจ็บให้กับ พล.อ.เปรม เมื่อครั้งโดนระเบิด ทำให้ลูกน้องของ พล.อ.เปรมเสียชีวิต 3 ศพ ในสนามรบที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี โดยนำบัตรประจำตัวทหารและบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกกองประจำการ และเหรียญชัยสมรภูมิที่ได้รับพระราชทาน มายืนยัน
   
นายดำ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนเป็นคนพื้นเพจังหวัดสงขลา

เมื่อสมัยที่ยังเป็นหนุ่มก็เข้ารับราชการทหารเป็นทหารเกณฑ์สังกัดกองทหารเสนารักษ์ ค่ายเสนาณรงค์ จ.สงขลา อยู่ร่วมกันกับ พล.อ.เปรม เพียงแต่อยู่คนละสังกัดเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารค่ายเสนาณรงค์จำนวนมากถูกสั่งให้ออกรบ รวมทั้ง พล.อ.เปรม ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าชุด เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสนามรบที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี พล.อ.เปรม ได้นำลูกน้องออกลาดตระเวนรอบ ๆ ฐาน ปรากฏว่าพลาดเหยียบระเบิด ทำให้ลูกน้องที่ไปด้วยกันเสียชีวิตทันที 3 ศพ ส่วน พล.อ.เปรมได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวมารักษาที่ทหารเสนารักษ์ ตนได้พยายามรักษาบาดแผลอยู่หลายวันจนหายเป็นปกติ จากนั้นได้ร่วมออกศึกกันจนกระทั่งสงครามสงบ โดยใช้ชีวิตอยู่กับการเป็นทหารเป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อสงครามสงบต่างคนก็แยกย้ายจากกัน ตนเรียนหนังสือจบแค่ชั้น ป.4 ได้เดินทางกลับบ้าน ส่วน พล.อ.เปรม ได้รับราชการทหารต่อ จากนั้นก็ไม่ได้พบกันเลย
   
อดีตพลทหารผ่านศึกรายนี้ เล่าต่อไปว่า หลังจากนั้น ช่วงประมาณปี พ.ศ.2500 หรือ 50 ปีก่อน ตนได้นั่งเรือข้ามทะเลสาบมาจังหวัดพัทลุง

และแต่งงานอยู่กินกับนางแอ็ด ชูเผือก ปัจจุบันมีอายุ 83 ปี มีบุตร 4 คน ที่ดินทำกินก็ได้ใช้สิทธิทหารผ่านศึกเมื่อรัฐบาลในสมัยนั้นเปิดโอกาสให้จับจองที่ได้ โดยแผ้วถางที่ดินรกร้างเป็นที่ดินสงวนริมทะเล ซึ่งได้ใช้เป็นที่ทำกินและสร้างเป็นที่อยู่อาศัยบนเนื้อที่ช่วงแรก ๆ ไม่มีคนอยู่ก็มีเนื้อที่สงวนประมาณ 50 ไร่ ต่อมาหลายปี ได้มีการสร้างโรงเรียนบ้านเตาปูน ก่อสร้างสภาตำบลและให้ผู้อื่นเข้ามาทำกิน สร้างเป็นที่อยู่อาศัย เหลือไว้เพียง 8 ไร่ เพื่อเป็นที่อยู่ของครอบครัวที่มีลูกอยู่จำนวน 4 คน

กระทั่งช่วง 3  ปีก่อน ทราบว่าทางโรงเรียนซึ่งตนก็มีส่วนร่วมในการก่อสร้างมากับมือ ต้องการที่จะเอาที่ดิน 8 ไร่ไปด้วย

โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของรัฐและมอบอำนาจให้โรงเรียนครอบครอง และจะให้ตนอยู่ไปจนถึงเสียชีวิตหลังจากนั้นก็จะเอาคืน ตนจึงรู้สึกน้อยใจในชะตาชีวิตของตัวเอง เพราะที่ดิน 8 ไร่บุกเบิกมากับมือ พัฒนาที่ดินสร้างโรงเรียนร่วมกับเพื่อน ๆ ที่เสียชีวิตไปหมดแล้ว กลับไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ในฐานะที่เป็นพ่อในชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้กับลูก ๆ เลย มีเพียงผืนดินจำนวนนี้เท่านั้น ที่ผ่านมา ตนไม่เคยเรียกร้องและใช้สิทธิใด ๆ แต่ก็ได้รับเงินสวัสดิการผู้สูงอายุตามนโยบายของรัฐบาล สิ่งที่ต้องการคืออยากพบ พล.อ.เปรม เพื่อที่จะได้นั่งเล่าถึงความหลัง ตั้งแต่สมัยที่เป็นทหารรบอยู่ด้วยกันในสงคราม และอยากปรึกษาเรื่องที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่รู้จะไปขอความเห็นใจจากใคร.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์