มหาอ้ารับ ชวนแดงร่วมเหลือง

"ไชยวัฒน์"เอาทุกวิถีทาง บอกไปคุยกับแกนนำนปช.ในคุก ชักชวนให้ร่วมชุมนุม บอกเห็นตรงกันต้องไล่"มาร์ค"ให้ได้ "จำลอง"ไว้ท่าบอกไม่เห็นด้วยกับไชยวัฒน์

อ้างคนเยอะอยู่แล้ว แต่ไม่รังเกียจคนเสื้อแดงถ้าจะร่วมด้วย ย้ำอย่างเดียวไม่มีการเจรจากับรัฐบาลอีกแล้ว ส่วนเรื่องการให้ส่งเอฟ 16 ไปชายแดน แค่แสดงแสนยานุภาพขู่เขมร ไม่ใช่ให้ไปรบจริง แขวะ"กษิต"หัวใจเป็นเขมรไปแล้ว ทั้งที่เคยด่า"ฮุนเซน"เป็นกุ๊ย ทางด้าน"เทพเทือก"หนุน"กษิต"ฉะพันธมิตร ลั่นอยากกราบขอร้องให้ม็อบสลาย เพราะจะมีเลือกตั้งอยู่แล้ว เผยนายกฯอาจไปเจรจากับแกนนำพันธมิตรด้วยตัวเอง หลังกลับจากสวิส

พธม.มั่นใจวันหยุดคนมาเยอะ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ยังคงปักหลักชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนินนอก ถึงสี่แยกมิสกวัน และตลอดถึง ถ.พิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นวันที่ 4 โดยช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมบางตา เนื่องจากสภาพอากาศร้อน ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนต้องหลบแดดตามเต็นท์และร่มไม้ พร้อมกันนี้ผู้ชุมนุม บางส่วนยังคงปักหลักอยู่ด้านหน้าเวที เพื่อฟังการปราศรัย และการเล่าข่าวจากแกนนำ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวโจมตีรัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชา

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธ มิตร แถลงว่า การชุมนุมต่อจากนี้จะเป็นช่วง ที่ประชาชนมาร่วมชุมนุมมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ และพร้อมจะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่จะชุมนุมอย่างยืดเยื้อต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุว่า ไม่ทราบถึงกรณีที่ทางการกัมพูชานำธงชาติ รวมถึงป้ายภาษากัมพูชามาปักไว้บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่ตั้งอยู่บนที่ทับซ้อน 4.6 ตร.ก.ม.นั้น แสดงให้เห็นว่าเราโดนรุกล้ำอำนาจอธิปไตยถ้าหากยึดตามแนวเขตสันปันน้ำ และขอเรียกร้องให้นายกฯ ปลดป้ายภาษากัมพูชา และธงชาติออกอย่างไม่มีเงื่อน ไข อย่าให้เหลือแม้แต่จุดเดียว เพราะกรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นเป็นปีแล้ว

ย้ำต้องใช้แสนยานุภาพทหาร

นายปานเทพกล่าวต่อว่า กรณีที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางสื่อโทรทัศน์ว่าถูกจับอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนสีเทา เรื่องนี้สอดคล้องกับที่ร.ต.แซมดิน เลิศ บุศย์ และนายตายแน่ มุ่งมาจน ที่ถูกปล่อยตัวหลังถูกทางการกัมพูชาจับกุมไป ซึ่งเมื่อบุคคลทั้งสองกลับมาสู่ประเทศ ร.ต.แซมดินก็ถูกนายกฯ ชักชวนให้พูดเบี่ยงเบนประเด็นว่า เข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนจริง แต่ร.ต.แซมดินไม่เอาด้วย ทำให้นายกฯ ต้องเลื่อนเวลาการชี้แจงผ่านโทรทัศน์ล่าช้า เป็นเวลา 20.30 น. เมื่อเป็นเช่นนี้ นายกฯ จึงเหลือเวลาอีก 5 วัน เมื่อตัดเสาร์-อาทิตย์แล้วจะเหลือ 3 วัน ที่ศาลกัมพูชาจะพิพากษา 2 คนไทยที่เหลือ คือ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ในข้อโจรกรรม ขอยืนยันว่าทาง การกัมพูชาไม่มีอำนาจในการตัดสินคดีดังกล่าว เนื่องจากบุคคลทั้งสองไม่ได้ก้าวล้ำดินแดนกัมพูชาตามที่กล่าวหา และการที่ทาง รัฐบาลยอมรับว่าคนไทยทั้ง 7 ก้าวล้ำเขต แดนไปจริงนั้น ทางรัฐบาลต้องปฏิเสธอำนาจ การตัดสินของศาลกัมพูชาจนถึงที่สุด โดยต้องใช้แสนยานุภาพทางทหารเพื่อกดดันในการดำเนินการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้สงคราม

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า ทางกลุ่มพันธ มิตรขอเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันชุมชน รวมถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ออกจากพื้นที่ทับซ้อนโดยทันที หากนายกฯ และคณะไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง และยังดึงดันที่จะจัดเตรียมกำลังตำรวจและทหารคอยตอบโต้การชุมนุมของเรา เข้าใจว่าวันศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์จะมีผู้ชุมนุมมาสมทบจำนวนมาก และในช่วงเวลาดังกล่าวเราจะขอมติในที่ชุมนุมว่าจะยกระดับการชุมนุมอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังคอยคบคิด วางแผนเล่นงานภาคประชาชนโดยตลอด รวมทั้งกรณีข่าวการยุบสภา ก็เป็นแค่การปล่อยข่าว เพราะหากมีการแก้ รธน.จริง กว่าจะประกาศใช้ก็ไม่น้อยกว่า 2 เดือน เพราะยังมีขั้นตอนในการเสนอกฎหมายประกอบการเลือกตั้งอีก การปล่อยข่าวเช่นนี้จึงเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจ และซื้อเวลาไปเท่านั้น

มหาฉะอาวุธมีไว้อวดวันเด็ก

ด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธ มิตร กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯ จะเจรจากับ กลุ่มพันธมิตรหลังกลับจากประชุมที่ต่างประ เทศว่า ยืนยันว่าในเรื่องของการเจรจากับพันธมิตร ได้หมดเวลาการเจรจามานานแล้ว เพราะอีกไม่นานปราสาทเขาพระวิหารก็จะถูกประกาศขึ้นเป็นมรดกโลก ฉะนั้นการเจรจาจึงเสียเวลาเปล่า ทั้งนี้ ทางกลุ่มพันธ มิตรมีจุดยืนชัดเจนว่า เรามีข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวน 3 ข้อ คือ 1.การคัดค้านการแก้ไข รธน. 2.เรียกร้องให้รัฐบาลและนายกฯ ลาออก เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหาย 3.ให้รัฐบาลออกมาปกป้องผืนแผ่นดินไทย แต่ที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำไม่ได้สักอย่าง เสียเวลาเปล่า ตนจึงอยากเสนอแนะให้นายกฯ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า โดยเฉพาะข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ส่วนการยกระดับการชุมนุมคงต้องหารือกับแกนนำก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า ที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า การดำเนินการทั้ง 3 ข้อไม่สามารถทำได้ นายกษิตเมื่อคิดเองและทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเอง เพราะข้อเสนอทั้ง 3 ข้อที่มาจากประชาชนนั้นง่ายมาก ยืนยันว่าทางรัฐบาลยังมีความจำเป็นต้องใช้แสนยานุภาพทางทหารเพื่อกดดัน ทางการกัมพูชา เพราะกรณีนี้เทียบได้กับกรณีของตำรวจที่เจอคนทำผิดซึ่งหน้า ไม่จำเป็นต้องรอให้รัฐบาลสั่ง สามารถดำเนินการได้เลย ในส่วนของทหารก็ต้องเป็นเช่นนี้เช่นกัน ไม่ใช่มีอาวุธทางทหารไว้เฉพาะอวดเด็กในวันเด็ก หรือการสวนสนาม ต้องใช้อาวุธของกองทัพที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยืนยันว่าการแสดงแสนยานุภาพไม่ใช่การก่อสงคราม หรือยกทัพจับศึก แต่ต้อง การใช้เป็นพลังต่อรอง ไม่ใช่เอาแต่ตัวรอดไปวันๆ และการใช้แสนยานุภาพดังกล่าวสามารถทำได้ง่าย เพราะตนก็เคยเป็นนายทหารเก่า และทำได้ทั้ง 3 กองทัพ โดยกองทัพบกก็ให้ไปฝึกกำลังใกล้ชายแดนไทย -กัมพูชา กองทัพเรือก็ให้แล่นเรือไปบริเวณชายแดน เพื่อให้กัมพูชาดู รวมถึงกองทัพอากาศก็ใช้เครื่องบินที่มีอยู่ อาทิ เอฟ 5 และ เอฟ 16 ฝึกบินทิ้งระเบิดตามชายแดน วิธีนี้สามารถทำได้โดยง่าย ถามว่าจะเก็บอาวุธเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร อย่าอยู่โดยแก้ปัญหาเอาตัวรอดไปวันๆ

ยันไม่ห้ามไม่หนุนปฏิวัติ

พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า กรณีนายกษิต ระบุว่าการเรียกร้องแสนยานุภาพสวนทางกับหลักอหิงสานั้น ยืนยันว่าถ้าตนไม่อหิงสาตนนำมวลชนเข้าไปในทำเนียบตั้งแต่วันแรกเลย ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าคำว่าประท้วงของกลุ่ม พันธมิตรจะเน้นการอหิงสา และที่ผ่านมาก็ยืนยันได้ว่าเราไม่เคยไปยิงใคร หรือเผาบ้านเผาเมือง เพราะตนเป็นนักปฏิบัติธรรม แต่ถ้าถึงขั้นที่จะรบก็จำเป็นต้องรบ

"คนบางคนตอนไม่เป็นรัฐมนตรีแต่พอมาเป็น รมต.แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคน และบางคนก็ด่าฮุนเซนว่ากุ๊ย แต่ตอนนี้ทั้งตัว ทั้งใจให้ประเทศเขมรไปหมดแล้ว" พล.ต. จำลองกล่าว

พล.ต.จำลองยังกล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติว่า ก่อนที่พันธมิตรจะชุมนุมก็มักจะมีข่าวเช่นนี้ออกมาเป็นประจำ ทั้งนี้ เราไม่ได้ชุมนุมเพื่อให้รัฐบาลยยุบสภา แต่เจตนาของเราคือให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่รักษาอธิป ไตยให้กับประเทศไทย ยืนยันว่าเราไม่หนุน หรือจับมือกับใคร หรือเปิดช่องเพื่อให้เกิดการทำรัฐประหาร และคนที่ปลุกข่าวกระแสนี้ขึ้นมาอาจปล่อยออกมา เพราะต้องการตีปลาหน้าไซ ส่วนกรณีชื่อย่อนายพลต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างตนเป็นทหาร ก็คุยกับนายทหารอยู่หลายคน เป็นเรื่องธรรมดาที่คนรู้จักกันจะพูดคุยกัน ยืนยันอีกครั้งว่าการปฏิวัติตนไม่ทราบ และไม่มีการประเมินในเรื่องนี้ และการชุมนุมของเราในครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปิดช่องแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นจริงเราก็คงห้ามเขาไม่ให้ปฏิวัติไม่ได้ ทั้งนี้ เราไม่ยินดี หรือสนับ สนุนให้เกิดการปฏิวัติ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงเราก็ไม่สามารถห้ามได้

ไชยวัฒน์ชวนนปช.ไล่มาร์ค

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่เต็นท์กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แถลงว่า กรณี 2 คนไทยที่ถูกจับกุมในกัมพูชา ประกอบด้วยนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ทางเครือ ข่ายจะไม่ใช้ความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาการดำเนินการของสถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ เข้าข่ายทำงานไม่ได้เรื่อง หรือถึงขั้นที่เลวมาก ทั้งนี้ จากการประสานไปยังนายการุณ ใสงาม ทนายความ ยืนยันได้ว่า หลักฐานในมือได้ข้อสรุปว่า รัฐบาลไทยกับสมเด็จฮุนเซนสมคบขายชาติ ทำให้ประชาชนไทย และประชาชนกัมพูชาถูกหลอกทั้งสองประเทศ จากนี้เราจะทำความจริงให้ปรากฏ โดยเบื้องต้นทางเครือข่ายได้ส่งคนเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุที่คนไทยทั้ง 7 คนถูกจับ โดยจะมีพยานที่ถูกจับกุมไปด้วย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในพื้นที่ ในการต่อสู้คดีกับศาลกัมพูชา เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยจะใช้ทนาย ความส่วนตัว และไม่พึ่งการช่วยเหลือจากทางการไทย คาดว่าภายในอาทิตย์หน้าจะส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังศาลกัมพูชาได้

นายไชยวัฒน์กล่าวอีกว่า จากกรณีที่ตนถูก ตร.หิ้วจากข้อหาก่อการร้าย และถูกขังอยู่ในคุกนั้น ตนได้มีโอกาสไปเจอกับแกน นำคนเสื้อแดงในคุก แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อว่าเป็นใคร โดยตนได้เสนอว่า วันนี้อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงช่วยกันรักษาอธิปไตยเหนือดินแดน และถามว่า จะร่วมมือกันอย่างไรดี แกนนำคนนี้บอกตนว่า ต้องเอานายอภิสิทธิ์ออกไป ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะขณะนี้ทางเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติได้ประจำอยู่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่กลุ่มพันธ มิตรก็ปักหลักอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพราะฉะนั้นจึงเหลือที่บริเวณสะพานอรทัยจะทำอย่างไรดี จะให้คนเสื้อแดงมาที่นี่เลยหรือไม่ ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงคนดังกล่าวบอกว่า จะไปหารือกับแกนนำคนอื่นๆ ก่อน ซึ่งอาจได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้

เทือกชูใกล้เลือกตั้ง-เลิกชุมนุม

เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกมาโต้ข้อกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรว่า การแสดงความคิดเห็นถือเป็นอิสระของแต่ละคน กรณีนาย กษิตมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อมีคนพูดจาทำให้คนเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงและประชาชนสับสน รมว.ต่างประเทศต้องออกมาแสดงทัศนะและจุดยืน เพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าหากเป็นอย่างนี้จะเกิดแรงเสียด ทานระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ผู้ชุมนุมไม่ว่ากลุ่มไหนถ้าคิดถึงส่วนรวมและผลประโยชน์ของประชาชน ก็ควรอดใจได้ว่ารัฐบาลกำลังเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งอยู่แล้ว หากต้อง การเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ใช้กระบวนการเลือกตั้งได้อยู่แล้ว ตนพูดอย่าง นี้เพราะพูดตามสิ่งที่สื่อรายงานข่าวว่าผู้ชุมนุม บางกลุ่มหรือหลายกลุ่มมีเป้าหมายล้มล้างรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ซึ่งตนมองว่าวิธีเปลี่ยน นายกฯ มันมีอยู่แล้วโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ไม่ต้องทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย การชุมนุมเกิดขึ้นได้ตราบใดที่ไม่มีการกระทำที่รุนแรง ทำผิดกฎหมายหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน

เมื่อถามว่าวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์ เพียงแต่ติดตามว่าเมื่อมาชุมนุมแล้วเรียกร้องอะไร ซึ่งข้อเรียกร้องต่างๆ นายกฯ ชี้แจงแล้วว่าไม่สามารถทำได้ เพราะจะเกิดความเสียหายกับประเทศมาก

เผยมาร์คจะไปเจรจากับม็อบเอง

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะส่งตัวแทนไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตามปกติ เวลามีการเจรจานายกฯ จะนำคณะไปเจรจาเอง เห็นได้จากกรณีเดือนมี.ค.-เม.ย. 2553 นายกฯก็ไปเจรจาด้วยตัวเอง ครั้งนี้ ก็เช่นกัน คิดว่าหลังจากนายกฯ กลับจากประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส คงนำทีมไปเจรจา หากผู้ชุมนุมพร้อมเจรจา ซึ่งตนยังไม่ทราบรูปแบบการเจรจา เพราะนายกฯ พยายามใช้การพูดคุยและเจรจาเป็นหลัก หากผู้ชุมนุมพร้อมนายกฯ ก็พร้อมเจรจา เมื่อถามว่าในฐานะที่ดูแลความมั่นคงคิดว่าการชุมนุมในส่วนใดที่ยังน่ากังวลอยู่ นายสุเทพกล่าวว่า ความกังวล ใจเป็นเรื่องปกติสำหรับตน ต้องระวังดูแลไม่ให้ผู้ชุมนุมไปสร้างความเดือดร้อน และผู้ชุมนุมได้รับความปลอดภัย

นายสุเทพกล่าวว่า สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันตรวจสอบอาวุธสงคราม โดยสั่งให้มีทีมค้นหาว่ามีกลุ่มไหนที่เข้าข่ายว่าจะมาสร้างความวุ่นวายหรือรับจ้างมาสร้างความ วุ่นวาย และมีอาวุธในครอบครอง เราจะติด ตามจับกุม นอกจากนั้นให้เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจโดยละเอียดทุกเส้นทางที่จะเข้าสู่สถานที่ชุมนุม อาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก แต่เป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้าย รวมทั้งได้กำชับให้บช.น.ไปเจรจาเปิดเส้นทางการจราจร

กราบขอร้อง-กลับบ้านเถอะ

เมื่อถามว่ามีการประเมินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะอยู่ในพื้นที่อีกนานใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะอยู่กี่วัน แต่ทุกวันที่เขาอยู่เราต้องดูแล ถ้ารัฐบาลกราบขอร้องได้จะกราบขอร้องให้กลับบ้านเถอะ ให้บ้านเมืองเรียบร้อยดีกว่า ส่วนการเจรจาพูดคุยก็ทำด้วยความระมัดระวัง หากทำไม่ดีอาจเกิดปัญหาบานปลายมากขึ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดชัดเจนได้ว่าผู้ชุมนุมมีกี่กลุ่ม เมื่อมีข่าวมาเราก็ตรวจสอบ บางข่าวโคมลอย บางข่าวมีสาระเราก็ติดตามต่อ เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวแจ้งหรือไม่ว่าเป็นกลุ่มเก่าหรือกลุ่มใหม่ นาย สุเทพกล่าวว่า คอยดูก็แล้วกัน

เมื่อถามถึงแนวทางการช่วยเหลือนายวีระและน.ส.ราตรี ที่ศาลกัมพูชาจะพิจารณาตัดสิน คดีในวันที่ 1 ก.พ.นี้ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อคนไทยไปตกทุกข์ได้ยากรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลช่วยเหลือ เจ้าตัวจะว่าอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือ กรณีนี้รัฐบาลไม่ละความพยายามและจะทำทุกทาง เท่าที่ติดตามกรณีนี้ไม่เข้าข่ายที่จะขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้สื่อข่าวถามถึงนายณฐพร โตประยูร ทีมทนายของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ จะนำตัวอดีตผู้ต้องหาคนไทยที่ถูกศาลเขมรปล่อยตัวกลับมาแล้ว เดินทางเข้าไปชี้จุดที่ถูกจับกุมในพื้นที่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควร อะไรที่คลี่คลายลงได้และจบได้ด้วยดีก็ควรพอแค่นั้น ถ้าประชาชนมีปัญหาก็มาร้องเรียนกับรัฐบาลและรัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหา แต่ถ้าไปแล้วถูกจับอีกก็ค่อยมาว่ากัน

ไม่แน่ใจเขมรลดธงแล้วหรือยัง

เมื่อถามว่าทางกัมพูชาได้ปักธงในพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาทบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเขมรปักธงแล้วหรือไม่ หรือเอาธงลงแล้ว ทั้งสื่อและตนก็ยังไม่ได้ไปเห็นจึงตอบไม่ได้ และทางทหารก็ยังไม่มีการรายงานเรื่องนี้มา เมื่อถามย้ำว่า พื้นที่ พิพาทไม่สมควรเข้าไปดำเนินการใดๆ นายสุเทพกล่าวว่า เราอย่าอ่อนไหวกันมาก เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางยุติสงครามประสาทของฝ่ายกัมพูชา เช่น เรื่องป้าย เรื่องธงอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า เราแก้ไขตามข้อเท็จจริง เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมขู่จะยกพลไปเผาสถาน ทูตกัมพูชาในประเทศไทย นายสุเทพกล่าวว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องป้องกันไม่ให้เขาเผา ใครไปทำอย่างนั้นต้องจับกุมดำเนินคดี ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ชุมนุมพยายามยั่วยุให้กองทัพและรัฐบาลไปซ้อมรบในพื้นที่ชาย แดน และใช้เครื่องบินรบทำโซนิกบูมข่มขวัญกัมพูชา นายสุเทพกล่าวว่า ผู้ชุมนุมจะมายั่วยุให้รัฐบาลทำอะไรให้เกิดความรุนแรงในสถานการณ์ระหว่างสองประเทศไม่ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ส่วนที่มีการซ้อมรบและลำเลียงอาวุธหนักในพื้นที่ชาย แดนนั้น การฝึกซ้อมของทหารถือเป็นเรื่องปกติ บางครั้งเป็นข่าว บางครั้งก็ไม่เป็นข่าว ซึ่งทหารต้องเตรียมพร้อมรักษาอธิปไตยของประเทศ

เทพไทอัดพธม.ชักหยาบ

เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นาย เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนางธิดา โตจิราการ รักษาการแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุจะมีการปฏิวัติวันที่ 10 ก.พ.นี้ว่า ไม่ทราบว่านางธิดาได้รับข้อมูลมาจากไหน เชื่อว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง และเป็นไปไม่ได้ น่าจะสร้างข่าวหวังผลทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม นปช. ที่พูดเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการระดมคนครั้งใหญ่ เหมือนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. พูดว่าวันที่ 13 ก.พ. จะแสดงแสนยานุภาพของคนเสื้อแดง จึงไม่เข้าใจว่า การระดมคนจำนวนมากหวังผลอะไร ถ้าจะมาแข่งจัดม็อบกับคนเสื้อเหลืองจะทำให้สังคมเสียหาย การมาเกทับ อวดมวลชน ของแต่ละกลุ่มก็ไม่มีประโยชน์กับฝ่ายใด จึงอยาก ให้ลดทิฐิ หันหน้ามาคุยกันในฐานะคนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้ประเทศไทย เกิดความขัดแย้ง 3 กลุ่ม คือ เสื้อแดง เสื้อเหลือง และรัฐบาล ไม่อยากให้เป็นเหมือนเขมร 3 ฝ่ายในอดีต อยากวิงวอนว่าอะไรคุยกันได้ก็ควรคุย อะไรที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ควรให้กระบวนการยุติธรรมแก้ปัญหา

นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรในฐานะที่เคยเป็นกัลยาณ มิตรกัน อยากวิงวอนว่าการเคลื่อนไหวชุมนุม ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การพูดคุยทำความเข้าใจกันจะดีกว่า ซึ่งนายกฯ เปิดทางให้พูดคุยทำความเข้าใจ

"ผมติดตามเวทีกลุ่มพันธมิตรแล้วไม่สบายใจ การปราศรัยเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่เหมาะสม ถือว่าผิดรูปแบบของกลุ่มพันธมิตร ที่มวลชนกลุ่มหนึ่งเคยศรัทธา แต่นับวันกลุ่มพันธมิตรใช้วาจาหยาบคายไม่แตกต่างจากเวทีคนเสื้อแดง ฉะนั้นการขึ้นเวทีวิจารณ์ของ กลุ่มพันธมิตรเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่พึงระมัด ระวังการใช้ถ้อยคำ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับอนุชนคนไทยทุกคน" นายเทพไทกล่าว

เด็จพี่แฉพล.อ."ด"ร่วมหารือ

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ปฏิวัติรัฐประหารว่า แม้นายอภิสิทธิ์จะออกมาปฏิเสธ แต่ถ้าที่ไหนไม่มีไฟก็ไม่มีควัน การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรขณะนี้สุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ล่า สุดทราบจากการข่าวว่ามีนายทหารบางกลุ่มหารือกัน โดยมีพลเอก อักษรย่อ "ด." รวมอยู่ด้วย หารือถึงกรณีที่ศาลกัมพูชาจะพิพากษาคดีของนายวีระ ในวันที่ 1 ก.พ. อาจมีคนบางกลุ่มออกมาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ลักษณะน้ำผึ้งหยดเดียว เพื่อนำไปเป็นข้ออ้างยึดอำนาจ ฉะนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการป้องกัน รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนออกมาต่อต้าน ขอให้รัฐบาลจับตาทหาร กลุ่มนี้ให้ดีว่าจะออกมาอาศัยสถานการณ์เป็นตัวจุดชนวนหรือไม่ หากนายกรัฐมนตรีทราบเรื่องแต่ยังนิ่งนอนใจ ไม่ทำอะไรสังคม ต้องประณาม

พธม.วืด-ไม่ให้เข้าจุดจับ 7 ไทย

เมื่อเวลา 11.00 น. ม.ล.วัลย์วิภา จรูญ โรจน์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมพวก 8 คน และทีมทนายความ เดินทางไปมายังลานอเนกประสงค์ หน้าพระสยามเทวาธิราช สำนักงานเทศบาลเมืองอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และติดต่อทหารจากกองกำลังบูรพาให้นำเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยม.ล.วัลย์วิภาได้นำสำเนาหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เรื่องขอความอนุ เคราะห์เข้าสำรวจพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ 7 คนไทยถูกจับกุม มอบให้พ.ท.ธวัชชัย วรรณดิลก หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังบูรพา พ.ท.อภิราม รามณัฐ รอง ผบ.ฉก. กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา

ต่อมาเวลา 15.00 น. หลังจากที่ได้รอการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ นายณฐพร โตประยูร หัวหน้าทีมทนาย ความ กล่าวว่า ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อประสานไปทางกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ จนท.ทหารไทยทางกองกำลังบูรพา ประสานกับทาง ทหารกัมพูชาในพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ทางกองกำลังบูรพาจึงไม่สามารถอนุญาตให้เข้าไปดูพื้นที่ได้

ด้านม.ล.วัลย์วิภา เปิดแถลงข่าวว่า การเดินทางมาในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันนี้ เครือข่ายคนไทยฯ มาพร้อมทีมกฎหมายเพียง 6-8 คนเท่านั้น เพื่อเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ 7 คนไทยถูกจับ เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานไปต่อสู้คดีเพื่อช่วยเหลือนายวีระและน.ส.ราตรี ที่ผ่านมา ข้อมูลหลายฝ่ายยังไม่ตรงกับคำบอกเล่าของนายวีระและน.ส. ราตรี โดยประสานขอความอนุเคราะห์จากนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่พอมาถึงพื้นที่จริงกลับได้รับการปฏิเสธ ตนจะกลับไปทวง ถามเรื่องนี้กับทางนายกฯ ให้แน่ชัดอีกครั้ง จากนั้นได้เดินทางกลับ กทม.ทันที

ชาวภูมิซรอลผวาจะรบกัน

ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ปรากฏว่าบรรยากาศโดยทั่วไปยังคงค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากว่ามีข่าวว่าทหารกัมพูชากว่า 500 นายมาประชิดชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ห่างจากบ้านภูมิซรอลประมาณ 10 ก.ม.เท่านั้น

นางคำพอง อินตา อายุ 54 ปี ชาวบ้านภูมิซรอลคนหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณบ้านภูมิซรอลชาวบ้านทุกคนต่างพากันหวาดกลัวว่าอาจจะมีการรบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เนื่อง จากว่าทหารกัมพูชามักจะกระทำการใดๆ ในลักษณะที่ไม่ให้เกียรติทหารไทย และมีลักษณะหยามเกียรติทหารไทย เช่น หาว่าทหารไทยบุกรุกดินแดนของกัมพูชา อีกทั้งทหารไทยมีการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในช่วงนี้ ล้วนแต่จะทำให้เป็นสาเหตุในการเกิดสงครามได้ทั้งสิ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุอะไรมากนัก แต่ว่าทหารไทย-กัมพูชาก็ยังมีการปะทะกันบ่อยครั้งทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายเสียชีวิตมาแล้ว ทำให้ขณะนี้พวกตนหวาดผวาภัยสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอด เวลาเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าหากมีการรบกันขึ้นตามแนวชาย แดนไทย-กัมพูชา ตนมั่นใจว่าทหารไทยจะต้องปกป้องอธิปไตยของชาติบริเวณเขาพระวิหารได้อย่างแน่นอน

"ดาว์พงษ์"โวยข่าวพล.อ."ด"

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์กรณีนายพร้อมพงศ์ระบุพล.อ. "ด" ในกองทัพเตรียมปฏิวัติว่า ไปเอาข่าวจากไหน นั่งเทียนขึ้นมาว่า พล.อ. "ด" เตรียมทำปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่สถาน การณ์บ้านเมืองไม่ได้เป็นแบบนั้น ส่วนพล.อ. "ด" เป็นใครตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีชื่อตนเข้า ไปเกี่ยวข้องใครๆ ก็รู้และเห็นว่าตนทำแต่งาน ตอนนี้ตนมีงานเยอะต้องรีบดำเนินการ โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงของกองทัพบกมีหลายเรื่อง

"เรื่องนี้ให้ไปคิดเองว่าคนพูดเอาอะไรมาพูด ต้องถามกลับว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือขนาด ไหน ขอให้ไปคิดกันเอง ผมตอบได้ว่าผมไม่รู้เรื่อง ทำแต่งาน ตอนนี้งานมีเยอะคงไม่คิดเรื่องอื่น ผมไม่รู้เรื่อง และผมไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่พูดต้องการอะไร อยากให้สื่อช่วยหาข้อมูลให้ว่า คนพูดเอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน และรู้สึกงงว่า พล.อ."ด" มีชื่อคล้ายกับผม แต่อาจจะมีหลาย ด.ก็ได้ และอาจไม่ได้หมายถึงผมก็ได้ อาจจะมีพล.อ."ด" อื่นอีก อยากรู้เหมือนกันว่า เป็นพล.อ."ด" ไหน" เสธ.ทบ.กล่าว และว่า แต่ตนคงไม่สับสน เพราะไม่ได้เกี่ยวกับตน อะไรที่ไม่มีมูลฐานความเป็นจริงทุกคนต้องงงอยู่แล้ว ซึ่งในกองทัพไม่มีการพูดคุยกันถึง พล.อ."ด" เตรียม ทำปฏิวัติ โดยเฉพาะผบ.ทบ.ไม่ได้สอบถามหรือพูดคุยในเรื่องนี้เพราะไม่ได้สนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งการทำงาน ไม่รู้ว่าที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไร และหมายถึงใครกันแน่

กองทัพไม่รู้จะฟ้องเอากับใคร

ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาระบุว่า มีพล.อ. "ด" ในกองทัพเป็นหัวหน้าที่จะปฏิวัติรัฐประหารว่า เรื่องนี้ ผบ.ทบ.ไม่ได้ว่าอะไร แต่รู้สึกเบื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้ เพราะได้เคยชี้แจงไปแล้วหลายครั้ง ปัญหาขณะนี้เป็นปัญหาของประ เทศที่ทุกคนต้องร่วมกันแบกรับภาระ ทำไมกองทัพหรือทหารต้องมาแบกภาระอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่เคยออกมาจากปากทหารเลย ส่วนใหญ่ก็มาจากแหล่ง ข่าวที่เราไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างไร หรือเป็น การสัมภาษณ์ของกลุ่มการเมือง เพราะฉะนั้น อยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร หากเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมาตอบทุกคำถามในเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นเพียงการเล่าสู่กันฟัง หรือโยนหินถามทาง ก็สร้างความรู้สึกลำบากใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาระบุถึงการปฏิวัติรัฐประหาร จะทำให้กองทัพเสียหายหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ถ้าถามว่ากองทัพเสียหายหรือไม่ก็เสียหายแน่ หรืออย่างที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลา โหม บอกไปแล้วว่าไม่คิดจะฟ้องร้อง เพราะไม่รู้จะไปฟ้องร้องใคร เมื่อถามย้ำว่าพล.อ. ดาว์พงษ์ไม่มีความคิดที่จะปฏิวัติใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เสนาธิการทหารบกมีหน้าที่รับผิดชอบกรมฝ่ายเสนาธิการ ไม่ได้มีอำนาจในการสั่งการใดๆหรือการบังคับบัญชาหน่วยกำลังรบ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา

บิ๊กบังชี้เงื่อนไขไม่พอปฏิวัติ

พ.อ.สรรเสริญกล่าวถึงกรณีที่มีเสียง วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องศักยภาพของกองทัพว่า ทุกประเทศมีศักยภาพของตนเอง และทุกคนก็ต่างรู้อำนาจกำลังรบของตนเองว่าใครอยู่ในสถานะแค่ไหนอย่างไร สิ่งต่างๆ ที่ผู้บังคับบัญชาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้นอยู่บนพื้นฐานของการดำเนินการทางการทูต และเป็นการให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้าน

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ฝ่ายค้านระบุทหารจะปฏิวัติรัฐประหารว่า ขณะนี้เงื่อนไขยังไม่พอ สถานการณ์น่าจะยังไม่ถึงขนาดต้องทำปฏิวัติ เพราะการทำอะไรต้องมีปัจจัยและเงื่อนไขที่สำคัญ เวลานี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เดือดร้อน ดังนั้น ทหารประชา ธิปไตยจะต้องอยู่ห่างจากการเมือง โดยมี หน้าที่ปกป้องประเทศชาติ รักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ไม่มีหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งนี้ การปล่อยข่าวการทำปฏิวัติ อาจเป็นกุศโลบายทางการเมือง เพื่อหวังผลทางการเมืองก็ได้

จำลองอ้าแขนรับคนเสื้อแดง

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.จำลอง พร้อมด้วยนายปานเทพ และนายประพันธ์ ร่วมกันแถลงข่าว โดยพล.ต.จำลอง กล่าวว่า กรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ จะชักชวนคนเสื้อแดงมาร่วมขับไล่รัฐบาลนั้น ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วย เพราะคนของเรามีจำนวนมาก ยากจะดูแลอยู่แล้ว แต่ถ้าใครจะมาร่วมชุมนุมด้วย เราก็ไม่มีปัญหาหรือรังเกียจ ส่วนการยกระดับการชุมนุมจะเริ่มเมื่อไรหรือระดับไหนนั้น ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเอาแต่ใจ ขอให้รอก่อน ยืนยันว่าการเจรจาคงยากแล้ว เราตอบไปก่อน หน้านี้แล้วว่าเจรจาไปก็เสียเวลา ฉะนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่เอาแต่พูด

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า วันที่ 29 ม.ค. เวลา 13.50 น. จะมีพล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยยันต์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ มาขึ้นเวทีพันธ มิตรฯ เพื่อมาพูดให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจออกมาร่วมกันต่อสู้

จากนั้นนายปานเทพ ได้นำชาวบ้านหนอง จาน จ.สระแก้ว กว่า 10 คนมาโชว์ตัว พร้อม ระบุว่าชาวบ้านเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกล่วงล้ำอธิปไตยและได้โชว์เอกสารการครอบครอง สค 1 โดยยืนยันว่าคนไทยทั้ง 7 คนถูกทางการกัมพูชาจับกุมไปนั้น ล้วนถูกจับบนพื้นที่ทำกินของคนไทยทั้งสิ้น

โวยถูกใส่ร้ายจะเผาสถานทูต

ด้านนายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่ระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะเผาสถานทูตกัมพูชา หากศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 2 คนไทยที่เหลือนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและไม่ทราบว่าได้ข่าวมาจากไหน ถือเป็นการใส่ร้าย กลุ่มพันธมิตรฯ เราไม่มีความคิดจะเดินทางไปสถานทูตกัมพูชา เราจะยืนยันในข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อเดิมไปยังนายกฯและรัฐบาลเพ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์