พ.อ.วินัยปลุกชาวโคราชจี้สุวัจน์ทิ้งทรท.-ชี้ระบอบทักษิณใกล้อวสาน

พ.อ.วินัยปลุกชาวโคราชจี้สุวัจน์ทิ้งทรท.-ชี้ระบอบทักษิณใกล้อวสาน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 20:30 น.

มหาวิทยาราชภัฎนครราชสีมา จัดเวทีผ่าวิกฤติการเมืองไทย ซึ่งมีนักศึกษา นักวิชาการ ประชาชนชาวโคราชทุกสาขาอาชีพเข้าร่วมจำนวนมากกว่า 500 คน วันนี้ ( 12 มี.ค.)

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ม.ราชภัฎโคราชจัดเสวนาผ่าวิกฤตการเมืองไทยสุรพงษ์ ไชยนาม ย้ำถึงเวลาทหารออกมาแสดงบทบาท ด้าน พ.อ.วินัย สมพงษ์ ชี้ทางออทักษิณ ต้องลาออกเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง พร้อมปลุกชาวโคราชลุกฮือจี้ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ทิ้งพรรคทรท.มิเช่นนั้นไล่กลับไปบ้านเกิดที่ราชบุรี ขณะที่ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ระบุ ระบอบทักษิณถึงวาระสุดท้ายแล้วเหตุเหลือฐานที่มั่นแค่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มประชาสภามิภักดิ์ กับกลุ่มบุคคลอันตรายแวดล้อม นำโดยแก๊งออฟโฟร์ สุดารัตน์-หมอมิ้ง-หมอเลี๊ยบ-ภูมิธรรม


ช่วงบ่ายวันนี้ (12 มี.ค.) ที่ห้องประชุม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นและสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราสีมาได้ร่วมกันจัดการประชุมวิชาการ เรื่อง วิกฤตและทางออกการเมืองไทย โดยมี พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ไชยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำหลายประเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในห้า คณะกรรมการยุทธวิธีในสถานการณ์ฉุกเฉินของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมเป็นวิทยากร โดยมี ดร.อดิศร เนาวนนท์ รองคณะบดีคณะครุศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และมี เกษตรกร นักศึกษา นักวิชาการ พ่อค้านักธุรกิจและประชาชนชาวโคราช เข้าร่วมกว่า 500 คน

นายสุรพงษ์ ไชยนาม กล่าวว่า วิกฤตการเมืองไทยที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ รัฐธรรมนูญเป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่วิกฤตปัญหาที่แท้จริงมาจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และพยายามสร้างความเข้าใจผิดว่ากลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลเป็นผู้ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเป็นพวกนอกกติกาใช้กฎหมู่ จนเกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้ง ถือเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยและนำไปสู่การพัฒนา ซึ่งสังคมใดไร้ซึ่งความขัดแย้งสังคมนั้นย่อมเป็นเผด็จการ เพราะความขัดแย้งทำให้สังคมใฝ่ถวิลหาความสมานฉันท์ความรักสามัคคีปรองดอง ซึ่งปัจจุบันความขัดแย้งของสังคมไทยมาถึงจุดชัดเจนระหว่างความจริงกับความเท็จ ความดีกับความชั่วหรือประชาธิปไตยกับเผด็จการแล้ว ดังเมื่อถึงจุดนี้ความเป็นกลางจึงไม่มี ผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมถึงเวลาต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน

สมการอำนาจตอนนี้มีอยู่เพียง 2 ขั้ว คือ อำนาจรัฐ กับอำนาจฝ่ายภาคประชาชน ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้พลังอำนาจภาคประชาชนสูงขึ้น กองทัพต้องออกมาประกาศจุดยืนเคียงข้างประชาชนอย่างชัดเจน เพราะการบอกว่าวางตัวเป็นกลางนั้นไม่มีความหมายอะไรต่อประเทศชาติแต่เป็นการเพิ่มพลังอำนาจให้กับฝ่ายรัฐบาลเข้าไปอีก ดังนั้นถึงเวลาที่ทหารควรออกมาแสดงบทบาทได้แล้ว อย่างเช่น ประเทศโปรตุเกส ที่กองทัพโปรตุเกสทำการก่อรัฐประหารเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยแก่ประชาชนเมื่อ 23 ปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีการก่อรัฐประหารอีกเลย ประเทศเขาก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีระบอบการปกครองที่มั่นคง นายสุรพงษ์ กล่าว

ด้าน พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เสนอทางออกของวิกฤตการเมืองไทย ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเสียสละด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมือง และให้มีการปฏิรูปการเมืองใหม่แล้วค่อยจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.

พ.อ.วินัย กล่าวต่อว่า การที่หลายฝ่ายทั้งกลุ่มนักวิชาการและประชาชนชาวโคราช เรียกร้องให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและผู้สมัครฯ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ได้ลาออกจากพรรค ทรท.เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองอยู่ในขณะนี้ตามความต้องการของประชาชน เช่นเดียวกับที่ตนและ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้ทำไปแล้วนั้น

โดยส่วนตัวเชื่อว่านายสุวัจน์ ไม่กล้าทำเช่นนั้นแน่นอน เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านที่ครอบครัวนายสุวัจน์ เข้าไปเกี่ยวข้อง อยู่ ซึ่งเป็นบ่วงคล้องคอที่ไม่รู้ว่าเขาจะกระตุกเมื่อใด ดังนั้นขณะนี้นายสุวัจน์ จึงยึดเพียงสุภาษิตที่ว่า รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เท่านั้น ขณะที่ส.ส.ที่เคยอยู่กับนายสุวัจน์ 15-16 คน ตอนนี้ต่างคนต่างไปแบบตัวใครตัวมันกันหมดแล้ว เขากำลังถูกโดดเดียวและว้าเหว่

พ.อ.วินัย กล่าวต่อว่า การที่ตนเดินทางมาที่โคราชในวันนี้เพื่อหวังจะมาสะกิดนายสุวัจน์ ผู้เป็นน้องชายให้แสดงความกล้าหาญออกมาโดยการลาออกจากพรรค ทรท. และขอให้ชาวโคราชออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นายสุวัจน์ ลาออกจากพรรคทรท. ถ้าไม่ยอมลาออกก็ขอให้ออกไปจากโคราช กลับไปสร้างฐานการเมืองที่ จ.ราชบุรี บ้านเกิดแทน

ขณะที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ต้นต่อวิกฤติปัญหา เมืองไทย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่วิกฤติปัญหาการเมืองโคราชเกิดจาก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ประกาศยึดโคราชเป็นเรือนตายแต่กลับคำยุบเรือนตายหรือพรรคชาติพัฒนาไปรวมกับพรรคไทยรักไทย และตามใจคนๆเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทุกอย่างแต่ขัดใจประชาชนคนโคราชทั้งจังหวัด ฉะนั้นคนโคราชจะต้องร่วมกันลุกขึ้นมาแสดงพลังของประชาชนที่แท้จริงให้นักการเมืองได้เห็นเพื่อเรียกร้องให้นายสุวัจน์ ลาออกจากพรรคทรท. เช่น อาจรวมตัวกันเดินขบวนไปติดป้ายเรียกร้องที่หน้าบ้านนายสุวัจน์ เป็นต้น

ส่วนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กำลังอยู่ในอาการสติแตกขาลอยยืนไม่ติดดินเพราะใกล้มาถึงวาระสุดท้ายของระบอบทักษิณแล้ว และมีแนวโน้มชัดเจนว่าหลังเลือกตั้งจะเปิดสภาฯ ไม่ได้ จากการลาออกจากสมาชิกพรรคทรท. ของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ผู้สมัครฯส.ส.บัญชีรายชื่อทรท. ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลรักษาการที่เป็นกลางเพื่อนำไปสู่การปฏิรูการเมืองใหม่ ดังนั้นแล้วทำไมจะต้องเลือกตั้ง ส.ส สูญเสียเงินงบประมาณแผ่นดินกว่า 2,000 ล้านบาท ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ไปเพื่ออะไรกัน

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ฐานที่มั่นสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เหลืออยู่ขณะนี้มีเพียง 2 ส่วนเท่านั้น คือกลุ่มประชาสวามิภักดิ์ ที่เหลือเพียงกลุ่มเดียวคือ ชาวบ้านเกษตรกรที่น่าสงสารเพราะเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร พอว่างจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็มาม็อบรับจ้างที่ได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย เดินขบวนร่วมกองคาราวานจนไปอย่างไร้ชีวิตชีวาเพื่อสนับสนุนให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ ภายใต้ความหวังว่าจะได้เลี้ยงโคล้านครอบครัวและขุดสระน้ำขนาดเล็กในไร่นาหลุดพ้นจากความยากจน กลับกลายเป็นม็อบเกษตรกรที่ถูกเรียกว่า เอาโคนำหน้า เอาปัญญาตามหลัง

ส่วนฐานที่มั่นที่ 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เหลืออยู่คือกลุ่มบุคคลก้าวหน้าที่แวดล้อมใกล้ชิด ตัวทักษิณอยู่ ซึ่งพวกนี้ถือว่าเป็นตัวอันตรายต่อชาติอย่างยิ่งเพราะมีทั้งสมองมีความรู้จบการศึกษาสูง เป็นมาเฟียท้องถิ่นและมาเฟียระดับชาติ คุมกระทรวง ต่างๆ ซึ่งนำโดยกลุ่มที่เรียกว่า แก๊งทั้ง 4 หรือ แก๊ง ออฟโฟร์ ที่คอยพิทักษ์ทักษิณ คล้ายกับกลุ่มที่คอยพิทักษ์ เหมาเจอตุง ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นายภูมิธรรม เวชชยชัย และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี

นอกจากนี้ยังมีผู้ปฏิบัติงานในสนามอีก เช่น นายสุธรรม แสงประทุม, นายอดิศร เพียงเกษ และนายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เป็นต้น พร้อมทั้งพวกของานทำ ประกอบด้วย นายเนวิน ชิดชอบ ,นายยงยุทธ ติยะไพรัช ,นายวีระ มุสิกพงศ์, ร.อ.ต.ฉลาด วรฉัตร ,นายจตุพร พรหมพันธ์ เป็นต้น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์