ฮือฮาซีมาร์คโลชั่นฉายานายกฯสื่อตั้งส่งท้ายปีเสือ

สุเทพ-ทศกัณฐ์กรำศึก เจ๊วารับนางฟ้าสต๊อกลม

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นธรรม เนียมปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล จากประสบการณ์การทำงานที่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะ โดยมิได้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่มาจากมติส่วนรวมของสื่อมวลชน โดยในปีนี้ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลได้ประชุม และมีมติให้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2553 ดังนี้ ฉายารัฐบาล คือ “รัฐบาลรอดฉุกเฉิน” ตลอดปี 2553 รัฐบาลต้องเผชิญกับวิกฤติหลายด้าน ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติภัยธรรม ชาติ วิกฤติการเมืองทั้งในและนอกสภา เกิด ความขัดแย้งและแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคม จนต้องประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในหลายพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ยังไม่รวมวิกฤติสังคมอื่น ๆ จนทุกฝ่ายมองว่ารัฐบาลไม่น่าจะบริหารราช การแผ่นดินต่อไปได้ แต่สุดท้ายรอดจากวิกฤติต่าง ๆ รวมทั้งรอดพ้นจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางข้อกังขาจากสังคม


ฉายารัฐบาลและ ครม.ปี 53 แสบถึงทรวง "รัฐบาลรอดฉุกเฉิน" 
    
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี ได้รับฉายาว่า “ซีมาร์คโลชั่น” เนื่องจากในภาวะที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก วิกฤติความขัดแย้งทางสังคมทั้งระดับประเทศลงไปถึงระดับครอบครัว เปรียบเสมือนผู้ป่วยหนักที่ต้องการยารักษาโรคให้หายขาด บางปัญหาต้องทำการผ่าตัด-ปรับโครงสร้าง-เปลี่ยนอวัยวะ สังคมคาดหวังว่านายกฯ จะเข้ามาแก้ไขปัญหาและรักษาอาการของประเทศได้ แต่ผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ยังทำได้ผลเพียงการบรรเทาโรค เปรียบเสมือนการใช้  “ซีม่าโลชั่น” ทาแก้คันเท่านั้น
    

สำหรับรัฐมนตรีที่ได้รับฉายาในปีนี้ประกอบไปด้วย 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับฉายา “ทศกัณฐ์กรำศึก” เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในทุกเรื่อง เปรียบเหมือนทศกัณฐ์ที่มีหลายหน้า อาทิ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แม่บ้านพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล บิดาของนายแทน เทือกสุบรรณ ที่ถูกโจมตีเรื่องการครอบครองที่ดินเขาแพง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้ต้องเผชิญศึกหนักจาก รอบด้าน ทั้งศึกที่จบไปแล้วและศึกที่ยังดำรงอยู่ แต่ด้วยความมีประสบการณ์การเมืองสูง รอบจัด จึงเอาตัวรอดจากศึกรอบด้านมาได้ ขนาดหลุดจากเก้าอี้ ส.ส. เพราะถือหุ้นต้องห้าม ตามด้วยการไขก๊อกจากเก้าอี้รองนายกฯ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สุดท้ายก็ฟื้นชีพการเมืองครบทุกตำแหน่ง เปรียบเสมือนทศกัณฑ์ที่ถอดกล่องดวงใจได้ ไม่มีวันสิ้นชีพ
    
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายก รัฐมนตรี ได้รับฉายา “ลิ้นชาละวัน” เนื่องจากผลงานในตำแหน่งรองนายกฯ ไม่เป็นที่ประจักษ์เป็นรูปธรรม แต่บทบาทที่เด่นชัดคือการเดินสายเจรจาสร้างความปรองดองกับทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองทุกสี รวมทั้งการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนถูกวิจารณ์ว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผลการเจรจาก็ไม่สำเร็จ เปรียบเหมือนการใช้ลิ้นจระเข้ที่ไม่มีต่อมรับรส กินอะไรก็ไม่รู้รสชาติ การเจรจาของชาละวัน-สนั่น จึงไม่มีการตอบรับจากทุกฝ่าย 
    
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. สำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับฉายา “กริ๊ง...สิงสื่อ” แม้จะพ้นจากการกำกับดูแลสื่อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่บทบาทที่เด่นชัดคือการสั่งการสื่อสำนักต่าง ๆ ของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง มักโทรศัพท์สายตรงไปถึงกองบรรณาธิการ-สถานีโทรทัศน์ เพื่อชี้นำและกำหนดทิศทางในการนำเสนอประเด็นข่าว ทำให้บางสื่อเกิดความอึดอัด แต่ต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ของสื่อดังขึ้น มีชื่อผู้โทรฯเข้าเป็น รมต.สาทิตย์จะทำให้ทุกสื่อรู้สึกสยองขวัญกับคำสั่งที่สิงสู่ส่งมาตามสาย
    
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้รับฉายา “โย่งคาเฟ่” เนื่องจาก รมว.คลัง จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และส่งสัญญาณต่อความเชื่อมั่นเรื่องภาวะเศรษฐกิจ แต่นายกรณ์กลับแสดงออกไม่สมบทบาทขุนคลังในหลายกรณี อาทิ การเปิดผับเชียร์ฟุตบอลโลก การแสดงบท พ.ต.ประจักษ์ มหศักดิ์ คู่กับแอฟ ทักษอร ในละครวนิดา ภาคปลดหนี้ จนถูกวิจารณ์ว่ามีพฤติกรรมที่เน้นสร้างความบันเทิงเฮฮา
    
นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง ได้รับฉายา “หยากไย่” เนื่องจากเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ได้เข้ามาร่วมรัฐบาลชนิดที่หลายฝ่ายคาดไม่ถึง ไม่มีผลงานชัดเจน แต่ก็ยังชักใยเกาะติดอยู่กับฝ่ายรัฐบาลได้ทุกยุค เปรียบเหมือน “หยากไย่” ที่เกาะอยู่ในบ้านเรือนที่ไม่มีประโยชน์ รอวันถูกปัดกวาดทิ้ง 
     
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาด ไทย ได้รับฉายา “เสืออิ่ม สิงห์โอด” เนื่องจากถูกวิจารณ์เรื่องความไม่ชอบมาพากลสารพัดโครงการ การแต่งตั้งโยกย้ายที่ถูกร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรมมากที่สุด ทำลายสถิติเรื่องการมีว่าที่ปลัดกระทรวงมากที่สุด จนนักปกครองทุกสีทั้งสิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ขาว ออกมาโอดครวญ เพราะถูก “เสือ” เจ้ากระทรวงขย้ำจนไม่เหลือความเป็น “สิงห์” ขณะที่เสือคนรอบตัวกลับอิ่มหมีพีมันเสพสุข
    
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม ได้รับฉายา “ป้อมทะลุเป้า” แม้คนภายนอกมองว่าบทบาทของเขาไม่โดดเด่น แต่ในความเป็นจริงเขากลับสร้างผลงานได้ทะลุเป้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกุมอำนาจในฝ่ายความมั่นคง การปฏิบัติการกระชับพื้นที่ชุมนุมย่านราชประสงค์ การขออนุมัติใช้งบของกองทัพทั้งงบลับหรืองบแจ้งที่ถูกครหาว่าสูงเป็นประวัติการณ์ การได้รับอนุมัติจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากรัฐบาลทุกรูปแบบ ทุกเงื่อนไข ทำให้เป็นปีที่ “ป้อม ทะลุทุกเป้า”
    
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รับฉายา “หัวเทียนบอด-แบน” เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่นายกฯ ตั้งความหวังเอาไว้มากว่าจะเข้ามาพัฒนาระบบไอทีของประเทศ แต่ทั้งนายกฯ และคนไทยกลับต้องผิดหวังแทบทุกเรื่อง เพราะทั้งระบบ 3 จี บัตรประชาชนอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) ทุกโครงการยังไม่สำเร็จ ทั้งที่พยายามสตาร์ตมาทั้งปี แต่ยังไม่ติด เหมือนรถที่หัวเทียนบอด แต่รูปธรรมการทำงานกลับเป็นการไล่บี้-สั่งแบนเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้แบนติดดิน โดยเฉพาะการมุ่งแต่สะสางสัญญาสัมปทานของค่ายชินคอร์ป
    
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้รับฉายา “นาง “ฟ้า” สต๊อกลม” เป็นอดีตแอร์โฮสเตสที่ผันตัวมาเล่นการเมือง ก่อนรับบทแม่ค้าในฐานะ รมว.พาณิชย์ ต้องค้าขายบริหารสินค้าเกษตร และระบายสต๊อกสินค้าเกษตรทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่มีการเปิดประมูลสินค้าเกษตร มักมีปัญหาส่อความไม่ชอบมาพากล จนถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอนุกรรมการสอบสวน เมื่อตรวจพบสินค้าเกษตรบางรายการเป็นเพียงสต๊อกลม และสินค้ามีที่มาที่ไปไม่โปร่งใส ขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาสินค้าราคาแพง ทำให้สบช่องจัดรายการ “ธงฟ้าราคาประหยัด” อยู่ตลอดทั้งปี
    
สำหรับวาทะแห่งปี 2553 คือ “ถ้าเลือกตั้งแล้วนองเลือด แล้วผมชนะ ผมไม่เอาหรอก” ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ของนายก รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์
    
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวพร้อมรอยยิ้มถึงการได้รับฉายา “นางฟ้า สต๊อกลม” ว่า น่ารักดี ไม่ได้รุนแรงอะไร แต่หลังปีใหม่ให้นโยบายเจ้าหน้าที่ และตนจะลงพื้นไปตรวจสต๊อกสินค้าเกษตรเองว่ามีสต๊อกลม เหมือนฉายาหรือเปล่า.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์