สนธิ ชี้ทีวีแพร่ภาพประวัติศาสตร์ มีนัยบอก ทักษิณ ควรลาออก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 22:59 น.

สนธิ ชี้การที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แพร่ภาพประวัติศาสตร์ จำลอง-สุจินดา เข้าเฝ้าฯ ในหลวง มีความหมายว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออก ดังเช่น พล.อ.สุจินดา ลาออกเพื่อคลี่คลายวิกฤตประเทศในครั้งนั้น

สมาชิกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 3 คน ได้แก่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายพิภพ ธงไชย ขึ้นเวทีปราศรัย ณ ท้องสนามหลวง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. กล่าวถึงกรณีที่โทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจ ซึ่งมีสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นแม่ข่าย ได้เผยแพร่เทปบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535

ในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ให้ข้อมูลอย่างย่อกับประชาชนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าการเข้าเฝ้าฯ พร้อมแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกว่ามาตลอดว่าพาคนไปตาย โดยระบุว่าในช่วงที่รัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม พล.ต.จำลองถูกขังอยู่ในคุกและไม่ได้รู้ข่าว รู้เหตุการณ์ภายนอกเลย

พล.ต.จำลอง เล่าให้ฟังว่า ถูกจับกุมไปคุมขังที่โรงเรียนนายสิบตำรวจที่บางเขน ในวันที่ 18 พ.ค. 2535 จากนั้นถูกย้ายสถานที่คุมขังอย่างเร่งร้อน โดยถูกควบคุมตัวไปขังที่กองพันสารวัตรทหารอากาศในวันรุ่งขึ้น จนกระทั่งค่ำวันที่ 20 จึงได้รับแจ้งว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ

ผมกลัวคนเข้าใจผิดว่า ผมพาคนไปตะลุยกับทหารตำรวจแล้วพวกเราถูกฆ่าตายเลยมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ ไม่ใช่นะครับ ... ในคราวนั้นพี่น้องก็ทราบ ในหลวงท่านไม่ได้ตรัสตำหนิเลยว่าฝ่ายนี้ทำให้คนตาย เพราะทรงทราบดีว่า เราไม่ได้เดินไปเหยียบกันตาย ที่ตายตายเพราะทหารตำรวจต่างหาก และเกิดขึ้นตอนที่ผมติดคุกอยู่

ด้าน นายสนธิ แสดงความเห็นในฐานะผู้อยู่ในแวดวงสื่อว่า ททบ.5 ซึ่งแม่ข่ายการเผยแพร่เทปบันทึกภาพนั้น ขึ้นอยู่กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งประกาศอยู่ตลอดว่าเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้เป็นทหารของนักการเมือง และได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ชุมนุม โดยให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เสนอข่าวสองด้าน

ย้อนกลับไปก่อน 4 ก.พ. จำได้ไหมที่ทักษิณสั่งให้ตำรวจที่อยู่ในมือตัวเองแจ้งความจับผมกับคุณสโรชาเกือบทั่วประเทศ เสร็จแล้ววันที่ 4 ก็มีพระราชดำรัสออกมาทักเขาถึงต้องถอนฟ้อง ฉะนั้น โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ที่ออกมา นัยที่แท้จริงคือว่า เมื่อสังคมเกิดวิกฤตแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย เพื่อให้เหตุการณ์ที่สงบ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกหรือเปล่า ... นัยที่แท้จริงอยู่ตรงนี้"

นี่กำลังส่งสัญญาณให้คนที่จบด็อกเตอร์รู้ว่าถึงเวลาจะลาออกแล้ว นัยของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์วันนี้มีส่วนละม้ายคล้ายเหตุการณ์วันนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเผด็จการทหาร เราต่อสู้กับเผด็จการนักการเมือง ฉะนั้นแล้ว ถ้า พล.อ.สุจินดายอมลาออก แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลาออกเพราะอะไร

นัยที่แท้จริงได้ถูกส่งออกมาแล้ว โดยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ให้พี่น้องในประเทศได้รู้ว่าเมื่อไรก็ตามที่มีวิกฤตในประเทศ โดยยกตัวอย่างพฤษภา 35 ให้ดู ว่าในที่สุดแล้ว ความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้ เมื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต้องลาออก

ส่วน นายพิภพ มองว่าการนำภาพเหตุการณ์สมัย พ.ค.2535 ออกมาเผยแพร่ มีความหมายคือ ไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์มีความแตกแยกจนเสียหายชีวิตและทรัพย์สิน ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณควรลาออก ในเมื่อไม่สามารถบริหารประเทศได้เพราะไม่มีความเชื่อถือ

นายพิภพ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา นอกจากจะไม่เคยตอบคำถามและข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารประเทศที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งคำถามไว้ พ.ต.ท.ทักษิณยังสร้างความแตกแยกในประเทศ โดยการเชิญชวนเกษตรกรเดินทางมาชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.

อย่างไรก็ตาม นายพิภพระบุว่า พันธมิตรยืนยันตลอดเวลาว่าเราจะชุมนุมอย่างอหิงสา สันติ การจัดการเดินขบวนมีการประกาศล่วงหน้าว่าจะไปที่ไหน และจะบอกประชาชนเสมอ และเตรียมพร้อมติดต่อทหารตำรวจ ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ฉะนั้นเหตุการณ์พฤษภาจะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 14 มี.ค. แน่นอน

ด้าน นายจำลอง กล่าวว่า การชักชวนเกษตรกรเข้ากรุงเทพฯ นั้นไม่เพียงสร้างความแตกแยก แต่ยังเป็นการข่มขู่ผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แต่ผู้ชุมนุมไม่ต้องกลัว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารยุคนี้คิดใหม่ทำใหม่ และได้เตรียมการป้องกันเหตุอันตรายหรือการปะทะกันไว้เรียบร้อยแล้ว