มาร์คลั่นจัดงบฯร้อยละ35ให้ท้องถิ่น

นายกฯ ลั่นจัดสัดส่วนงบประมาณร้อยละ 35 ให้ท้องถิ่น เตรียมดันกม. ที่เกี่ยวข้องเข้าสภาจ่อรอ ส.ส. ชุดหน้าพิจารณา ดัน "แม่สอด" เป็นเขตปกครองพิเศษ วอน อปท.เลิกทำงานเลียนบบขรก. ก๊อบปี้กระทั่งรถประจำตำแหน่ง จี้ลดการทุจริตกินเงินหัวคิว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาโรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี เพื่อเปิดการประชุมสัมมนาเรื่อง “ การกระจายอำนาจและการเสริมสร้างการปกครองตนเองของท้องถิ่น” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสถาบันพัฒนาสยาม และศูนย์ส่งเสริมและประสานงานการวิจัยเพื่อการปกครองตนเองของท้องถิ่น(สปวท.) โดยมีตัวแทนภาคส่วนต่างๆเข้าฟังกว่า 450 คน โดยจำนวนนั้นมีนายกฯอบจ. และนายกฯอบต.กว่า 200 คน นั่งฟังอยู่ด้วย 

 จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง“ทิศทางกระจายอำนาจและเสริมสร้างการปกครองตัวเองของท้องถิ่น ” ตอนหนึ่งว่า การกระจายอำนาจเป็นสิ่งที่เรียกร้องกันมานาน ซึ่ง 20 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเดินมาไกลพอสมควร แต่เราก็เจอปัญหาอุปสรรคในขณะที่ท้องถิ่นต้องการเติบโต โดยในช่วงที่เราเริ่มทำแผนและขั้นตอน เราคิดว่าท้องถิ่นจะต้องดูแลงบประมาณได้ร้อยละ 35 ภายในเวลา 7 ปีหลังจากนั้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้จนต้องย้อนกลับไปแก้กฎหมายโดยไม่มีการกำหนดเวลาว่าจะทำเรื่องนี้ได้เมื่อใด อีกทั้งยังมีภารกิจหลักคือ การศึกษาและสาธารณสุข ก็ยังไม่ได้รับการถ่ายโอน ทำให้ไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนงบประมาณให้ท้องถิ่นเป็นร้อยละ 35 ได้ และยังสะท้อนปัญหาที่เกิดกับส่วนกลาง โดยกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขกลายเป็นกระทรวงที่ใหญ่มาก

 เพราะไม่มีการกระจายอำนาจหรือถ่ายโอนออกมา ทำให้การบริหารจัดการมีความลำบาก นอกจากนี้ วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการถ่ายโอนภารกิจหรือการจัดสรรงบประมาณของส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น และยังมีปัญหาการตีความกฎหมายหรือกฎระเบียบ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาเป็นระยะๆ รวมถึงมีปัญหาการเมืองที่เข้ามาสอดแทรก ทั้งนี้ แม้มีปัจจัยแทรกซ้อนมาตลอด 

 "ผมยืนยันว่ารัฐบาลต้องการเห็นการกระจายอำนาจมากขึ้น จึงตั้งใจว่าเป้าหมายการกำหนดสัดส่วนงบประมาณร้อยละ 35 ให้กับท้องถิ่น ต้องทำให้ได้ ซึ่งจะมีการดำเนินการในหลายด้านเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการกระจายอำนาจ” นายกฯ กล่าว

 นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในปี 2554 ตนคาดหวังและกำหนดเป้าหมายในเรื่องนี้ คือ 1.เมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ที่จะไม่อยู่ครบวาระ กฎหมายหลักๆที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าไปอยู่ในขั้นตอนของสภาฯ เพื่อที่ว่าเมื่อมีการเลือกตั้งไปแล้ว รัฐบาลชุดใหม่สามารถหยิบยกหรือขอให้สภาฯชุดใหม่พิจารณาต่อได้เลย ซึ่งสิ่งที่ตนให้ความสำคัญคือกฎหมายที่เกี่ยวกับการคลังของท้องถิ่น เพราะจุดหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนผลักดันการกระจายอำนาจ คือการเพิ่มความเป็นอิสระด้านการคลัง

 ซึ่งถ้ามีกฎหมายรองรับการจัดสรรและจัดเก็บรายได้ จะทำให้การกระจายอำนาจมีความเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังรวมถึงกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจโดยตรง แต่มีผลอย่างมากต่อศักยภาพของท้องถิ่น คือกฎหมายภาษีทรัพย์สินและที่ดิน ที่รัฐบาลต้องการให้เป็นเครื่องมือสร้างความเป็นธรรมในสังคม และรายได้ตัวนี้จะต้องเป็นรายได้สำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะภาษีที่ดินและภาษีของอสังหาริมทรัพย์ควรเป็นภาษีของท้องถิ่นมากที่สุด เนื่องจากผูกติดอยู่กับพื้นที่หรือท้องถิ่น

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กฎหมายอีกฉบับที่ตนอยากเร่งรัดให้พิจารณาและทำออกมา คือการจัดตั้งให้ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งมีรูปแบบต่างกับกรุงเทพฯและพัทยา เพราะมีวัตถุประสงค์พิเศษในเรื่องการส่งเสริมการค้าชายแดน และการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยนครแม่สอดจะมีอำนาจพิเศษในบางกฎหมายที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มี เช่น การส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น ถ้าเราทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เราจะมีบทบัญญัติที่เปิดโอกาสให้โอนอำนาจของหลายส่วนราชการไปอยู่ที่ท้องถิ่นได้อัตโนมัติ ดังนั้น ถ้าในปีหน้าสามารถออกกฎหมายเหล่านี้ได้ ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของการกระจายอำนาจ

 นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของงบประมาณ ด้วยปัญหาเศรษฐกิจโลกทำให้เราต้องปรับลดงบประมาณ และการที่รัฐบาลมีนโยบายหลายเรื่องที่ต้องให้ท้องถิ่นดำเนินการ เช่น เบี้ยยังชีพ นมโรงเรียน ฯลฯ ทำให้ยอดเงินที่ถูกนับว่าเป็นของท้องถิ่น ท้องถิ่นก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องนโยบายของตัวเอง ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้แทนของสำนักงบประมาณแล้วว่าต้องรีบดูเรื่องดังกล่าว เพราะในปีงบประมาณ 2555 ตนไม่ต้องการให้นับเงินส่วนนี้เป็นเงินของท้องถิ่น แต่ต้องไม่ให้สัดส่วนงบประมาณของท้องถิ่นลดลง ซึ่งการจัดทำงบประมาณในปีงบประมาณ 2555 จะอยู่บนสมมติฐานตรงนี้เพื่อให้การผลักดันการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ขณะเดียวกัน ปัญหากฎระเบียบหรือการตีความต่างๆนั้น ขณะนี้ คณะกรรมการการกระจายอำนาจที่ตนเป็นประธาน พยายามดูแลแก้ไขหลายเรื่อง และทบทวนการจัดสรรเงินอุดหนุน

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการกระจายอำนาจและบทบาทท้องถิ่นเป็นการคิดจัดการปัญหาประชาชนในเชิงพื้นที่ ต่างจากส่วนกลางที่บริหารจัดการปัญหาตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งตนไม่ต้องการเห็นท้องถิ่นทำงานเหมือนลอกการทำงานของราชการ รวมถึงไปเห็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อย่าง “สถานที่ทำงานใหญ่โต มีรถประจำตำแหน่ง และเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง” ท้องถิ่นต้องเข้าไปสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายกับกลุ่มต่างๆในพื้นที่ในอีกลักษณะหนึ่ง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับภาคประชาชน และการใช้ประโยชน์จากสถาบันการศึกษา

 นายกฯ กล่าวด้วยว่า การกำกับดูแลความโปร่งใสในการบริหารจัดการต้องมีธรรมาภิบาล ด้วยความเห็นใจที่เป็นนักการเมืองเหมือนกัน เวลาที่ทำอะไรดีๆทุกอย่างเป็นไปตามปกติก็ไม่ค่อยมีใครรับรู้เท่าไร แต่เมื่อผิดสักหนึ่งเรื่องในเรื่องที่มีความสสนใจ สังคมก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบ และเมื่อเกิดขึ้นบ่อยคนก็คิดว่าทุกสิ่งเลวร้ายไปหมด ซึ่งท้องถิ่นก็ทราบดีว่ามีการกล่าวหาว่ามีการกินหัวคิวในการจัดซื้อจัดจ้างหรือสนใจแต่งานการก่อสร้าง ซึ่งตนมั่นใจว่าท้องถิ่นหมื่นกว่าแห่งไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมดแน่นอน แล้วก็มั่นใจว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแน่นนอน แต่ถามว่ามีหรือไม่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีจริง ซึ่งบั่นทอนการทำงานของท้องถิ่นในภาพรวม จึงต้องช่วยทำให้สิ่งนี้ลดน้อยและหมดไป

 ในตอนท้ายนายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตนใส่ใจปัญหาของท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ขณะที่ตนมั่นใจว่าบางเรื่องจะคลี่คลายได้ในปี 2554 ทั้งนี้ เราเดินหน้าเรื่องนี้มากว่า 10 ปีแล้ว จึงจะต้องคิดถึงการก้าวกระโดดเพื่อให้การกระจายอำนาจเกิดความเข้มแข็งอย่างแท้จริง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์