5ไทยถึงบ้านแล้ว บี้ซ้ำพนิช กกต.ลุยคุณสมบัติ


5ไทยถึงบ้านแล้ว บี้ซ้ำ'พนิช' กกต.ลุยคุณสมบัติ

ต้องโทษอาญา พ้นสภาพ'สส.' มาร์คยันไม่ทิ้ง เร่งช่วยอีก2คน ชายแดนคึกคัก แห่เที่ยว'เขมร'


         5 คนไทยล้ำแดนเขมร กลับถึงบ้านแล้ว เลขาฯ กษิต บินไปรับตัวถึงกรุงพนมเปญ หลังศาลตัดสินจำคุก 9 เดือน แต่รอลงอาญา
 
'พนิช'เปิดปากสั้นๆ ขอขอบคุณ แล้วรีบขึ้นรถออกไปทันที

'บัวแก้ว'ยันเดินหน้าช่วยเต็มที่อีก 2 คน 'วีระ' กับ 'ราตรี' คาดสัปดาห์หน้ารู้เรื่อง

'มาร์ค'ระบุเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่กระทบสัมพันธ์ประเทศ มั่นใจคำพิพากษาไม่มีผลต่อปัญหาเขตแดน

ด้าน'กกต.'เตรียมถกคุณสมบัติพนิช ที่ต้องโทษ อาจส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ครอบคลุมไปถึงคดีความในศาลต่างประเทศหรือไม่

ขณะที่ชายแดนกลับมาคึกคักเหมือนเดิม นักพนันแห่เข้าบ่อน เที่ยวนครวัด

จากกรณีศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญ ประ เทศกัมพูชา มีคำพิพากษา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นาย กิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ติดตามนายพนิช, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ หัวหน้าการ์ดพันธ มิตรฯ สายสันติอโศก, นายตายแน่ มุ่งมาจน ศิษย์สำนักสันติอโศก, และนางนฤมล จิตรวะรัตนา ผู้สื่อข่าวของสำนักสันติอโศก รวม 5 คน มีความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพราะเจตนาเดินทางรุกล้ำเข้าเขตแดนกัมพูชา โดยสั่งให้จำคุก 9 เดือน ปรับคนละ 1,000,000 เรียล หรือประมาณ 10,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ก่อน และห้ามบุคคลทั้ง 5 กระทำความ ผิดซ้ำอีก ส่วนนายวีระ สมความคิด แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ เลขาฯ นายวีระนั้น ถูกเพิ่มข้อหาจารกรรม ศาลนัดพิจารณาคดีในวันที่ 1 ก.พ. ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น

'มาร์ค'ช่วยอีก 2 คนไทยที่เหลือ

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลกำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้คนไทยทั้ง 5 คนกลับประเทศไทย ทราบว่าจะเดินทางกลับถึงไทยในช่วงเย็นวันที่ 22 ม.ค. ทราบว่าได้ประสานงานกับกัมพูชาในการแปลคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ทราบว่าคำพิพากษากระทบกระเทือนกับเราหรือไม่ เมื่อถามว่าคำพิพากษายืนยันชัดเจนหรือไม่ว่า พื้นที่ที่ 7 คนไทยรุกล้ำเข้าไปเป็นพื้นที่ของกัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ศาลกัมพูชาจะตัดสินความผิดในเชิงบุคคล หากมีอะไรที่กระทบกระเทือนกับเราเราก็จะดำเนินการ ตั้งใจว่าเมื่อข้อมูลต่างๆ มีความพร้อมก็จะชี้แจงประชาชนเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไม่ได้สูญเสียอะไรทั้งสิ้น รัฐบาลพยายามพิทักษ์ประโยชน์ของประเทศ และเรายังพยามยามเดินหน้าช่วยเหลืออีก 2 คน ให้ได้รับอิสรภาพด้วย

นายกฯ กล่าวต่อว่า กรณีของนายวีระ และ น.ส.ราตรีนั้น เท่าที่สอบถามทราบว่าทั้ง 2 คนไม่ได้แสดงความประสงค์ที่ขอให้เลื่อนการพิจารณา ดังนั้น จะต้องรับฟังแนวทางการต่อสู้ของเจ้าตัวด้วย รัฐบาลอยากให้ทุกอย่างจบเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่ก็ต้องเคารพความประ สงค์ของ 2 คนด้วย อย่างไรก็ตาม กระบวน การทางศาลเป็นเรื่องระหว่างศาลกัมพูชากับคู่ความ ไม่มีอะไรที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือดำเนินการอะไรได้ เมื่อเจ้าตัวไม่ประ สงค์ที่จะเลื่อนการพิจารณา หมายความว่า ต้องรอการพิจารณาวันที่ 1 ก.พ. แต่ในส่วนรัฐบาลต้องดำเนินการในส่วนที่จำเป็น คงไม่ต้องรอวันที่ 1 ก.พ.

ชี้คำพิพากษาไม่มีผลเขตแดน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้สอบถาม 2 คนหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดไม่ยื่นเรื่องขอให้เลื่อนพิจารณาคดี นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าทั้ง 2 คนมีแนว ทางต่อสู้คดีต่างหาก คงต้องไปสอบถามนาย การุณ ใสงาม ทีมที่ปรึกษากฎหมายเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เรา ไม่สามารถไปบังคับเขาได้ เพราะเขามีสิทธิที่จะเลือกแนวทางการต่อสู้ และในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ตั้งใจว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ผลกระทบที่เกิดขึ้น และการแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาการรักษาอธิปไตย ของประเทศ ขณะเดียวกันก็จะมีแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป

ต่อข้อถามว่าคำพิพากษาที่เกิดขึ้นไม่มีผลผูกพันกับประเทศใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำพิพากษาผูกพันคู่ความ แต่เมื่อเรารับทราบคำพิพากษาแล้ว และคิดว่าส่วนใดที่จะเป็นปัญหา เราก็จะดำเนินการแย้งไป เมื่อถามว่าจะแย้งในลักษณะใด นายกฯ กล่าวว่า เป็นลักษณะที่เราเคยท้วงติงไปแล้วว่า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน ควรจะหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

อุ้ม'พนิช'ไม่ขาดคุณสมบัติส.ส.

ต่อข้อถามอีกว่าการที่ยังไม่มีการพิจารณาคดี 2 คนไทยที่เหลือ จะเป็นการจุดชนวนให้มีการชุมนุมใหญ่วันที่ 25 ม.ค.นี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลยืนยันว่าจะช่วยเหลือ 2 คนนี้ต่อไป แต่การช่วยเหลือจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของเจ้าตัวด้วย เราจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามต่อว่าคำพิพากษาจะมีผลกระทบต่อตำแหน่ง ส.ส.ของนายพนิชหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ ขณะนี้ก็มีความคิดเห็นของหลายฝ่ายที่ไม่ตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยึดกฎหมายไทย หรือกฎหมายต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่าในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 25 ม.ค. นายพนิชมีสิทธิ์โหวตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในชั้นนี้นายพนิชยังไม่ได้ขาดจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าจะรอให้ กกต. วินิจฉัยก่อนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า กกต.จะวินิจฉัยหรือไม่ และขณะนี้ถือว่ายังไม่มีอะไรที่บอกว่า นายพนิชขาดคุณสมบัติ

ลุ้น'กกต.-ศาลรธน.'วินิจฉัย

ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.พ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ 5 คนไทย และยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เหลืออยู่อย่างเต็มความสามารถ คำพิพากษาของศาลในเบื้องต้นระบุว่า การที่กลุ่มคนไทยถูกจับกุมฐานรุกล้ำดินแดนกัมพูชา เป็นเพราะความเข้าใจผิด และปราศจากเจตนาล่วงละเมิดกฎหมาย หรือท้าทายให้จับกุม การที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือคนไทยผ่านกระ ทรวงการต่างประเทศและทนายความ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องในการที่จะไม่นำปัญหาเรื่องพรมแดน หรืออำนาจศาลเข้าต่อสู้คดี เพราะจะทำให้กลุ่มคนไทยได้รับอิสรภาพล่าช้า จึงอยากให้คนไทยได้เห็นถึงความตั้ง ใจของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์สถานภาพการเป็นส.ส.ของนายพนิช อย่างไร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้หารือในเรื่องนี้ แต่จะต้องพิจารณาตามความจริง ถ้าดูจากเจตนาของผู้ร่างรัฐธรรมนูญในราชอาณาจักรไทย น่าจะระบุถึงสถานภาพความเป็นส.ส.ที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลไทย แต่ทั้งนี้ก็ต้องแล้วแต่กระบวนการพิสูจน์ทราบของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ

มั่นใจไม่ขาดสมาชิกภาพ

ต่อข้อถามว่าพรรคควรจะแสดงความรับผิดชอบเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาประชาธิปัตย์มักจะแสดงว่ามีมาตรฐานสูงกว่าพรรคอื่น น.พ.บุร ณัชย์กล่าวว่า พรรคยืนยันว่านายพนิชไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้งใดๆ ทำให้ศาลกัมพูชาให้อิสรภาพ จุดนี้สังคมสามารถฟังคำอธิบายจากนายพนิชได้

มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ภายใน 1-2 วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายพนิช จะแถลงชี้แจงร่วมกัน หลังจากที่ได้รับอิสรภาพ และเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยนำเรื่องนายพนิชมาขยายผล โดยจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความสมาชิกภาพของนายพนิช เป็นเพียงเกมการเมือง ทั้งที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนเกี่ยวกับสมาชิกภาพของส.ส.ว่า การรอลงอาญาไม่มีผลต่อการขาดสมาชิกภาพ และการพิจารณาคดีของศาลในต่างประเทศยังมีข้อสงสัยด้วยว่าจะเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่ เรื่องนี้ กกต. บางคนได้ออกมายืนยันแล้วว่า นายพนิชไม่ขาดสมาชิกภาพ จึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเคารพกฎกติกาของบ้านเมือง อย่าตะแบงเอาสีข้างเข้าถู

พท.ขวางพนิชโหวตแก้รธน.

ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นว่าท่า ทีของกัมพูชาต่อประเทศไทยน่าจะเริ่มดีขึ้น และขอแสดงความยินดีต่อการกลับบ้านของคนไทยทั้ง 5 ท่านด้วย อย่างไรก็ตาม ในการโหวตเพื่อลงคะแนนการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่านายพนิชอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง ที่จะใช้สิทธิ์โหวตในการเป็น ส.ส.หรือไม่ เพราะนายพนิชเพิ่งถูกคำพิพากษาของศาลให้จำคุก แม้จะเป็นการรอลงอาญาก็ตาม เพราะตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดถึงการสิ้นสภาพ ส.ส.เมื่อถูกศาลตัดสินจำคุก

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ดังนั้น อยากเรียกร้องให้กกต. หรือศาลรัฐ ธรรมนูญออกมาระบุให้ชัดเจนว่า นายพนิชจะหมดสภาพการเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะหากนายพนิชไปร่วมโหวตแก้รัฐธรรมนูญ แล้วผลของการตีความว่าระบุว่านายพนิชสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ก็จะทำให้คะแนนโหวตมีปัญหา และอาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้าเป็นโมฆะได้ ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทยจะรอดูท่าทีของ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง

'สดศรี'ชี้รออาญาสิ้นสภาพส.ส.

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีนายพนิช ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาจำคุก 9 เดือน แต่ให้รอลงอาญาว่า เรื่องนี้จะมีผลต่อสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายพนิช ในฐานะหนึ่งในคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาหรือไม่นั้น คงต้องมาดูตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 106 (4), (5) ,(11) โดยเฉพาะมาตรา 106 (11) ที่ระบุว่า ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่ในตอนนี้เรายังไม่ทราบว่า ศาลของกัมพูชามีกี่ชั้น ถ้านายพนิชไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ก็จะถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด และจะเข้าข่ายตามมาตรา 106 (11) ที่อาจส่งผลให้นายพนิชสิ้นสภาพความเป็นส.ส.ได้ ถึงแม้จะเป็นการรอลงอาญาก็ตาม

กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวต่อ ว่า เรื่องนี้มีปัญหาตรงที่ว่า การที่ศาลกัมพูชามีคำพิพากษาดังกล่าวออกมา แล้วจะมีผลผูกพันกับประเทศไทยด้วยหรือไม่ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญ หมวด 10 ระบุถึงศาลไว้เพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น ประกอบด้วย ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และ ศาลทหาร ที่ผ่านมาเมื่อปี พ.ศ.2521 ทางกระทรวงมหาดไทยเคยส่งเรื่องในลักษณะเดียวกันให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ผลการตีความออกมาว่า ศาลในที่นี้คือศาลทั่วไป ซึ่งรวมถึงศาลในต่างประเทศด้วย เป็นการตีความตามธรรมนูญการปก ครองแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521 แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนายพนิช เป็นกรณีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน

กกต.เรียกถกคุณสมบัติ'พนิช'

นางสดศรี กล่าวว่า ดังนั้น กกต.เตรียมจะพูดคุยถึงกรณีนี้ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจจะให้สำนักงานกกต.บรรจุเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมกกต. อีกครั้งในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ที่ประชุมก็จะหารือในประเด็นที่ว่า ศาลในที่นี้จะรวมถึงศาลในต่างประเทศด้วยหรือไม่ และคำพิพากษาของศาลถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วหรือยัง ประกอบกับขณะนี้คงต้องรอทางกระทรวงต่างประเทศ ทำหนังสือเกี่ยวกับรายละเอียดในคำพิพากษาของศาลกลับมาก่อน ถึงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถ้าที่ประชุมกกต.พิจารณา และเห็นว่าศาลในที่นี้รวมถึงศาลในต่างประเทศด้วย และมีประเด็นพิจารณาให้นายพนิชขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส. ก็คงจะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมสภา เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพนิชจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโหวตได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ต้องขึ้นกับประธานสภา ที่จะพิจารณา เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน กกต.คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่กกต.จะทำหนังสือสอบถามไปยังสภา ด้วยว่า ขณะนี้สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายพนิช สิ้นสุดแล้วหรือไม่

ม็อบอ้างผลงานช่วย 5 คนไทย

สำหรับความเคลื่อนไหวของม็อบเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่ข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น นายทศพล แก้วทิมา ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ และนายเทียนพุทธ พุฒิพงษ์อโศก แกนนำเครือข่ายฯ ร่วมกันแถลง โดยนายทศพล กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเครือข่ายฯ ก็เพื่อช่วยเหลือคนไทย 7 คน โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2553 จนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2554 รวม 25 วัน เป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ทำให้สังคมไทยสนใจ เข้าใจกรณีเรื่องเขตแดนมากขึ้น รวมไปถึงการที่ศาลกัมพูชาพิจารณาปล่อยตัว 5 คนไทยเร็วขึ้นด้วย แต่ยังเหลือคนไทย 2 คน ที่เราต้องมาเตรียมทำข้อมูลช่วยเหลือในการต่อสู้คดี เพื่อให้กลับมาบ้านเราให้เร็วที่สุด

นายทศพล กล่าวว่า แนวทางการเคลื่อน ไหวของผู้ชุมนุม ยังคงจะคลื่อนไหวปักหลักพักค้างที่หน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป จนกว่าคนไทยจะได้กลับมาทั้งหมด จะใช้ยุทธวิธีในการต่อสู้ด้วยความชอบธรรม สันติ อหิงสา อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางกลับของ 5 คนไทยในวันเดียวกันนี้ ได้ประสานมาว่า ไม่ ต้องเดินทางไปรับ เพราะขอใช้สิทธิ์ส่วนตัวที่จะอยู่กับครอบครัวก่อน

โวยเพิ่มข้อหาสายลับ'วีระ'

ส่วนนายเทียนพุทธ กล่าวว่า การตั้งข้อจารกรรมข้อมูล หรือสายลับ แก่นายวีระ และน.ส.ราตรี โดยหลักแล้วการกระทำดังกล่าว เป็นข้อกล่าวหาที่จะใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น เห็นว่าคนที่จะถูกจับในข้อหานี้ น่าจะเป็นนายพนิช เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียงคนเดียว ไม่ใช่มาตั้งข้อหาให้นายวีระ และน.ส.ราตรี แสดงว่ารัฐบาลวางแผนสมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชา เพื่อจับ 2 คนไทย

"เป็นที่น่าสังเกตว่า นายวีระ ถูกจับกุม และตั้งข้อหาจารกรรม ข้อหานี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อรัฐเท่านั้น ซึ่งนายวีระไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่นายพนิชเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงน่าจะถูกตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลมากกว่า เรื่องนี้จึงทำให้เห็นว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อต้องการให้จับกุมนายวีระ และน่าสังเกตอีกว่า คนไทยทั้ง 7 คน ถูกจับที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ทำไมไม่ขึ้นศาลชายแดน แต่กลับนั่งเครื่องบินไปขึ้นศาลที่พนมเปญ" นายเทียนพุทธ กล่าว

เตรียมข้อมูลช่วยอีก 2 คน

ขณะที่ ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า กำลังเตรียม ข้อมูล เอกสารเทคนิคทางกฎหมาย และหลัก ฐานต่างๆ เพื่อต่อสู้และช่วยเหลือ นายวีระ และน.ส.ราตรี โดยจะให้ทั้ง 2 คนนี้ เป็นผู้ยื่นเอกสารต่อศาลเอง เราต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมที่สุด เพราะมีหลายอย่างที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกอย่างทนายความที่ต่อสู้คดี ก็ไม่ใช่ทนายของคนไทย เราจะต่อสู้ในเรื่องของข้อหา เพราะการตั้งข้อหาเป็นการตั้งข้อหาโดยศาล ไม่ใช่อัยการ รวมถึงการตั้งข้อหาว่าจารกรรม ทั้งที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เรามีความเป็นห่วง 2 คนไทยที่เหลือเป็นอย่างมาก เพราะเครือข่ายฯ รู้สึกว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากระทรวงการต่างประเทศเท่าที่ควร จึงยังไม่ไว้ใจกระบวนการของรัฐไทย

ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงต้องต่อสู้ทางภาคประชาชนด้วย ถึงแม้ทั้ง 2 คนจะไม่ได้ร้องขอให้ปล่อยตัวโดยเร็วก็ตาม นอกจากนี้ ยังพบว่าสื่อของสมาคมผู้สื่อข่าวอาเซียน ได้พบข้อมูลความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น และสมาคมผู้สื่อข่าวอาเซียนจะเสนอข้อมูลนี้ให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาด้วย โดยทางเครือข่ายฯ จะประสานงานกับสมาคมผู้สื่อข่าวอาเซียน เพื่อช่วยเหลือคนไทยอีกทาง

'มาร์ค'เรียกถก-กันซ้ำรอย

ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยภายหลังที่นายอภิสิทธิ์เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า นายกฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประ เทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเขตแดน การร้องทุกข์ของประชาชน เรื่องที่ดินทำกิน คำ พิพากษาของศาลกัมพูชากรณี 5 คนไทย และแนวทางปฏิบัติของทหารในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก ประกอบกับต้องการให้ประ ชาชนได้รับทราบ และเป็นแนวทางการช่วยเหลือ 2 คนไทย ที่ยังถูกจับกุมตัวอยู่ด้วย อย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องเพิ่มหรือลดกำลังทหารในพื้นที่ตามแนวชายแดนแต่อย่างใด

นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแส ข่าวว่า นายกฯ กับนายพนิชจะชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นภายใน 1-2 วันนั้น เรื่องนี้ยังไม่มีกำหนดที่จะชี้แจง เพราะต้องการให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้สภาพจิตใจเข้มแข็งก่อน ส่วนจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศไปดำเนินการในเรื่องข้อมูลและรายละเอียด ขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ แต่ก็ต้องขึ้นกับความต้องการของแต่ละบุคคล คดีนี้เป็นความผิดในรายบุคคล ไม่มีผลผูกพันกับรัฐบาล หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องดินแดน

5 คนไทยถึงสุวรรณภูมิแล้ว

จนกระทั่งเวลา 17.15 น. ที่ท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย 5 คนไทย ประกอบด้วยนายพนิช, นายกิชพลธรณ์, ร.ต.แซมดิน, นายตายแน่ และนางนฤมล เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่พีจี 943 พนมเปญ-กรุงเทพฯ ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้องที่เดินทางไปรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยเฉพาะนายพนิช นั้น ใส่แว่นดำ ศีรษะโล้น สวมเสื้อโปโลสีดำ มีร่างกายซูบผอม นายพนิชกล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า คนไทยที่เหลือยังไม่ได้รับการปล่อยตัว คือ นายวีระ และน.ส.ราตรี ทุกคนเข้มแข็งดี ก่อนจะปฏิเสธที่จะตอบคำถามอื่นๆ จากผู้สื่อข่าว กล่าวแต่เพียงว่า "ขอขอบคุณทุกคน" ก่อนที่นายพนิชจะรีบขึ้นรถตู้ส่วนตัวเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปโดยทันที ขณะที่ 4 คนไทยที่เหลือขึ้นรถตู้ของกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางกลับไปทันทีเช่นกัน

อีก 2 คนรู้ผลสัปดาห์หน้า

นายชวนนท์ให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางไปรับ 5 คนไทยจากกรุงพนมเปญ การดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยดี ได้รับความร่วมมือจากทางการกัมพูชา นำคนไทยทั้ง 5 คนเดินทางกลับมาได้ทันเวลาตามที่กำหนดไว้ โดยทุกท่านอยู่ดี ทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจ ส่วนคนไทยที่เหลืออีก 2 คนหวังว่าจะได้รับข่าวดีเช่นเดียวกับคนไทยที่กลับมาก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าการช่วยเหลือบุคคลทั้ง 2 ที่เหลือทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการประกันตัว และการเร่งรัดพิจารณาคดีความ ทุกอย่างต้องเดินหน้าเต็มที่ โดยทางเราจะเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะ 5 คนที่เราช่วยเหลือกลับมาได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว สำหรับความชัดเจนกรณี 2 คนที่เหลือนั้น ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า จากการพุดคุยกับทุกท่านทั้ง 5 คน ทุกคนดีใจที่ได้เดินทางกลับมา เรื่องนี้ต้องขอบคุณทางสถานทูต กระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่มีส่วนในการเจรจาจนประสบผลสำเร็จ สามารถนำคนไทยทั้ง 5 เดินทางกลับมาประเทศได้

ย้ำคำตัดสินไม่มีผลต่อเขตแดน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสอบถามคนไทยทั้ง 5 คน รวมถึง 2 คนที่เหลือ มีความเจ็บป่วยอะไรบ้างหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า อาการเจ็บป่วยไม่มี เข้าใจว่าทุกคนจะเข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ในช่วงที่อยู่ในสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ทราบว่ามีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลอยู่ ไม่มีอาการผิดปกติอะไร

ต่อข้อถามว่าหลังจากนี้จะดำเนินการเรื่องคดีความอย่างไรต่อไป นายชวนนท์กล่าวว่า เรื่องคดีความไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาพูด ขอช่วยเหลือคนไทยในตรงจุดนี้ก่อน เมื่อถามว่าเรื่องคดีความจะมีผลผูกพันกับเรื่องดินแดนบริเวณชายแดนหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า คำตัดสินของศาลไม่ได้ผูกพันกับเรื่องของดินแดน แต่เรื่องการตัดสินคดีจะผูกพันเฉพาะคู่ความในการก้าวล้ำชายแดนเท่านั้น เพราะเรามีสนธิสัญญาระหว่างกันอยู่ ซึ่งอาจกลับไปหาหลักเขตในอดีตมาตรวจสอบดู รวมทั้งขณะนี้ก็มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี คอยดูแลตรงนี้อยู่ ส่วนเรื่องเขตแดนที่ยังไม่มีอะไรชัดเจนก็ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป

ชายแดนอรัญฯกลับมาคึกคัก

สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย เมื่อศาลกัมพูชาปล่อยตัว 5 คนไทยนั้น ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกไปประเทศกัมพูชากันอย่างหนาแน่น ส่วนทางด้านฝั่งปอยเปต ในประเทศกัมพูชา ก็เริ่มคึกคักเช่นกัน มีชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.ตม.สระแก้ว กล่าวว่า มีคนไทยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในกัมพูชามากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เข้าไปเสี่ยงโชคในบ่อนกาสิโน เดินทางเข้า-ออกเพิ่มขึ้น 3,000-4,000 คน ส่วนชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือฝั่งไทย มีวันละ 13,000-14,000 คน อีกทั้งมีพ่อค้าต่างจังหวัดเดินทางมาชื้อเสื้อกันหนาว ผ้าห่มกันหนาวกันอย่างคึกคัก ทำให้รถติดยาวเป็นกิโลฯ ในตลาดโรงเกลือแทบไม่มีที่จอดรถ ทำให้มีเงินหมุนเวียนวันละ 50 ล้านบาท

ด้านนายลี ฮัว พ่อค้าชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า เป็นบรรยากาศที่ดี ที่คนไทยทั้ง 5 จะเดินทางกลับ กรณี 7 คนไทยที่ถูกจับเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด เพราะเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นก็พบปะกันอยู่ประจำ ส่วนกำลังป้องกันประเทศตามแนวชายแดนก็ประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทัวร์ไทยแห่เที่ยว'นครวัด'

ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะ เกษ นั้น บรรยากาศการค้าและท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคักเช่นกัน ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาเริ่มไปมาหาสู่ซื้อขายสินค้ากันตามปกติ เนื่องจากคลายความกังวลต่อสถาน การณ์ตึงเครียดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ กล่าวว่า เมื่อผลการตัดสินคดี 5 คนไทยออกมาเช่นนี้ ส่งผลดีต่อการค้า และการท่องเที่ยวของช่องสะงำเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำให้ชาวกัมพูชาพากันหลั่งไหลเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทย โดยเฉพาะในวันที่ 22 ม.ค.นี้ค่อนข้างคึกคักมาก อีกทั้งบริษัททัวร์ต่างๆ เริ่มนำนักท่องเที่ยวผ่านทางช่องสะงำ เพื่อเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทนครวัด ปราสาทนครธม ที่ จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ขณะนี้มีบริษัททัวร์ 3 แห่งได้ติดต่อเข้ามาแล้ว และจะเริ่มเดินทางมาในวันที่ 23 ม.ค.นี้ เพื่อนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในเขตประเทศกัมพูชา คาดว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป บรรยากาศการค้าและการท่องเที่ยวจะดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ

เจรจาเขมรถอนป้ายประท้วง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนกรณีที่ภายหลังทหารไทยถอนกำลังออกจากวัดแก้วสิขาคีรีสวารา เชิงปราสาทพระวิหาร อ.กันทร ลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เมื่อ 1 ธ.ค. 2553 แล้วปรากฏว่ามีทหารกัมพูชาสลัก ข้อความบนก้อนหินใหญ่ และทำป้ายสลักข้อความเป็นภาษาเขมร ที่หน้าวัดแก้วสิขาคีรีสวารา และทางขึ้นปราสาทพระวิหาร กล่าวหาคนไทยและทหารไทยเป็นผู้รุกรานรุกล้ำดินแดนเขมรนั้น

ล่าสุด พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเรื่องนี้กำลังประสานให้ทหารกัมพูชารื้อถอนข้อความสลักแผ่นหินที่มีข้อความภาษาเขมรประณามทหารไทยออกเสีย เนื่องจากพื้นที่วัดแก้วฯ เป็นพื้นที่ปัญหาใน 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน ซึ่งก็ถือว่าเป็นของไทยเช่นกัน และในข้อตกลงคือห้ามสร้างอะไรที่จะเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าของดินแดนเพิ่มขึ้นมาอีก ขณะนี้ก็รอผลว่าทางเขมรจะว่าอย่างไร แต่หากเขาไม่ยอมก็ต้องประท้วง แต่เชื่อว่าจะเจรจากันได้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์