เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า แนวโน้มล่าสุดภาวะน้ำมันในตลาดโลกและตลาดซื้อขายล่วงหน้า น่าจะอยู่ในช่วงทรงตัว และอาจจะมีการลดลงเล็กน้อย แต่ต้องจับตาดูต่อไป โดยได้ให้กระทรวงการคลังไปดูมาตรการลดภาระผู้บริโภค ส่วนกระทรวงพลังงานซึ่งใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปน่าจะเกือบเต็มที่แล้ว ซึ่งสถานะของกองทุนน้ำมันน่าจะติดลบอยู่ประมาณเดือนละ 500 ล้านบาท แต่ยังมีเงินสะสมเดิมอยู่มากพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตมาช่วยลดภาระราคาน้ำมัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังพูดคุยกันอยู่ ในมุมมองของนายกรณ์มองว่าเราสามารถใช้มาตรการอื่น เช่น ช่วยเหลือเฉพาะจงเจาะเป็นกลุ่ม ซึ่งตนเข้าใจเหตุผล และได้ให้ข้อคิดไปว่าการไปทำอะไรที่มันซับซ้อน จะมีจุดอ่อนเหมือนกัน เช่น สมมุติจะไปช่วยเป็นคูปอง ก็จะเกิดปัญหาอีกว่าใครได้คูปอง ปัญหาของปลอม เป็นต้น
"ต้องยอมรับว่าภาษีสรรพสามิต รัฐบาลได้ขึ้นมาในช่วงปีที่เศรษฐกิจมีปัญหาและพูดชัดเจนแล้วว่าเราเห็นว่าขึ้นได้ในช่วงนั้น เพราะราคาน้ำมันค่อนข้างต่ำ เก็บเงินไว้ในวันที่ราคาน้ำมันแพง เราจะได้มีเครื่องมือ ฉะนั้น วันนี้เราต้องมาพิจารณาว่ามันถึงเวลาหรือยัง ตอนนี้ต้องประเมินแนวโน้มราคา เราคงไม่ทำอะไรไปกระทบกระเทือนโครงสร้างระยะยาว เพราะไม่ทราบว่าราคาน้ำมันดิบแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาประเมินกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรณ์มองว่าหากเข้าไปแทรกแซงจะเป็นการฝืนกระแสโลกทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คิดว่าถ้าสามารถที่จะลดภาระบางส่วน เพื่อไม่ให้ราคาแตะ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าอื่นๆ มาขอขึ้นตาม ก็น่าจะคุ้มค่าแต่หากราคาน้ำมันดิบมันเพิ่มขึ้นแบบยาวเลยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
