พระเปรมศักดิ์ ฝากคำสอน ทักษิณ อย่ายึดติดตัวกู - ของกู

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2549 16:33 น.

พระเปรมศักดิ์ แจงเหตุลา ทรท.ออกบวชไม่กำหนดวันสึก ลั่น เสียลละ เพื่อปลดล็อกเลือกตั้ง 2 เม.ย.พร้อมขอ บิณฑบาต ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง ก่อนบ้านเมืองรุกเป็นไฟ สอน ทักษิณ ยึดหลัก ตถตา พระพยอมรับ 3 ฝ่ายโกนหัวบวชวัดสวนแก้ว

วันนี้ (12 มี.ค.) พระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก หรือนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ลำดับที่ 93 ได้เปิดแถลงข่าวถึงสาเหตุการออกบรรพชาที่วัดสวนแก้ว ว่า อาตมาตัดสินใจอุปสมบถ เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้อากาศก็ร้อน บรรยากาศบ้านเมืองก็ร้อนยิ่งกว่า และทำให้ภายในใจของผู้คนทั่วประเทศร้อนตามไปทั้งหมด เราไม่คอยเห็นทางออกว่า เหตุการณ์บ้านเมืองจะสงบไปได้อย่างไรจึงได้เดินทางกราบนมัสการหลวงพ่อพระพยอม กัลยาโณ ซึ่งท่านได้เตือนสติสังคมก่อนหน้านี้ ว่า รักพ่ออย่าทะเลาะกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขเหตุการณ์ปัจจุบัน เพราะปีนี้เป็นปีมหามงคล ทุกคนก็ทราบ ทุกคนก็รู้ ทุกคนก็พูดแต่ไม่ทำกลับมีแต่ความแก่งแย่ง ช่วงชิงกันเพื่อเอาชนะคะคาน จึงไม่เห็นว่า ในหลวง พระองค์ท่านจะทุกระทมขนาดไหน

อาตมาในฐานะที่เป็นคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็ครุ่นคิดหาเหตุวิธีการว่าจะมีส่วนในการดับเหตุตรงนี้ได้อย่างไรบ้าง ก็เห็นอย่างเดียว คือว่า ต้องเสียสละตนเอง เพื่อจะให้สังคมเห็นทางออกจึงได้ตัดสินใจอุปสมบท และการตัดสินใจในครั้งนี้ คงจะไม่สูญเปล่า คงจะมีส่วนทำให้ผู้คนทั้งหลาย ที่กำลังร้อนอยู่ทุกวันนี้ได้หาทางออกร่วมกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และเป็นการเฉลิมฉลองปีมหามงคล 60 ปีแห่งการครองราชย์ ของในหลวงของเราอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงทำให้พระเปรมศักดิ์มองว่าการออกบรรพชาจะเป็นการให้การเมืองมีทางออก พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงอาตมาไม่อยากจะพูดเรื่องการเมืองเลย เพราะว่า ตอนนี้ก็อยู่คนละโลกแล้ว แต่ถ้าถามก็ตอบสั้น ๆ ว่า เป็นหาทางเดียวที่ปลดล็อกทางการเมืองได้ เพราะขณะนี้คู่กรณีที่ขัดแย้งกันอยู่ 3 ฝ่าย ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามจะเดินไปสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 2 เมษายน ที่จะถึงนี้ก็จะเหลือเพียง 20 กว่าวัน ในส่วนของอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านก็คว่ำบาตรการเลือกตั้ง และก็เดินสายชี้แจงตามจังหวัดต่าง ๆ และอีกส่วน คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ชุมนุมกดดันและจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคม

ดังนั้น เมื่อทั้ง 3 ฝ่ายไม่มีการเจรจากัน ก็ไม่มีทางที่จะยุติความขัดแย้งได้ และอาตมาในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ได้ถอนตัวออกมาจากความขัดแย้งนี้ก็จะเป็นการปลดล็อกให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน ได้มีโอกาสได้ระงับไป เพื่อจะได้ให้ทุกคนได้มาเจรจาร่วมกัน บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจกันอย่างแท้จริง แต่เจตนาของอาตมาจะสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้ก็อยู่ที่พี่น้องชาวไทยที่ประเทศจะต้องคิดร่วมกัน เพียงแต่อาตมาอาสาเป็นผู้เสียสละ ที่จะทำให้เรื่องนี้ ได้เริ่มมีการพูดคุยกันมากขึ้น

เมื่อถามว่า คิดว่า การออกบรรพชาจะเป็นการเสียสละที่จะคุ้มค่าหรือไม่ พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงอาตมาไม่อยากพูดเรื่องการเมืองมาก และไม่อยากพูดด้วยซ้ำไป แต่เมื่อถามอย่างนี้ก็ขอฝากให้กับคนทั้ง 3 ฝ่าย และพี่น้องประชาชนคนไทย เพราะจะสังเกตว่า วันนี้บรรยากาศที่ขัดแย้งได้เกิดกลุ่มบุคคลที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าทุกกลุ่ม ที่ต้องการให้ยุติความขัดแย้ง จากกรณีทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งกลุ่มนี้กำลังรวมตัวกันโดยธรรมชาติ เช่น การเปิดไฟหน้ารถ หรือการเข้าร่วมในแนวทางของหลวงพ่อพยอม เป็นลักษณะรักพ่ออย่าทะเลาะกัน เป็นแนวทางที่เห็นว่า ทั้ง 3 คู่กรณีที่จะพิจารณา โดยเฉพาะรัฐบาลก็น่าจะเห็นแก่ประเทศโดยรวม

เมื่อถามว่า มีกำหนดสึกหรือไม่ พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีกำหนด ตั้งใจไว้ว่าถ้าปฏิบัติธรรมและสามารถจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้มากเท่าไรก็จะอยู่ได้มากเท่านั้น เมื่อถามอีกว่า มีการวางอนาคตทางการเมืองไว้อย่างไร พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่คิดเลย วันนี้การเมืองอยู่นอกระบบระบบความคิดของอาตมา วันนี้จะคิดแต่เรื่องธรรมะ จะคิดในเรื่องสนับสนุนเยาวชน ที่สนใจธรรมะให้มีโอกาสในการพัฒนา ฝึกฝน ขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า

เมื่อถามย้ำอีกว่า จะฝากอะไรให้กับนายกรัฐมนตรี ทำให้พระเปรมศักดิ์ยิ้ม และไม่กล่าวอะไร ขณะนั้นพระพยอม กล่าวแทรกขึ้นว่า อย่าให้พระใหม่ไปสอนสังฆราช ซิ อย่างไรก็ตาม พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ฉะนั้นเอาอย่างนี้ อาตมาขอฝาก
บิณฑบาต ทุกฝ่ายขอให้คู่กรณีทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกันแล้ว โดยสันติวิธี และอย่าตั้งแง่ซึ่งกันและกัน อย่าไปคิดว่าใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ใครจะรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี อ้างชื่อของ นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะรู้สาเหตุการบรรพชามากที่สุด พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลยครับ ไม่เกี่ยวแม้แต่นิดเดียว คือ บางท่านพยายามจะโจมตีอาตมา ด้วยเหตุผลนี้อาตมาจึงไม่ขอโต้ตอบ จากนั้นพระเปรมศักดิ์ ได้อ่านกลอนบทหนึ่งว่า ห้ามอะไร ห้ามใครไม่สิ้นสุด ห้ามให้หยุด ก็ห้ามใจ ไม่ใฝ่ต่ำ ห้ามลมฝนบนฟ้า ใครกล้าทำ ควรตอกย้ำ คือ แก้ไขที่ใจเรา อาตมา จะไม่ไปห้ามปากใครทั้งสิ้น แต่จะห้ามใจตัวเอง และทำใจให้ร่มเย็น

พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาตมาปล่อยวาง ไม่มีการวางแผนอะไร ก็อยากจะเชิญชวนให้หลาย ๆ ท่านปล่อยวางให้มาก ๆ ถ้ายังถือแบบตัวกูของกู ถือเอาตำแหน่งหรือเอาอำนาจเป็นหลัก ก็จะไม่มีข้อสรุป ก็จะมีแต่ความเดือนร้อน มีปัญหาและมีความทุกข์ อยากจะทุกท่านที่กำลังทะเลาะกัน คิดถึงไตรลักษณ์ ที่ว่าสอน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งอนัตตา ความไม่ตัวตนเป็นเรื่องสำคัญ จะเป็นตำแหน่ง ส.ส. รัฐมนตรี หรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนทั้งสิ้น ถ้าไปถือไว้มันก็จะหนัก ถ้าปล่อยวางได้มันก็จะเบา

อาตมาขอเชิญชวนให้หลายท่านปล่อยวาง ถ้าใครมาบวชเพื่อเฉลิมฉลอง ครบรอบ 60 ปี ครองราชย์ในหลวง ก็จะดี จะเป็นประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา ขอให้ทุกท่านไปคิดถึงเรื่องความปล่อยวาง จะใหญ่ขนาดไหนก็คืออนัตตา ซึ่งความไม่ตัวตน ก็คือ คำตอบ ถ้าไปยึดตัวกูของกูมาก เป็นทุกข์มาก ต่อสู้ดิ้นรนมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก สร้างแต่ความลำบาก ดังนั้น ถ้าคิดฝ่าย ๆ สั้น ๆ ก็ให้คิดคิดว่า ตถตา ที่แปลว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง ก็จะเข้าใจได้ฝ่ายและสละได้ จะมีความสุข หากปล่อยวางได้ก็จะมีความสุขทุกคน

ความจริงท่านนายกรัฐมนตรี เป็นคนดี ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนเก่ง บริหารประเทศก็สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ายึดตัวกูของกูมาก ท่านก็จะมีความทุกข์ ครอบครัวก็จะมีความทุกข์ ประชาชนก็จะมีความทุกข์ ดังนั้น ถ้าท่านเข้าใจคำว่า ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง และปฏิบัติได้ท่านก็จะค่อยผ่อนคลายความทุกข์และมีความสุขในที่สุดพระเปรมศักดิ์ กล่าว
พระเปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มีในหลวง มีพระราชินี ที่เป็นศูนย์รวมของคนไทยทั้งชาติ มีพระสยามเทวาธิราช คอยปกปักรักษา อาตมาเชื่อว่าเราจะหาข้อยุติได้ในเร็วๆ นี้

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า จะให้พระเปรมศักดิ์ เป็นวิทยากรอบรมเด็กภาคอีสาน ที่มาทุนการศึกษา รวมทั้งปฏิบัติธรรมไปบ้าง และท่านก็มีพื้นฐานโดยอ่านหนังสือพระพุทธทาสมามาก และน่าจะอยู่ได้ และ เปมสกฺโก ก็แปลว่า ผู้มีศักดิ์และอำนาจแบบสบายๆ ไม่ใช่มีอำนาจแบทุกข์ทรมาน

เชื่อว่า การออกมาบรรพชา ก็จะทำให้ท่านจิตใจสงบ ส่วนที่ถามว่า ถ้าให้ทั้ง 3 ฝ่ายมาบวชที่วัดสวนแก้ว ทั้งหมด อาตมาก็จะรับ ถ้าเป็นไปได้ก็ยิ่งดีใหญ่