ผู้ชุมนุมนัดไล่ทหาร สพรั่งงัดใช้พรก.

สพรั่ง เผยวิธีควบคุมคลื่นใต้น้ำ


สำหรับควันหลงหลัง ครม.มีมติยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 41 จังหวัด และให้คงไว้ใน 35 จังหวัดนั้น พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการคมช. กล่าวถึงมาตรการรองรับการทำงานของทหารภายหลังการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่หากเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในพื้นที่ยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจทหารเข้าควบคุมสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ครม.ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า มั่นใจรัฐบาลและ คมช. เห็นพ้องต้องกันให้ยกเลิกในหลายพื้นที่ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเข้าสู่สภาวะความสงบเรียบร้อยเมื่อบ้าน เมืองสงบเข้าสู่ยามปกติ ส่วนจังหวัดที่ยังไม่เรียบร้อย มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ จำเป็นต้องคงกฎอัยการศึกไว้ คนที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นห้วงเวลาของการฟื้นฟู อย่าออกมากวนน้ำให้ขุ่น

เย้ยไม่ให้ราคา ทักษิณ


ต่อข้อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าหลังจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน คมช.และรัฐบาล พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไม่กลัว แต่ถามว่าอะไรเป็นเกราะป้องกัน ก็คือประชาชนที่จะออกมาต่อต้านเชื้อโรคร้ายเหล่านั้น อย่าอ้างรักประชาธิปไตย ถ้าอ้างอย่างนั้นต้องพูดถึงการซื้อสิทธิขายเสียงว่าใครอยู่เบื้องหลัง อย่ามาว่าคนดี ขอให้ไปด่าคนเลว

เมื่อถามว่า คมช.หวั่นหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังเลิกกฎอัยการศึก พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ช่างเขาเถอะ เราไม่ให้ความสำคัญ เพราะการไปให้ความสำคัญ เหมือนไปเพิ่มค่าให้กับเขา แต่ไม่ใช่ว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่ง คมช.ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูในสิ่งที่เราอยากเห็นชาติบ้านเมืองเจริญขึ้นมากกว่า

โยนตำรวจควบคุมม็อบ 10 ธ.ค.


เมื่อถามถึงมาตรการรับมือกลุ่มต่อต้าน คมช.และรัฐบาลที่จะเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ พล.อ. สพรั่งกล่าวว่า สถานการณ์เป็นตัวกำหนด แต่ต้องไม่ล้ำเส้น หากอยู่ได้ให้อยู่ไป แต่หากมีการเคลื่อนไหวกีดขวางถนน เป็นหน้าที่ตำรวจต้องดูแลควบคุมสถานการณ์ให้ได้

ผู้ชุมนุมเริ่มขยับนัดรวมตัวที่สนามหลวง


เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องเพทาย โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร นำโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายสุวิทย์ เลิศไกรเมธี ผู้ประสานงานเครือข่าย เปิดแถลงข่าวการชุมนุมเดินขบวนต้านรัฐประหารในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.นี้ โดยนายสุวิทย์กล่าวว่า เป็นเวลา 2 เดือนเศษ นับแต่คณะเผด็จการยึดอำนาจล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญ ออกประกาศคำสั่งตามอำเภอใจ

เป็นการกระทำที่ไม่เห็นประชาชนอยู่ในสายตา ไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาตามวิถีทางประชาธิปไตย กลับเชื่อมั่นในวิถีทางแบบเผด็จการ และเป็นการสร้างวัฒนธรรมอำนาจนิยมให้เติบโตต่อไปในภายหน้า ดังนั้น ในเวลา 16.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ เครือข่าย 19 กันยาฯจะจัดการชุมนุมกันที่สนามหลวงด้านสะพานพระปินเกล้า โดยจะเปิดเวทีอภิปราย และจะเดินขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจะมีการเผารัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ

คุยฟุ้งมีแนวร่วมเกิน 3 หมื่นคน


ด้านนายชนาภัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มประกาศจะชุมนุมกันในวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 16.00 น. ที่สนามหลวง ได้รับการตอบรับจากประชาชน กลุ่มผู้ใช้แรงงาน และเกษตรกรทั่วประเทศ ว่าจะขอเข้าร่วมด้วย เพราะเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มตนไม่ใช่เพื่อปกป้องระบอบทักษิณ แต่สู้เพื่อประชาธิปไตย และเชื่อว่าพลังบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะเอาชนะเผด็จการได้ ส่วนกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น ส.จ. อบต. ก็ยืนยันว่าจะส่งตัวแทนมาชุมนุมด้วยแน่นอน

ประกอบด้วยกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจากภาคเหนือ 6 จังหวัด ภาคใต้ 5 จังหวัด ภาคอีสาน 10 จังหวัด ภาคกลาง 7 จังหวัด คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน กำหนดการการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. จะเริ่มในเวลา 16.00 น. ชุมนุมกันที่สนามหลวง จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปวางพวงหรีดที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเดินทางไปกองบัญชาการทหารสูงสุด เพื่อกดดันให้ คมช. และรัฐบาลเร่งจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน และเปิดโอกาสให้อดีต ส.ส. และ ส.ว.ร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนพื่อประชาธิปไตยไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย 19 กันยา และกลุ่มพิราบขาว 2006

ทรท.จี้ยกเลิกกฎเหล็กทุกพื้นที่


น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกเฉพาะบางพื้นที่ว่า ความจริงควรยกเลิกตั้งนานแล้ว เนื่องจากการคงกฎอัยการศึกไว้ไม่ใช่ แนวทางของประชาธิปไตย และทำให้ต่างประเทศมองไทยไม่ดี ความจริงรัฐบาลควรยกเลิกกฎอัยการศึกทุกพื้นที่ ไม่ควรระแวงอะไรอีก โดยเฉพาะการเพ่งเล็งมาที่พรรคไทยรักไทย เพราะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอยู่แล้ว ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนถูกมัดมือชก

ส่วนตัวมองว่าการคงกฎอัยการศึกเอาไว้อีก 35 จังหวัด เป็นการหวังผลเชิงสัญลักษณ์ว่ารัฐบาลรู้ว่ามีคลื่นใต้น้ำตรงไหนบ้างมากกว่า เปรียบเหมือนมีเสือดำมากินไก่ในบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงแค่เห็นเงาแมวก็บอกว่าเป็นเสือแล้ว ทุกวันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาประเทศแบบจับต้นชนปลายไม่ถูก เห็นเรื่องไหนเป็นกระแสก็ทำเรื่องนั้น ทั้งที่เหตุผลการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา มีเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่วันนี้กลับไปทำอีกอย่างหนึ่ง แก้ปัญหาแบบเปรอะไปหมด ทำให้คนทั้งประเทศสับสนว่ารัฐบาลปฏิรูปประเทศ ไทยเพื่ออะไรกันแน่

เติ้ง เตือนระวังเครือข่ายอำนาจเก่า


นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่ ครม.มีมติยกเลิกกฎอัยการศึกในหลายจังหวัด แต่ต่อไปนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล หน่วยข่าวกรองต้องทำงานให้ดี โดยเฉพาะตำรวจต้องทำงานหนักและเตรียมแผนให้พร้อม เพราะจากนี้ไปจะมีการชุมนุมตลอดแบบไม่ขาดตอน ผบ.ตร.ต้องมีบทบาทมากกว่านี้ ต้องถึงลูกถึงคน

แต่ในหลายจังหวัดที่คงกฎอัยการศึกไว้เพราะเป็นจังหวัดชายแดน และบางจังหวัดยังมีคลื่นใต้น้ำ ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินสถานการณ์คลื่นใต้น้ำเป็นอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า หากเคลื่อนไหวและแสดงความเห็นแบบไม่มีเบื้องหลังก็ไม่มีปัญหา แต่คลื่นใต้น้ำยังมีแน่ เพราะท่อน้ำเลี้ยงและกลไกของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ยังมีอยู่ในระบบราชการต้องระวัง เครือข่ายอำนาจเก่ายังมีอิทธิพลอยู่ แต่ตอบไม่ได้มีเยอะหรือไม่

บี้ ทักษิณ เลิกเที่ยว-กลับอังกฤษ


เมื่อถามว่า การไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกในบาง จังหวัด แสดงว่า คมช.ยังกังวลกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนี้ยังเดินทางไปในประเทศเพื่อนบ้าน

นายบรรหารกล่าวว่า ต้องดูไปสักระยะ หากยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้วความถี่ในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณลดลงก็ดี แต่ส่วนตัวคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณท่องเที่ยวพอแล้ว กลับไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษดีกว่า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์