อนุฯ กดส.โวยเด็กนักการเมืองเพียบ

พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี อนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมกันเพื่อรายงานการสำรวจการสรรหาของในแต่ละจังหวัด โดยเราได้เชิญเครือข่ายการเลือกตั้งเพื่อประชาชน ที่เราส่งเป็นตัวแทนในจังหวัดต่างๆ มาร่วมประชุมเพื่อพูดคุยถึงปัญหาการดำเนินการ พบว่าปัญหาใหญ่คือคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาส่วนมาก จะมีเครือข่ายโยงใยกับนักการเมือง ดังนั้น ต่อไปหากจะดำเนินการคัดเลือก ไม่ควรให้ข้าราชการหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวแทน กดส. เพราะเกรงใจนักการเมือง สุดท้ายจะได้ กลุ่มเครือข่ายนักการเมืองเข้ามา แทนที่จะเป็นประชาชนจริงๆ อย่างไรก็ตาม มองว่าภาคประชาชนอาจจะรวมตัวกันเป็นกลุ่ม คอยตรวจสอบการร่างรัฐธรรมนูญ โดยอาจจะทำงานแบบคู่ขนานไปกับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ

พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าวต่อว่า ปัญหาในการทำงานอีกอย่างคือ ระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์มีน้อยมาก ทำให้ประชาชนจริงๆไม่ได้รับทราบข้อมูล คนที่ทราบส่วนมากเป็นเครือข่ายนักการเมือง กำนัน อบต. นักวิชาการ เรื่องนี้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.น่าจะรู้ มองว่า ประธาน คมช.ไม่ควรจะทำตามใจใครมากเกินไป และรัฐบาลไม่ควรตั้งรัฐมนตรีตามใจใคร ดังนั้น คมช.และนายกฯควรจะเปลี่ยนแนวคิด ไม่ควรไปทำในเรื่องที่ไม่ได้ เร่งด่วน น่าจะจับเรื่องที่สำคัญ เพราะไม่อย่างนั้นปัญหาบ้านเมืองจะมีมาก จนอาจจะกลายเป็นกลียุค พวกนักเขมือบจะหาช่องทางนาทีทองเข้ามากอบโกย คมช.และรัฐบาลต้องคุมเกมให้อยู่ เพราะไม่อย่างนั้นเมืองไทยจะลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่นายมีชัยยืนยันที่จะให้มีการเลือกสมาชิกสมัชชาแบบไม่ข้ามกลุ่ม พ.ท.พญ.กมลพรรณตอบว่า ปัญหานี้ได้ทำหนังสือถึงนายมีชัย ว่าการคัดเลือกเพื่อความโปร่งใส ควรจะแบ่งประเภทไปทั้งหมด 9 ประเภท ตามสัดส่วนคือเอาจำนวนคนในกลุ่มมาคูณด้วย 200 หาร ด้วย 2,000 เราจะได้ตัวเลขเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน จะได้คนมาครบและกระจายไปทุกกลุ่ม ส่วนในบัญชีประเภทที่ 1 ซึ่งมีจำนวนมาก เราจะแบ่งเป็นประเภทที่ 1 (1)-1 (7) ส่วน ประเภทที่ 2-9 ก็แบ่งตามกลุ่มได้เลย อย่างไรก็ตาม การที่เสนอไป นายมีชัยจะทำตามหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องของนายมีชัย มีหน้าที่เสนอแนวคิดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด หากแบ่งไปตามประเภทอย่างนี้ การใช้เครื่องตรวจก็ไม่จำเป็น เพราะจำนวนคนในแต่ละประเภทมีน้อยสามารถนับคะแนนได้ทันที