จุรินทร์ ยันแก้ปัญหาทำแท้ง ยังไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยถึงปัญหาการทำแท้ง ว่า ขณะนี้มีคำถามว่าเราควรแก้ไขกฎหมายทำแท้งหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดไปแล้ว และความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่ได้แตกต่างกัน คือยังไม่มีความต้องการที่จะไปแก้กฎหมาย ความจริงถ้าจะแก้กฎหมายคงต้องไปแก้กฎหมายอาญา ซึ่งกฎหมายอาญาเปิดโอกาสให้ทำแท้งได้อยู่แล้วใน 2 กรณีคือ ถ้าปล่อยให้อายุครรภ์มากขึ้นจะเป็นอันตรายต่อแม่ที่ตั้งครรภ์ และกรณีถูกข่มขืน

             

อย่างไรก็ตาม สภาพกฎหมายปัจจุบัน ก็เอื้ออำนวยเปิดโอกาสให้ทำแท้งได้ ในกรณีที่จำเป็นและเหมาะสมกับสภาพการณ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อบังคับของแพทยสภาที่ระบุเรื่องการทำแท้งไว้ชัดเจน ได้แก่ 

1.การทำแท้งหญิงนั้นต้องยินยอม 

2.ผู้ที่ทำแท้งต้องเป็นแพทย์เท่านั้น 

3.จะต้องทำในสถานพยาบาลเท่านั้น ถ้าเป็นสถานพยาบาลของรัฐก็สามารถทำแท้งได้ตามดุลยพินิจของแพทย์และตามเงื่อนไขของกฎหมาย แต่ถ้าเป็นสถานพยาบาลเอกชนอายุครรภ์ต้องไม่เกิน 3 เดือน 

4.เมื่อมีการทำแท้งแล้ว แพทย์ผู้ทำ ต้องรายงานให้แพทยสภาทราบตามแบบรายงานผลที่กำหนดไว้

 

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ประการสำคัญที่สุดคือ เงื่อนไขการทำแท้ง โดยนำกฎหมายอาญามาแปลงเป็นข้อบังคับของแพทยสภามี 3 กรณี ต้องเข้าเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งตามนี้ คือ 

1.ถ้าปล่อยให้อายุครรภ์มากจะเป็นปัญหาต่อสุขภาพกายของแม่ แม่อาจเสียชีวิต 

2.จะมีปัญหาสุขภาพจิตของแม่ที่ตั้งครรภ์ เช่นกรณีเกิดความเครียดรุนแรง เป็นห่วงว่าเด็กที่คลอดออกมาจะเสี่ยงต่อความพิการอย่างรุนแรง หรือเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม เช่นกรณีตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเด็กไม่มีศีรษะ หรือมีศีรษะแต่ไม่มีเนื้อสมอง หรือมีอวัยวะไม่ครบเป็นต้น เมื่อแม่ทราบแล้วจะเครียดมีผลต่อสุขภาพจิตก็สามารถทำแท้งได้ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ นอกจากจะมีแพทย์ผู้ทำแท้งแล้ว ต้องมีแพทย์อีกอย่างน้อย 1 คนที่ต้องให้คำรับรองร่วมกัน เพื่อไม่ให้เป็นการใช้ดุลยพินิจเพียงลำพังของแพทย์ผู้ทำแท้ง 

3.กรณีถูกข่มขืน


นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการไปแล้วว่า ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการกวดขันเฝ้าระวัง โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปติดตามเฝ้าระวังในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่เฉพาะในพื้นที่กทม. เพราะการทำแท้งนอกจากหลักเกณฑ์ที่กำหนดเป็นการทำแท้งผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดำเนินการ


ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้ก็คือ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันและมาตรการที่ดีที่สุดคือมาตรการป้องกัน เพราะการทำแท้งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา การวางแผนครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน



“การมีความรักสามารถทำได้ แต่ต้องรู้จักการปฏิเสธ ต้องเข้าใจว่าความรักไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์เสมอไป เพื่อป้องกันการท้องไม่พึงประสงค์ นำไปสู่การทำแท้ง และเป็นปัญหาสังคม รวมทั้งในวันลอยกระทงนี้ ขอให้วัยรุ่นกล้าที่จะปฏิเสธ   เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง” นายจุรินทร์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์