เสธ.หนั่นวอนแม้ว ลืมอดีตหนุนปรองดอง

 ที่ห้องนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี

แถลงถึงกรณีไปหารือกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้มีการนัดหมายกันมาก่อนล่วงหน้า ซึ่งการได้พบปะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ประเทศนอร์เวย์ โดยบังเอิญ ระหว่างร่วมพิธีรับมอบพระคัมภีร์โบราณให้กับประเทศไทย มีเวลาพูดคุยเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งตนได้ชี้แจงถึงแนวทางการสร้างปรองดองที่กำลังดำเนินการอยู่ให้ พ.ต.ท ทักษิณ รับทราบ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เห็นด้วยและสนับสนุนให้เดินหน้าต่อไป พร้อมกันนี้ ตนได้ขอให้ พ.ต.ท ทักษิณ ลืมเรื่องอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด อย่าได้คิดเครียดแค้นใคร และแก้แค้นกันต่อไปอีก และขอให้หันหน้าเข้ามาร่วมมือในการแก้ปัญหาประเทศชาติ พร้อมกันนี้ตนขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย ทั้งนี้ตนยืนยันว่าการพูดคุยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคดีความ และการนิรโทษกรรม ส่วนรายละเอียดการพูดคุย ไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ จากนี้ไปสามารถสื่อสารกับ พ.ต.ท ทักษิณ ได้อีกด้วยการโทรศัพท์พูดคุยกัน หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ตลอด แต่ไม่มีการนัดหมายว่าจะพบกันอีกเมื่อใด
         
พล.ต.สนั่น กล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตี และนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รับทราบแล้ว

โดยทั้ง 2 คน ไม่ได้สอบถามเพิ่มเติม เพราะเป็นเรื่องที่ดำเนินการส่วนตัว ซึ่งทั้งสองท่านก็เห็นด้วย ว่าทำให้เกิดความปรองดองได้เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจากนี้ไป จะเดินหน้าพบกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ทหาร และกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยคาดว่าแนวทางปรองดองนี้ จะสิ้นสุดในเดือนมกราคมปีหน้า ส่วนจะสำเร็จหรือไม่เป็นเรื่องอนาคต และจะรวบรวมข้อสรุปที่ได้เสนอต่อพรรคชาติไทยพัฒนา รัฐบาลและทุกภาคส่วนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงสุขภาพของ พ.ต.ท ทักษิณ และการเดินทางไปเพื่อช่วยหาแนวทางให้ พ.ต.ท ทักษิณ ได้กลับประเทศไทยหรือไม่

พล.ต สนั่น กล่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอย่างที่เป็นข่าว และหน้าก็ยังเป็นเหลี่ยมเหมือนเดิม สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย ตนไม่ทราบและไม่เกี่ยวข้องด้วย เป็นเรื่องของคดีความ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปจากประเทศไทย 4 ปีแล้ว ท่านก็คงอยากกลับบ้านเป็นเรื่องธรรมดาของคนไทยทุกคน ถ้าเป็นคนอื่นก็คงกลับมานานแล้ว ส่วนการดำเนินการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่และข้อกฎหมาย ตนไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะตนไม่ใช่เจ้าพนักงาน