โฆษกสมาคมนักข่าวฯ ย้ำนายกเกลียดสื่อถือเป็นคำชม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 มีนาคม 2549 21:40 น.

โฆษกสมาคมนักข่าวฯ ขึ้นเวทีสนามหลวงแจงกรณีนายกฯ กล่าวหาว่าสื่อรังเกียจ นับเป็นคำชม เพราะสื่อมีหน้าที่ตรวจสอบ รายงานปรากฎการณ์ต่างๆ ในสังคม ย้ำตอนนี้สื่อถูกคุกคามทั้งในแง่การทำงานและกิจการ จะต้องยึดมั่นหน้าที่และเดินผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ที่สำคัญพัฒนาการของสื่อยุคใหม่คือให้ "ปัญญา" แก่สังคม ไม่ใช่แค่รายงานเหตุการณ์เพียงอย่างเดียว

นายบากบั่น บุญเลิศ โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ขึ้นมาให้สัมภาษณ์ในรายการ "สถานีข่าวท้องสนามหลวง" ของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี บนเวทีการชุมนุมของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ ท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 18.40 น. ของวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่าสื่อมวลชนไทยไม่รักประเทศว่าถือว่าเป็นคำชม โดยอธิบายว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนนักวิชาชีพของสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทยนั้น ได้ชี้ว่าสื่อมวลชนมีหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนภาพความเป็นไปของสังคม บางครั้งคนที่มองเราก็จะเป็นอีกแบบ แต่ก็เป็นไปตามภาพสะท้อนที่เป็นไป

"อยากเรียนแจ้งนายกฯ ทักษิณและประชาชน ในฐานะที่เราเป็นองค์กรสื่อเราเป็นหมาเฝ้าบ้าน ใครมาบุกบ้านเรา เราก็ต้องเห่าหอน อีกอย่าง อยากเรียนแจ้งว่าสื่อมวลชนอย่างพวกเราถูกจับจ้องพอสมควร เพราะเราอยู่บนเส้นทางความขัดแย้งของความคิด อีกฟากนึงก็มองด้วยความกังขากับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ที่เราต้องตรวจสอบการทำงาน 5 ปีที่ผ่านมา อีกส่วนหนึ่งก็ถูกมองในฐานะที่ถูกข่มขู่ ภาพเหล่านั้นไม่รู้ว่าสื่ออย่างพวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร แต่เราต้องทำความจริงปรากฎไปให้ได้"

นายบากบั่น กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีการซื้อสื่อเพื่อแอบโฆษณาสารทางเดียว แต่ท่าทีของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อย่างหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่บ้านเราประกาศไม่รับโฆษณาสารเหล่านี้ ประชาชนคงเห็นได้จากการพลิกดูสื่อหลายๆ ฉบับคงเห็นว่าสื่อแบบไหนบ้างที่ไม่รับการสื่อสารทางเดียว ทั้งนี้ ในวิชาชีพสื่อมวลชนกำลังถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน หรือสภาพทุนที่มีการกีดกันธุรกิจที่เราทำงาน โดยมีคำถามว่าสื่อมวลชนจะก้าวข้ามเพื่อมุ่งหน้ารายงานสิ่งที่เป็นประโยชน์แห่งประเทศชาติอย่างไร

"พวกเราไม่ได้หวั่นวิตกกับการตกงาน แต่พวกเรากลัวประเทศชาติจะเสียผลประโยชน์" โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าว ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า สื่อเกลียดท่านเลยวิพากษ์ท่านมากเหลือเกินนั้น นายบากบั่นกล่าวว่า นั่นคืออคติจากมุมมองของผู้ที่ถูกวิจารณ์ ถ้าหากจะมองว่าสื่อลำเอียงหรือไม่ให้มองว่ามีพื้นที่ข่าวให้กับทุกฝ่ายครบถ้วนหรือไม่ แต่อย่ามองว่าส่วนที่วิพากษ์ใครมีปริมาณมากน้อยเพียงใด

"นายกฯ บอกว่าหนังสือพิมพ์ไม่ชอบท่านมีอคติกับท่าน ซึ่งความชอบหรือไม่ชอบบอกในภาพรวมไม่ได้ แต่วิชาชีพสื่อสารมวลชนก็คือการบอกปรากฎการณ์ในสังคม แม้ว่าจะมีคนมาชุมนุมที่เป็นส่วนน้อย เราจะไม่เปิดพื้นที่ให้พวกเขาหรือครับ แม้ว่าจะไม่ถึง 19 ล้านเสียงก็ตาม แต่เราก็มีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฎ ซึ่งถ้าเกิดมีคำถามขึ้นในสังคมทางผู้เกี่ยวข้องต้องมาชี้แจง"

นายบากบั่นยังอธิบายอีกว่า สื่อมวลชนสมัยหนึ่งก็ได้รับการสั่งสอนว่าเรามีหน้าที่นำข้อมูลสื่อสารออกไป แต่ต่อมาได้พัฒนาขึ้นมาว่าเราต้องนำองค์ความรู้ออกสื่อสารออกไปถือว่าเป็น Knowledge แต่ยุคใหม่สิ่งหนึ่งที่สื่อต้องก้าวข้ามไปให้ได้ก็คือ สื่อมวลชนต้องสะท้อนปัญญาออกไปด้วย นั่นคือการพัฒนาของสื่อ