ตามมาดูปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย ในมาดอาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

อย่างที่รู้กันทายาทคนดัง โดยเฉพาะทายาทของผู้บริหารประเทศเบอร์หนึ่ง อย่างนายกรัฐมนตรี

สังคมมักจะให้ความสนใจจับจ้องเป็นพิเศษไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร เหมือนกับ "ปลื้ม" นายสุรบถ หลีกภัย วัย 23 ปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหัว ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 20

ณ วันนี้นอกจากหนุ่มปลื้มจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองตามรอยพ่อ ชิมลางกับตำแหน่งผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ช่วยงาน นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แต่อีกหนึ่งงานที่เขารักและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ อยากจะทำให้ได้นั่นคือ "อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง" ทำงานช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน

ที่มาที่ไปของการเข้ามาทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นั้น หนุ่มปลื้มบอกว่า ตอนเด็กๆ พ่อจะสอนอยู่เสมอว่าให้ช่วยเหลือผู้อื่น จำได้ว่าช่วงอายุ 5 ขวบ เห็นอุบัติเหตุรถชนกัน มีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายคนนอนเกลื่อนอยู่บนถนน แล้วไม่มีใครมาช่วยเหลือ ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กจึงเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ จึงตั้งใจไว้ว่าหากโตขึ้นจะต้องเข้ามาทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ให้ได้

จากนั้นมา เมื่อทุกอย่างพร้อมหนุ่มปลื้มจึงตัดสินใจเดินเข้าไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งด้วยตัวเอง ขณะที่กำลังจะเรียนจบจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงวันนี้เขาได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิ เกือบ 2 ปีแล้วกับรหัสประจำตัว 3104

"วันที่เข้าไปสมัครก็ไม่ได้บอกว่าเป็นลูกอดีตนายกรัฐมนตรี บอกกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งว่า ผมอยากทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย พี่ๆ ในมูลนิธิจึงให้โอกาสทำงาน แต่กว่าที่จะได้ลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงๆ ก็ต้องฝึกการปฐมพยาบาล การช่วยเหลือชีวิตในเบื้องต้นให้ได้ก่อน ใช้เวลากว่า 1 เดือน จึงได้ออกปฏิบัติงานจริงกับพี่ๆ ในทีม พื้นที่ปฏิบัติงาน ก็อยู่บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ย่านอ่อนนุช เริ่มงานตั้งแต่ 2 ทุ่ม เตรียมพร้อมทั้งสำหรับการปฐมพยาบาลและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุตลอดค่ำคืน" หนุ่มปลื้มเล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

เจ้าของรหัสประจำตัว 3104 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังบอกอย่างเข้าใจชีวิตด้วยว่า
ตลอดเวลาที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิ ทำให้รู้ซึ้งถึงสัจธรรมว่า ชีวิตคนเรามันแค่นิดเดียว ความเป็น ความตาย เกิดขึ้นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที ความเป็น ความตายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงคิดว่าขณะที่ทุกคนมีชีวิตอยู่ ควรจะทำความดีให้แก่กัน สิ่งไหนที่พอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ก็น่าจะทำ

"เหมือนกับเหตุการณ์ที่ผมประทับใจ คือการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถเก๋งชนกับรถบรรทุกย่านพัฒนาการ มีผู้บาดเจ็บในรถเก๋งเป็นพ่อกับแม่บาดเจ็บสาหัส ส่วนเด็กที่อยู่ด้านหลังไม่หนักมาก ตอนนั้นรีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด มารู้ตอนหลังว่าทั้งพ่อและแม่ของเด็กคนนั้นรอดชีวิต ก็รู้สึกปลื้มใจมากๆ ที่ผมกับทีมงานมูลนิธิช่วยให้ครอบครัวหนึ่งได้กลับมามีชีวิตอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ลูกไม่ต้องกำพร้าพ่อแม่" ทายาทอดีตนายกรัฐมนตรี บอกด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

แม้วันนี้หนุ่มปลื้มจะได้รับคัดเลือกให้เป็นอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งมูลนิธิ อีกทั้งยังต้องปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรมกับวาระงานแทบจะทุกวัน แต่เจ้าตัวยังยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นด้วยว่า อย่างไรเสียก็จะไม่ทิ้งงานในการทำหน้าที่อาสากู้ภัยของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งอย่างแน่นอน

หากมีเวลาว่างเมื่อไร เจ้าของรหัสประจำ 3104 ก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ช่วย
"ทราบแล้วเปลี่ยน"

ที่มา : หน้า 25 , หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์